นพ.โอภาส ระบุ กทม. โควิดลดเพราะวัคซีนสูตรไขว้ เผย มติคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ให้คนฉีดแอสตราฯ 2 เข็ม รับเข็มกระตุ้นได้ทั้งไฟเซอร์และโมเดอร์นา ถ้าแพ้วัคซีนให้เริ่มจากเชื้อตาย

วันที่ 5 พฤศจิกายน 2564 ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค มีการประชุมเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา รับทราบถึงประสิทธิผลการป้องกันการติดเชื้อ จากการใช้งานจริงโดยใช้ฐานข้อมูลห้องปฏิบัติการสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) ของผู้รับบริการเขต กทม. และข้อมูลการฉีดวัคซีนในระบบหมอพร้อมเมื่อเดือนกันยายน 2564 พบว่า แอสตราเซเนกา 2 เข็ม ป้องกันติดเชื้อ 54% สูตรไขว้ซิโนแวค-แอสตราเซเนกา ป้องกันติดเชื้อ 70% ถือว่ามีประสิทธิผลน่าพอใจ และเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ กทม.ลดการระบาดได้ดี

คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคยังมีมติให้คำแนะนำการฉีดวัคซีน คือ

1.ฉีดวัคซีนโควิดชั้นผิวหนังได้กรณีวัคซีนมีจำกัด เนื่องจากประสิทธิผลใกล้เคียงกับการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ พบผลข้างเคียงทางผิวหนังชัดกว่า แต่ผลข้างเคียงภาพรวม เช่น การเป็นไข้ลดน้อยลง เพราะใช้วัคซีนปริมาณน้อยกว่า

2.ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่และวัคซีนโควิด-19 ไปพร้อมๆ กันได้ เนื่องจากวัคซีนโควิดมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง ฉีดเกือบ 80 ล้านโดส อาการรุนแรงจากวัคซีนมีไม่มาก

3.ผู้รับวัคซีนแอสตราเซเนกา 2 เข็ม ให้กระตุ้นเข็ม 3 ได้ทั้งไฟเซอร์และโมเดอร์นา ระยะห่างจากเข็มสอง 6 เดือนขึ้นไป โดยผู้ที่รับครบช่วงพฤษภาคม-มิถุนายน สามารถไปลงทะเบียนยังจุดฉีดใกล้บ้านได้ตามความสมัครใจ

4.กรณีแพ้วัคซีนให้เปลี่ยนชนิดวัคซีนได้ ตามเกณฑ์ที่กำหนดหรือตามดุลยพินิจของแพทย์ ซึ่งการฉีดจะเริ่มจากเชื้อตาย ไวรัลเวกเตอร์ และ mRNA ส่วนกรณีที่มีความจำเป็นต้องไปต่างประเทศ ให้พิจารณาฉีดตามข้อกำหนดของประเทศปลายทางเป็นรายกรณี.

...