“หมอชลน่าน” เพื่อไทย ยังตามอัด “บิ๊กตู่” อ้าง ยกอำนาจอธิปไตยให้ต่างชาติ สุดกังขา เหตุใดรัฐบาลแอบเจรจา "คิงส์เกต" ปมเหมืองทองอัครา ปิดบังคนไทยทั้งประเทศไม่ให้ได้รู้
วันที่ 22 ต.ค. 64 นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กรณีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้กฎหมายมาตรา 44 ที่ 72/2559 ของ คสช. ระงับการทำเหมืองแร่ทองคำเมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2560 ส่งผลให้บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด บริษัทสัญชาติออสเตรเลีย เจ้าของเหมืองอัครา ผู้รับสัมปทานได้รับความเสียหาย จนต้องนำกรณีพิพาทเข้าสู่อนุญาโตตุลาการ เพราะคิงส์เกตมองว่า การใช้มาตรา 44 ปิดกิจการเหมืองทอง ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ล่าสุด จากถ้อยแถลงของบริษัท คิงส์เกต เปิดเผยว่า ทางรัฐบาลไทยขอให้ทางบริษัทปกปิดข้อมูลการเจรจาระหว่างรัฐบาลไทยกับผู้แทนของบริษัท ไม่ให้เปิดเผยข้อมูล ขอให้ปิดเป็นความลับ จนกว่าจะถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2564 เพราะอะไรรัฐบาลถึงแอบไปเจรจากับทางบริษัทคิงส์เกต โดยไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลกับพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งๆ ที่ประชาชนเจ้าของประเทศต้องรับผิดชอบแทนพลเอกประยุทธ์ ในกรณีที่คำพิพากษาออกมาว่าไทยแพ้ พลเอกประยุทธ์ตั้งใจโยนภาระให้คนไทยทั้งประเทศรับผิดชอบแทน
นายแพทย์ชลน่าน กล่าวด้วยว่า หากไทยแพ้ ประเทศไทยไม่ต่างจากการสูญเสียอำนาจอธิปไตยบนแผ่นดิน เพราะรัฐบาลต้องยกที่ดินให้บริษัท คิงส์เกต สามารถเข้ามาหาประโยชน์ โดยไม่เป็นไปตามกฎหมาย เป็นเหมือนสภาพบังคับ นอกเหนือจากข้อพิพาททั้งสองฝ่าย ประเทศไทย จะเสียหายมูลค่ามหาศาล แม้จะเป็นการประนีประนอมแต่ก็จะเท่ากับการเอาสมบัติชาติและประชาชน ไปชดใช้ความผิดพลาดของพลเอกประยุทธ์และ คสช. หรือแม้แต่ถ้าอนุญาโตตุลาการชี้ขาดว่า ทางการไทยเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ประชาชนไทยจะต้องเป็นผู้ร่วมกันชดใช้ ซึ่งก็ไม่ใช่พลเอกประยุทธ์ ที่จะต้องเป็นผู้ชดใช้
...
“พลเอกประยุทธ์และคณะรัฐมนตรี พยายามที่จะเลี่ยงตอบคำถามดังกล่าว เพราะพลเอกประยุทธ์ คิดว่า มีรัฐธรรมนูญ คุ้มครองการกระทำของตัวเอง ซึ่งวิธีคิดเช่นนี้เป็นอันตรายต่อประเทศ ทำความเสียหายแล้วไม่ยอมรับผิดชอบ หากมีการเปลี่ยนรัฐบาลเป็นรัฐบาลประชาธิปไตย จะนำคดีเหมืองทอง มาดำเนินการต่ออย่างแน่นอน พลเอกประยุทธ์ จะลอยตัวเหนือความรับผิดชอบไม่ได้ เรื่องนี้ประชาชนทั้งประเทศไม่ยอมแน่” นายแพทย์ชลน่าน กล่าว.