นายกรัฐมนตรี เปิดงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ปี 64 ขอคนไทยไม่ลืมประวัติศาสตร์ ยกสถาบันฯ ทรงวางรากฐานวิทยาศาสตร์ไทย ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ถูกใจกับภาพเสือ พร้อมขอซื้อจากบูธสถานทูตฝรั่งเศส
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 10 พ.ย. ที่อิมแพ็ค อารีนา เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานเปิดงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติประจำปี 2564 โดยมี นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมด้วย 4 เอกอัคราชทูตเดนมาร์ก ฝรั่งเศส เยอรมนี ญี่ปุ่น และรัสเซีย รวมไปถึงผู้แทนทูตจากสหราชอาณาจักร เข้าร่วมงานในครั้งนี้ด้วย
โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า วันนี้เป็นวันแห่งความสุขของนายกฯ อีกครั้ง ขอขอบคุณ อว. ที่นำนโยบายของตนและรัฐบาลไปสู่การปฏิบัติในการยกระดับและพลิกโฉมประเทศ วันนี้โลกเปลี่ยนแปลงเราต้องปรับตัวเป็นโลกแห่งเทคโนโลยีดิจิทัล เป็นสิ่งที่จะทำให้ประเทศชาติเจริญพัฒนาก้าวหน้าและมั่นคง ก็คืองานด้านวิทยาศาสตร์ถือเป็นส่วนสำคัญที่สุด เราคนไทยคงจำได้ว่า ประวัติศาสตร์ชาติไทยมีความเป็นมายาวนานอย่างไร คนไทยโชคดีที่มีพระมหากษัตริย์ทรงวางรากฐาน ด้านวิทยาศาสตร์ การพัฒนาประเทศให้ทัดเทียมนานาชาติ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงเป็นพระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย และในหลวงรัชกาลที่ 9 พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย ขณะที่ในหลวงรัชกาลที่ 10 ได้ทรงสืบสานและต่อยอด โดยทรงใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช่วยแก้ปัญหาความทุกข์ยากและระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ฯ ครั้งนี้ เป็นมหกรรมใหญ่ครั้งหนึ่ง ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 จึงขอให้ทุกคนระมัดระวังตามมาตรการต่างๆ ให้ดีที่สุดครบถ้วน หากเราป้องกันดีแล้วก็จะมั่นใจว่าเราปลอดภัย ขอเชิญชวนให้ทุกคนมาเยี่ยมชมงานในครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นโอกาสที่เยาวชนได้เรียนรู้ พระราชกรณียกิจและพระอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์ของพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงค์ทุกพระองค์ ก่อให้เกิดคุณเอนกอนันต์แก่ประเทศ เพื่อให้ยึดถือเป็นแบบอย่างในความมุ่งมั่น การศึกษา การพัฒนาองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อประโยชน์สังคมโดยรวม
...
ทั้งนี้ในยุคปัจจุบันต้องยอมรับว่าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนา คุณภาพสิ่งต่างๆ และเป็นทักษะพื้นฐานในการดำรงชีวิตในศตวรรษที่ 21 ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลที่จะต้องเรียนรู้ว่าจะอยู่อย่างไรในโลกของอนาคต ที่เป็นโลกแห่งความรู้หลากหลาย เป็นการเรียนรู้อย่างไร้พรมแดน ซึ่งจะต้องเป็นความรู้พื้นฐานของคนไทย และต้องมีการพัฒนาเรียนรู้อย่างต่อเนื่องให้มีการกระจายไปยังทุกพื้นที่ในทุกจังหวัด เพื่อสร้างแรงกระตุ้นให้ทั้งครู นักเรียน ประชาชนและผู้นำชุมชนให้ความสนใจในเรื่องนี้ เพราะนี่คืออนาคตของประเทศและคนไทยทุกคน
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้จะได้ชมผลงานต่างๆ ของเยาวชนจะเห็นได้ว่า เยาวชนของเราไม่ได้ด้อยกว่าชาติใดในโลก ทั้งด้านกีฬา ด้านดนตรีและด้านวิชาการ ที่ไปสร้างชื่อเสียงในระดับโลก เวทีการแข่งขันนานาชาติ สำหรับรางวัลในวันนี้ถือเป็นการขอบคุณและขวัญกำลังใจที่มอบให้กับเยาวชนและครูที่ทุ่มเทในการสร้างสรรค์ผลงานทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจนได้รับการยอมรับในระดับสากล สิ่งต่างๆ นี้จะนำไปสู่การต่อยอดยกระดับให้มีมูลค่าทางเศรษฐกิจตอบโจทย์สังคม ซึ่งรัฐบาลพร้อมที่จะสนับสนุนเยาวชนไทยอย่างเต็มที่
นายกฯ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้การศึกษาของเราต้องเข้าให้ถึงแก่นแกนการศึกษา ซึ่งสถาบันการศึกษา ครู ต้องมีส่วนสำคัญสร้างแรงกระตุ้น โดยครูต้องพัฒนาตัวเองสอนให้เด็กเข้าใจเรียนรู้ว่า จะใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้อย่างไร พร้อมการสอนให้เกิดกระบวนการคิด โดยครูกับนักเรียนต้องเรียนรู้ไปด้วยกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันมากกว่าการท่องหลักการอย่างเดียว เพื่อให้เดินหน้าไปได้ โดยบ้าน วัด โรงเรียนสำคัญที่สุดในสังคมไทย โดยได้สั่งการ รมว.อว. ไปแล้วให้นำเรื่องเหล่านี้แพร่ทุกพื้นที่ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางความรู้และนำไปสู่การพัฒนาที่ดีขึ้นกว่าเดิม สิ่งสำคัญเด็กๆ ทุกคนต้องเรียนรู้และสนใจไขว่คว้าให้จบการศึกษาและมีงานทำ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลจพยายามอย่างยิ่งยวดในเรื่องนี้
นายกฯ ยังกล่าวถึงการเดินทางไปเข้าร่วมการประชุม COP26 ได้ย้ำว่า วันนี้เราต้องให้ความสำคัญกับโลกใบนี้ ซึ่งเป็นโลกของทุกประเทศ ไม่ใช่เพียงเฉพาะประเทศไทย เรามีโลกเพียงใบเดียว ก็คงต้องใช้ศัพท์แบบนี้กันทุกประเทศ เราต้องรักษาโลกใบนี้ให้ได้ เพราะโลกส่งเสียงเรียกร้องมาแล้ว ว่าเราดูแลมากน้อยเขาเพียงใด ทั้งน้ำท่วม ภัยแล้ง ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ไฟไหม้ แผ่นดินไหว ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น สิ่งเหล่านี้คือการที่โลกส่งเสียงเรียกร้องให้ดูแลเขาบ้าง ซึ่งรัฐบาลได้แถลงในที่ประชุม COP26 ไปแล้ว แต่ทุกอย่างจะเกิดผลสำเร็จได้ก็ด้วยเจตนารมณ์อันมุ่งมั่นของพวกเราทุกคน ทั้งนายกฯ รัฐบาล คณะรัฐมนตรีและพวกเราทุกคนในชาติร่วมมือกับต่างประเทศที่จะทำให้โลกใบนี้เป็นโลกที่น่าอยู่เป็นโลกที่ปราศจากก๊าซเรือนกระจก
ทั้งนี้ภายหลังเสร็จสิ้นการเปิดงาน นายกรัฐมนตรี ได้เดินชมนิทรรศการให้ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามบูธต่างๆ ภายในงาน จนเมือเดินมาถึงบูธของสถานทูตฝรั่งเศส นายกฯ ก็ได้ถูกใจกับภาพเสือ หรือ Tiger และได้หยุดถ่ายภาพคู่เป็นที่ระลึก พร้อมขอซื้อภาพดังกล่าว
จากนั้น ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ว่า ที่ขอซื้อภาพดังกล่าว เป็นเพราะว่าตนเองเคยอยู่ ร.21 ทหารเสือราชินี ก็มีรูปปั้นเป็นรูปเสือเป็นสัญลักษณ์ของกรม อีกทั้งส่วนตัวเป็นทหารเสือราชินี นั่นคือความภาคภูมิใจของตนเองเมื่อในอดีตที่ผ่านมาก็เท่านั้น