"บิ๊กป้อม" สั่งคุมเข้มด้านชายแดนเมียนมา หวั่นยาเสพติดทะลักเข้าไทย พอใจผลปราบปราม สั่งขยายผลใช้ทุกกฎหมายทำลายขบวนการค้ายา
เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 64 พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ พอใจผลงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ปีงบประมาณ 64 ที่ผ่านมา จากการทำงานหนักร่วมกันของฝ่ายความมั่นคง ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดที่รุนแรง ที่สามารถสกัดกั้นและกวาดล้างจับกุมยาเสพติด ยึดยาบ้าได้กว่า 557 ล้านเม็ด ยาไอซ์ 26,867 กก. เฮโรอีน 4,521 กก. โคเคน 46.50 กก. เคตามีน 2,552 กก. และยาอี 437,027 เม็ด มีผู้กระทำผิดกว่า 3.3 แสนคน ซึ่งสามารถทำลายเครือข่ายยาเสพติด 4,925 เครือข่าย ขยายผลยึดทรัพย์ได้กว่า 6,577 ล้านบาท
พล.อ.คงชีพ กล่าวว่า แนวโน้มสถานการณ์ยาเสพติดยังคงรุนแรงต่อเนื่องไป จากความรุนแรงในเมียนมาและการสู้รบของชนกลุ่มน้อยตามแนวชายแดน ส่งผลให้มีการเร่งผลิตยาเสพติดในประเทศเพื่อนบ้านและลักลอบลำเลียงเข้าไทยมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับความต้องการยาเสพติดของผู้เสพทั้งในและต่างประเทศยังมีสูง แม้อยู่ในช่วงแพร่ระบาดของโควิด ซึ่งรองนายกฯ ได้แสดงความเป็นห่วง ต่อพัฒนาการของขบวนการค้ายาเสพติด ที่มีการขยายเครือข่ายในวงกว้างมากขึ้น โดยมีกลุ่มเยาวชน กลุ่มผู้ตกงานและกลุ่มผู้เสพผันตัวมาเป็นนักค้าในชุมชน
“พล.อ.ประวิตร ได้ย้ำสั่งการฝ่ายปกครอง ร่วมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและทำงานเชิงรุกร่วมกันมากขึ้น ทั้งการป้องกันและปราบปราม โดยเน้นพัฒนากลไกการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนให้ชุมชนเข้มแข็ง เป็นศูนย์กลางในทุกจังหวัด อำเภอ และชุมชน รวมทั้งใน กทม. เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันกับกลุ่มเสี่ยงสูง โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนในสถานศึกษา ร่วมเปิดพื้นที่และสนับสนุนการกีฬาและสันทนาการในชุมชนมากขึ้น เพื่อลดความต้องการใช้ยาเสพติดระดับพื้นที่”
...
พล.อ.คงชีพ กล่าวต่อว่า สำหรับการปราบปราม ได้ย้ำกับฝ่ายความมั่นคง ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และ ป.ป.ส.ต้องดำรงความเข้มข้นร่วมกันสกัดกั้นและปราบปราม ทั้งพื้นที่ชายแดนและพื้นที่ชั้นในอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเฝ้าระวังการค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ระบบขนส่งพัสดุ รวมถึงการลักลอบส่งออกต่างประเทศซึ่งพบมากขึ้น ทั้งนี้ให้ขยายผลเชื่อมโยงเครือข่ายและเส้นทางการเงินของนักค้ายา นำสู่มาตรการฟอกเงินและมาตรการทางภาษี โดยให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเฉียบขาดในทุกราย.