"บิ๊กตู่" ปลื้ม นักศึกษา วปอ.รุ่น 64 ร่วมร้อง "บ้านเกิดเมืองนอน" ย้ำขอให้ยึดมั่นสถาบันหลักของชาติ ห่วงปมคนอยากยืนในโรงหนัง ขอให้กล้าหาญ ยันเป็นคนยิ้มไม่มีเสแสร้ง เป็นมนุษย์ต้องมีเครียดบ้าง
วันที่ 11 พ.ย. 64 ที่อาคารอเนกประสงค์ สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ กทม. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานพิธีเปิดการศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 64 จำนวน 288 คน และนักศึกษาจากมิตรประเทศ รวมถึง นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีตรมว.ศึกษาธิการ ร่วมเรียน วปอ.รุ่น 64 ด้วย
จากนั้น นักศึกษา วปอ. ได้ร่วมขับร้องเพลง "บ้านเกิดเมืองนอน" โดยระบุว่า เสมือนตั้งปณิธานร่วมกันว่า "จะรัก สามัคคี และช่วยกันรักษาบ้านเมือง" และหลังจบเพลง นายกฯ กล่าวว่า ฟังอ่านเนื้อร้องแล้วคิดตามไป ในนั้นมีคำว่า "เคย" อยู่หลายตัว แต่วันนี้ต้องร่วมกันสร้างสิ่งที่เรามีอยู่ในปัจจุบันให้เข้มแข็ง แข็งแรงที่สุด ไม่ว่าจะประเทศ ประชาชน ทุกส่วนงานที่เกี่ยวข้องต้องมุ่งมั่นรักษาแผ่นดินนี้ไว้ ซึ่งเป็นแผ่นดินเดียวที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน แต่สิ่งสำคัญที่ทุกคนอาจจะลืมไปแล้วว่า ประเทศไทยสามารถจะรักษาความเป็นอิสระไว้ได้ ไม่ได้เป็นเมืองขึ้นของใคร ด้วยพระสติปัญญาพระมหากษัตริย์ในอดีต และประเทศไทยไม่มีความขัดแย้งใดๆ จวบจนถึงรัชกาลปัจจุบัน และสถาบันพระมหากษัตริย์ได้สร้างคุณประโยชน์มากมาย ฉะนั้นทุกคนต้องนำมาขับเคลื่อน สืบสาน รักษา ต่อยอด ประเทศไทยจึงจะเข้มแข็ง
จากนั้นนายกฯ กล่าวบรรยายเรื่อง บทบาทของภาครัฐ เอกชน และการเมืองในการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ ว่า วันนี้เราทุกคนอยู่ภายในกฎหมายเดียวกัน นั้นคือความเท่าเทียมในเรื่องของโอกาส กฎหมาย ความเป็นธรรม และต้องดูแลผู้มีรายได้น้อยไปด้วย เราต้องเข้าใจสิ่งเหล่านี้ให้ได้ เรามีสิ่งที่ดีๆ อยู่แล้ว ในเรื่องของประชาธิปไตย และวันนี้เราต้องพัฒนาความก้าวหน้าของประเทศและประชาคมโลกที่มากขึ้น โดยเฉพาะเทคโนโลยีดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย นำไปสู่ภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ซึ่งปัจจุบันต้องมีความระมัดระวัง เพราะเรากำลังเผชิญภัยคุกคามใหม่ๆ ที่มีหลายมิติ เราต้องป้องกันที่เรียกว่า “ความมั่นคงแบบองค์รวม” และรัฐบาลได้กำหนดแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนปฏิรูปประเทศ เพื่อยกระดับการพัฒนาให้บรรลุตามวิสัยทัศน์ และต้องพัฒนาให้ทัดเทียมกับประเทศอื่น โดยที่ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ภายใต้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ผ่านกลไก “ประชารัฐ” น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และพระราโชบาย สืบสาน รักษา ต่อยอด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 มาปฏิบัติและร่วมกันรักษาแผ่นดินไทยนี้ไว้ตลอดไป
...
นายกฯ กล่าวว่า เราต้องพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่มีความหลากหลาย มีความแตกต่างทางความคิด การปฏิบัติ ให้เป็นคนเก่ง คนดี มีวินัย ยึดมั่นในสถาบันหลักของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม เคารพกฎหมาย มีกระบวนการคิดถึงเหตุและผล นอกจากนี้ที่สำคัญคือรอยยิ้มที่เป็นการยิ้มที่ไม่เสแสร้ง "เวลาผมยิ้มให้ใครก็ไม่เสแสร้ง บางคนติงมาว่ายิ้มน้อย จ้องจับตาไปทุกอิริยาบถ ก็ไม่เข้าใจ ต้องยิ้มเปิดปาก ต้องยิ้มเห็นฟัน ก็ผมยิ้มแบบนี้ ผมว่าผมก็ยิ้มใช้ได้กับทุกคน บางทีมันก็เคร่งเครียดบ้างเพราะเป็นมนุษย์ ส่วนเรื่องการพัฒนาการศึกษา เรายินดีที่ พ.ร.บ.ปฏิรูปการศึกษา ผ่านความเห็นชอบจากสภาแล้ว ออกได้เท่าที่สภาเขาเห็นชอบ การจะทำอะไรก็ตามจะต้องผ่านสภาเสมอ ซึ่งรัฐบาลก็พยายามทำมาหลายปี ส่วนเรื่องการเมืองต้องเดินไปด้วยกัน และตนก็ระมัดระวังเรื่องการให้ข่าว"
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานในช่วงท้ายนายกฯ กล่าวว่า เรื่องการยืนในโรงฉายหนัง เป็นห่วงคนที่อยากยืนแต่ไม่กล้ายืน จึงอยากขอทุกคนมีความกล้าหาญจะยืน เป็นเรื่องที่ทุกคนคงเข้าใจ ไม่ใช่บังคับกัน.