ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัย กรณีการปราศรัย “อานนท์-ไมค์-รุ้ง” ถึงข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบัน ชี้ ใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง

วันที่ 10 พ.ย. 2564 ศาลรัฐธรรมนูญ นัดอ่านคำวินิจฉัย เรื่อง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 โดย นายณฐพร โตประยูร (ผู้ร้อง) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 (เรื่องพิจารณาที่ 19/2563) ในเวลา 15.00 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ว่าการกระทำของ นายอานนท์ นำภา หรือ ทนายอานนท์ (ผู้ถูกร้องที่ 1), นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ (ผู้ถูกร้องที่ 2), น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง (ผู้ถูกร้องที่ 3), นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน (ผู้ถูกร้องที่ 4), น.ส.จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ (ผู้ถูกร้องที่ 5), น.ส.สิริพัชระ จึงธีรพานิช (ผู้ถูกร้องที่ 6), นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข (ผู้ถูกร้องที่ 7) และ น.ส.อาทิตยา พรพรม (ผู้ถูกร้องที่ 8) ชุมนุมปราศรัยเมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2563 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เพื่อเสนอข้อเรียกร้อง 10 ข้อเกี่ยวกับสถาบัน เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่งหรือไม่

ขณะที่วันนี้ ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้กำหนดบุคคลเฉพาะผู้ร้อง ผู้ถูกร้อง และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในห้องพิจารณาคดีได้เท่านั้น และให้สำนักงานจัดช่องทางรับฟังการอ่านคำวินิจฉัยแก่ประชาชนและสื่อมวลชน และยังออกประกาศกำหนดอาณาบริเวณหรือพื้นที่ที่กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญและสำนักงาน ใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติงานรักษาความปลอดภัยและสงบเรียบร้อยระหว่างเวลา 00.01-23.59 น. เนื่องจากหน่วยงานด้านความมั่นคงแจ้งว่ามีสิ่งบอกเหตุอาจมีความไม่ปลอดภัยและไม่สงบเรียบร้อยเกิดขึ้น ซึ่งในเวลา 13.30 น. บรรยากาศรอบนอกยังเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และพบเห็น รุ้ง ปนัสยา เดินทางมาถึงแล้ว เนื่องจากมีการประกาศนัดรวมตัวกันตั้งแต่เวลา 13.00 น.

...

เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. น.ส.ปนัสยา ได้อ่านแถลงการณ์ถึง 10 ข้อเรียกร้องการปฏิรูปสถาบันอีกครั้ง ก่อนสรุปทิ้งท้ายว่า การกระทำเมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2563 ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต และข้อเสนอเรื่องการปฏิรูปสถาบันทั้ง 10 ประการ ไม่ได้เป็นการสิทธิหรือเสรีภาพล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่กลับกันจะช่วยส่งเสริมสถานะดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคง จึงขอให้ศาลวินิจฉัยยกคำร้องของผู้ร้อง หลังแถลงจบก็เดินทางเข้าไปในศาลรัฐธรรมนูญ

ล่าสุดเวลา 15.00 น. ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งพิจารณาเพื่ออ่านคำวินิจฉัย เรื่อง คำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 โดยมีสรุปสาระสำคัญว่า คดีมีพยานเพียงพอที่จะพิจารณาจึงยุติการไต่สวน ข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐาน ฟังเป็นยุติว่า ผู้ถูกร้องที่ 1, 2 และ 3 ปราศรัยหลายครั้งหลายสถานที่ต่อเนื่องกัน เรียกร้องให้มีการแก้ไขเกี่ยวกับสถาบัน อภิปรายให้มีการเปลี่ยนสถาบันด้วยข้อเรียกร้อง 10 ประการ 

เป็นการกระทำที่มีเจตนาทำลายล้างสถาบันพระมหากษัตริย์โดยชัดแจ้ง การกระทำของผู้ถูกร้องที่ 1, 2 และ 3 เป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การเรียกร้องโจมตีในที่สาธารณะโดยใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ นอกจากเป็นวิถีที่ไม่ถูกต้อง ใช้ถ้อยคำหยาบคายและละเมิดสิทธิประชาชนที่เห็นต่าง เป็นกรณีตัวอย่างให้คนอื่นทำตาม อีกทั้งมีการดำเนินการเป็นขบวนการ ยังคงร่วมชุมนุมกับกลุ่มต่างๆ ใช้กลยุทธ์เป็นแบบไม่มีแกนนำ มีลักษณะเป็นขบวนการเดียวกัน มีเจตนาเดียวกัน ใช้ข้อมูลที่เป็นเท็จ เกิดความวุ่นวายในสังคม

นอกจากนี้ พฤติการณ์และเหตุการณ์ต่อเนื่องของทั้ง 3 คน แสดงให้เห็นว่ามีเจตนาเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่ง

สรุปคำวินิจฉัยในช่วงท้าย “วินิจฉัยว่า การกระทำของผู้ถูกร้องที่ 1, 2 และ 3 เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่ง และสั่งการให้ผู้ถูกร้องที่ 1, 2 และ 3 รวมทั้งกลุ่มองค์กร เครือข่าย เลิกกระทำการดังกล่าวที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตด้วย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคสอง”

ทั้งนี้ ก่อนการอ่านคำวินิจฉัย ผู้รับมอบฉันทะของ ทนายอานนท์, นายภาณุพงศ์ และตัว น.ส.ปนัสยา ขอออกจากห้องพิจารณา โดยระบุในทำนองเดียวกันว่าต้องการให้มีการเปิดไต่สวน เพราะมีพยานอย่าง นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส. ศิวรักษ์ พร้อมที่จะให้การด้วย แต่หากไม่อนุญาตให้ไต่สวนก็ขอไม่อยู่รับฟัง

ทางด้านศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่า ที่กล่าวมาคือข้ออ้างของผู้ถูกร้อง เราไต่สวน แสวงหาข้อเท็จจริงทุกอย่าง เอกสารส่งให้ผู้ถูกร้องหมดแล้ว และได้รับข้อโต้แย้งหมดแล้ว ให้ความเป็นธรรมและยุติธรรมผู้ถูกร้องครบถ้วน เป็นระบบไต่สวนซึ่งศาลมีอำนาจไต่สวน กระบวนพิจารณาถูกต้อง เรื่องนี้ใช้เวลาพิจารณาปีเศษ รอบคอบ หาพยานหลักฐานในการไต่สวนตลอดเวลา

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของคำวินิจฉัยฉบับเต็มจะรายงานให้ทราบต่อไป.