“ชัยวุฒิ” ยัน พปชร.หนุน “บิ๊กตู่” นั่งนายกฯ อีกสมัย บอก พปชร.รักกันดี มีแต่คนนอกปั่นข่าวร้าว แต่ลูกหาบฟัดกันต่อ “สิระ” บินลงใต้นำใบลาออกไปให้ “สุชาติ” ขณะที่ “เสธ.ชาติ” โวยเกมขาใหญ่ทุบคนเก่าปั้นเด็กใหม่เสียบ ซัด “รงค์” อย่าอวดเก่งเป็นวัวลืมตีน ฝ่ายค้านตีปี๊บรัฐบาลสั่นคลอน เชื่ออีกไม่นานยุบสภา “ชัยธวัช” ฟันธง “บิ๊กตู่” ไปก่อน 8 ปี พบจุดจบพิสดารชดใช้เวรกรรม พปชร.ไม่กล้าชูชิงนายกฯ “ยุทธพงศ์” ยุ “ลุงป้อม” ยึดอีกกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน “นิด้าโพล” เผย “ชัชชาติ” ฮอตเรตติ้งทิ้งห่าง “จักรทิพย์-สุชัชวีร์”
กระแสข่าวความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แม้แกนนำรัฐบาลและแกนนำพรรค พปชร.ต่างออกมาปฏิเสธว่าไม่มีปัญหา แต่กลับมีความขัดแย้งลุกลามต่อเนื่องและกระทบถึงพรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่พรรคฝ่ายค้านต่างประเมินสถานการณ์ เชื่อว่าเสถียรภาพรัฐบาลมีปัญหาจนอาจนำไปสู่การยุบสภา
...
“ชัยธวัช” ฟันธง “บิ๊กตู่” ไปก่อน 8 ปี
เมื่อวันที่ 3 ต.ค. นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงข้อถกเถียงคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ ปี 60 กำหนดให้ดำรงตำแหน่งติดต่อกันได้ไม่เกิน 8 ปี และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯได้เกินเดือน ส.ค.65 หรือไม่ว่า เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์น่าจะอยู่ไม่ถึงเดือน ส.ค.65 และเรื่องนี้อาจไม่เกิดปัญหาขึ้นก็ได้ ยากที่จะลากยาวไปถึงเดือน ส.ค.65 ประชาชนต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงนายกฯคนใหม่เร็วที่สุด รอเดือน ส.ค.ช้าเกินไปด้วยซ้ำ เป็นปัญหาทางการตีความตามรัฐธรรมนูญ มีบทบัญญัติ 3 มาตรา คือ 158-170 และบทเฉพาะกาลมาตรา 264 นายกฯจะดำรงตำแหน่งรวมกันเกิน 8 ปีมิได้ เพื่อไม่ให้ผูกขาดอำนาจทางการเมืองยาวเกินไป จะเป็นต้นเหตุวิกฤติทางการเมืองได้ เจตนารมณ์ชัดเจนไม่ต้องการให้มีใครเป็นนายกฯยาวนานเกิน 8 ปี ไม่ว่าจะเป็นนายกฯติดต่อกันหรือไม่ คสช.ที่มีส่วนร่วมเขียนต้องเคารพสิ่งที่ตัวเองเขียนขึ้น อย่า 2 มาตรฐาน ทั้งนี้ พรรคก้าวไกลไม่ยื่นตีความเพราะปัญหายังไม่เกิด เราไม่ต้องยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ เท่ากับขยายอำนาจศาลรัฐธรรมนูญออกไปเรื่อยๆ จนถูกมองว่าศาลรัฐธรรมนูญเป็นรัฐธรรมนูญไป
เชื่อจุดจบพิสดาร พปชร.ไม่กล้าชูต่อ
เลขาธิการพรรคก้าวไกลกล่าวอีกว่า มาถึงวันนี้ต้องบอกว่าจุดลงเอยของระบอบประยุทธ์จบแล้ว ส่วนจะจบอย่างไรกูรูการเมืองยังมองไม่ออก อาจจบแบบพิสดารกว่าที่เคยคิดไว้ เพราะรอยปริร้าวภายใน พปชร.เอง มองไม่ออกจะจบลงอย่างไร น่าหนักใจแทน พล.อ.ประยุทธ์จะเดินอย่างไร จะลงก็ลงไม่ได้แบบสวยๆ จะไปต่อก็ไปไม่ได้ แม้แต่นักการเมืองที่อยู่ในรัฐบาลเอง ทราบดีว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นภาระของฝ่ายรัฐบาลมากกว่าเป็นสินทรัพย์ เชื่อว่าแต่ละพรรครอจังหวะกระโดดออกจาก พล.อ.ประยุทธ์แบบสวยๆ แบบพระเอก ส่วนใน พปชร.กระโดดไม่ได้ เพราะตั้งขึ้นมาเพื่อเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จินตนาการไม่ออกว่าถ้ายุบสภาเลือกตั้งครั้งหน้าจะเดินหาเสียงอย่างไรจะหาเสียงชู พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯอีกครั้งเป็นไปไม่ได้เลย
ใช้กรรมลงหลังเสือหรือไปต่อก็ไม่ได้
“เดาทางออกของ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ออก จะจบแบบพิสดารอย่างไร ไปต่อไม่ได้ ลงจากหลังเสือก็กลัวถูกเสือกัด สร้างเวรสร้างกรรมไว้เยอะ ลงไม่ได้ไปต่อก็ไม่ได้ จะหาทางฉีกไปกับพรรคปลัดฉิ่ง แต่มั่นใจหรือว่าพรรคนี้เป็นอันดับ 1 อาจเล็กลงด้วยซ้ำไป มั่นใจหรือ พปชร.ยังอยู่ด้วยหรือไม่ เอาแค่ พปชร.มีเอกภาพแก้ระบบเลือกตั้ง พรรคฝ่ายค้านยิ้มอยู่แล้วที่ยื่นดาบมาให้ พปชร.คะแนนเสียงตกลงแน่นอน ต่ำกว่าพรรคฝ่ายค้านไม่ต่ำกว่า 50 เสียงแน่นอนวันนี้ปัญหาความไม่เป็นเอกภาพทับถมเข้าไปอีก ไม่รู้จบอย่างไร” เลขาธิการพรรคก้าวไกลกล่าว
ยุ “ลุงป้อม” ยึดกรมพัฒนาฝีมือฯอีก
ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) แถลงว่า รัฐบาลมีความขัดแย้งเรื่องใหม่ ระหว่างพรรคพลังประชารัฐและพรรคประชาธิปัตย์ กรณีที่ประชุม ครม. มอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ คุม 4 กรมของกระทรวงเกษตรฯเดิมที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต รมช.เกษตรฯ ดูแลอยู่ ทั้งที่กระทรวงเกษตรฯขึ้นอยู่กับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ โดยมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เป็นรองนายกฯ คุมกระทรวง ไม่เคยมีแบบนี้ ประชุมประจำเดือนกษ. พล.อ.ประวิตรจะนั่งตรงไหน จะไปยากอะไรปรับ ครม.พล.อ.ประวิตรเอา 4 กรมในกระทรวงเกษตรฯคืน ร.อ.ธรรมนัสคงจะมาเป็นรัฐมนตรีเงา และต้องไปเอากรมพัฒนาฝีมือแรงงานคืนให้นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ด้วย ไม่เช่นนั้นนางนฤมลจะยังร้องไห้ไม่หยุด เพราะถูกยึดไปตอนนี้ไม่มีงานทำ
การันตีมียุบสภาอีกไม่นาน
นายยุทธพงศ์กล่าวอีกว่า ปัญหาเสถียรภาพรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ชูนายจุรินทร์มาแข่งกับ นายกฯแล้ว แต่ พล.อ.ประวิตรระบุยังไม่ปรับ ครม. จึงงงว่าอำนาจการปรับเป็นของ พล.อ.ประวิตร หรือ พล.อ.ประยุทธ์ พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคร่วมมีเสียงกว่า 50 เสียง ถ้าเปิดสภามีกฎหมายการเงินต่างๆเข้ากลุ่มกบฏของ ร.อ.ธรรมนัสกว่า 40 คน และ ประชาธิปัตย์ 50 กว่าเสียง ถ้าถอนตัวรัฐบาลล้มทันที อย่าลืมการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา นายเฉลิมชัย ได้คะแนนสูงสุด และมีสัญญาณจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทำหนังสือด่วนแจ้งหัวหน้าทุกพรรคเตรียมพร้อมส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. สะท้อนเสถียรภาพรัฐบาลไม่ดีและปัญหาความขัดแย้ง ภายในพรรค พปชร.ยังลุกลาม ไม่ได้หยุดแบบที่ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ยืนยันว่ายังรักกันดี การยุบสภาจะเกิดขึ้นอีกไม่นาน
จ่อแฉงบ สทนช.ปั่น พปชร.-ปชป.งัดข้อ
นายยุทธพงศ์กล่าวอีกว่า หลังน้ำท่วมใหญ่ปี 54 รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ขอเงินกู้ 3.5 แสนล้าน ทำระบบป้องกันน้ำท่วมทั่วประเทศ แต่สุดท้ายถูก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ยึด อำนาจ และยกเลิกโครงการแล้วตั้งสำนักงานทรัพยากรน้ำ แห่งชาติ (สทนช.) มาบูรณาการแก้ปัญหาน้ำ มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เป็นประธาน ต้องรับผิดชอบด้วย สัปดาห์หน้าจะออกมาแฉ สทนช. เอางบฯไปบริหารจัดการอย่างไร จะเกี่ยวข้องไปถึง เรื่องที่พรรคพลังประชารัฐขัดแย้งกับประชาธิปัตย์ด้วย น้ำท่วมวันนี้สาหัสไม่แพ้ปี 54 แต่กรมอุตุนิยมวิทยากลับไม่แจ้งเตือน เพราะอธิบดีไม่จัดการอะไร ความรู้ ทางอุตุเป็นศูนย์ ขนาดเรื่องการสร้างหอพักให้กับข้าราชการกรมอุตุฯ งบประมาณกว่า 200 ล้าน ยังทำ ไม่สำเร็จ จะนำข้อมูลเหล่านี้ให้ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร รวมไปถึงกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ตรวจสอบ
12 ต.ค. นัดลงมติขับคนสวนมติพรรค
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังคณะกรรมการจริยธรรมพรรคเพื่อไทย มีมติเกี่ยวกับการดำเนินการกับ ส.ส.ที่โหวต สวนมติพรรค โดยให้ขับ ส.ส.ออกจากพรรคนั้น ช่วงเช้าวันที่ 12 ต.ค. จะรายงานผลการพิจารณาให้คณะกรรมการบริหารพรรคทราบอย่างเป็นทางการ จากนั้นช่วงบ่ายจะประชุมคณะกรรมการบริหาร ร่วมกับ ส.ส.พรรคเพื่อลงมติ ผลจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่ กับที่ประชุม เพราะในการประชุมจะมีการแจ้งผลการ พิจารณาอย่างชัดเจนทั้งข้อเท็จจริงและคำชี้แจง เพื่อให้ ส.ส.ได้พิจารณาอย่างครบถ้วนและเป็นธรรม
ลุยตั้งตัวแทนพรรคส่งชิงทุกเขต
นายประเสริฐกล่าวว่า ส่วนหนังสือจาก กกต.ให้เตรียมพร้อมส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ยังตอบ ไม่ได้ว่าเป็นสัญญาณการเลือกตั้ง เข้าใจว่า กกต.มองว่าหลายพรรคยังไม่ได้จัดตั้งสาขาให้ครบ จึงแจ้ง เตือนเพื่อเตรียมความพร้อมเท่านั้น แต่พรรคเพื่อไทย ดำเนินการไปมากแล้วขาดตัวแทนพรรคบางพื้นที่เท่านั้น แต่การเลือกตั้งครั้งต่อไปเราจะส่งทุกเขตเลือกตั้ง เราให้ความสำคัญและเร่งดำเนินการต่อไป
ปชป.โอ่ชู “จุรินทร์” เสียงตอบรับดี
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การ เสนอชื่อนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นแคนดิเดตนายกฯในนามพรรคเป็นเรื่องปกติตามรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ เพราะเป็นหัวหน้าพรรคและมีคุณสมบัติเหมาะสม เชื่อว่าประชาชนจะให้ โอกาสทำงานเป็นกำลังสำคัญสร้างสรรค์บ้านเมืองต่อไป นายจุรินทร์เป็นนักการเมืองมีบทบาทในสภาเด่นชัด งานรองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ประสบความ สำเร็จตามนโยบายที่ประกาศไว้ กิจกรรม “จุรินทร์ ออนทัวร์” ทั่วประเทศประชาชนตอบรับอย่างดี รวมถึง ใน กทม.ลงพื้นที่ดูแลทุกข์สุขประชาชนช่วงโควิดรุนแรง มีเสียงตอบรับเพิ่ม
นายกฯไปนครศรีฯตามจัดการน้ำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม จะเดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.นครศรีธรรมราช วันที่ 7 ต.ค. โดยเวลา 13.00 น. นายกฯพร้อมคณะจะเดินทางไปที่ศาลากลางจังหวัดนครนครศรีธรรมราช ร่วมประชุมกับส่วนราชการ รับฟังรายงานสถานการณ์น้ำในพื้นที่ ก่อนมอบนโยบายและข้อสั่งการ และออกเดินทางจากศาลากลาง จ.นครศรีธรรมราชไปสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ถนนพุทธิภูมิ ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมืองนครศรีธรรมราช รับฟังบรรยายเรื่องพื้นที่เก็บน้ำตามธรรมชาติ ก่อนร่วมปลูกต้นศรีมหาโพธิ์ และพบปะประชาชน จากนั้นจะไปยังศูนย์ดิจิทัลชุมชน ต.มะม่วงสองต้น อ.เมืองนครศรีธรรมราช เปิดศูนย์ดิจิทัลชุมชนฯและมอบอุปกรณ์พร้อมครุภัณฑ์แก่ศูนย์ดิจิทัลชุมชนฯ เยี่ยมชมบูธแสดงผลงาน พร้อมพบปะประชาชน ก่อนไปที่คลองนครน้อย ต.ปากนคร อ.เมืองนคร ศรีธรรมราช ตรวจราชการโครงการบริการจัดการน้ำ จ.นครศรีธรรมราช ก่อนเดินทางกลับ กทม.
“บิ๊กป้อม” จัดคิวเยี่ยมสระแก้ว 8 ต.ค.
นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร และรองเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยถึงการลงพื้นที่ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐว่า เบื้องต้น พล.อ.ประวิตรเตรียมลงพื้นที่ จ.สระแก้ว ในวันที่ 8 ต.ค. แต่กำหนดการเปลี่ยนแปลงได้ตลอด ต้องดูสถานการณ์หน้างานในพื้นที่ด้วย เนื่องจากเวลานี้ จ.สระแก้ว ประสบภัยน้ำท่วมเช่นเดียวกัน เมื่อถามถึงความคืบหน้ากำหนดการจัดประชุมเพื่อเตรียมการเรื่องต่างๆหรือสัมมนาพรรคพลังประชารัฐในช่วงเดือน ต.ค. นายไผ่กล่าวว่า การสัมมนายังไม่มี ตอนนี้เลื่อนออกไป เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมและโควิด-19 เพื่อให้ ส.ส.ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนก่อน การประชุม ส.ส.พรรคตอนนี้ยังไม่มีอะไร ส.ส.แต่ละคนดูพื้นที่ มีชาวบ้านเดือดร้อน ส.ส.คนไหนว่างมาช่วยกันดูแลประชาชนในแต่ละพื้นที่
“ชัยวุฒิ” ยัน พปชร.หนุน “บิ๊กตู่” ไปต่อ
ที่ จ.อ่างทอง นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ในฐานะ กรรมการบริหารพรรค พปชร.กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับ ครม.ว่าเป็นอำนาจของนายกฯจะตัดสินใจเลือกคนเหมาะสมเข้ามา จะเป็นคนในหรือคนนอกพรรคขึ้นอยู่กับนายกฯ ส่วนพรรค พปชร.เวลานี้ยืนยันไม่มีแรงกระเพื่อมใดๆ ส.ส. กรรมการบริหารพรรคทำงานด้วยกันดี ประชุมร่วมรัฐสภาโหวตทุกกฎหมายให้ผ่านหมดไม่มีปัญหาทั้งสิ้น
รักกันดีมีแต่คนนอกปั่นข่าวร้าว
“ยืนยันภายในพรรคยังรักกันเหมือนเดิม มีแต่คนนอกพรรคเท่านั้นที่พูด คนในพรรคยืนยันจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯคนต่อไป ส่วนเรื่อง พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล อดีตประธานยุทธศาสตร์ พปชร.ไม่อยากให้เอามาเป็นประเด็น เนื่องจากบางคน อาจเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องบางสิ่งบางอย่าง อาจไม่สมหวังก็มีการสร้างข่าวสร้างกระแสขึ้นมา” นายชัยวุฒิกล่าว
“สิระ” บินลงใต้นำใบลาออกให้ “สุชาติ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 4 ต.ค. นายสิระ เจนจาคะ ส.ส. กทม.พรรคพลังประชารัฐ จะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในฐานะประธาน กมธ.การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิ มนุษยชน ร่วมกับนายศาสตรา ศรีปาน ส.ส.นคร ศรีธรรมราช นายอรุณ สวัสดี ส.ส.สงขลา พรรค พปชร.รับหนังสือจากว่าที่ ร.ต.ชัชวาลย์ บำรุงวงศ์ กลุ่มทนายใจดีและผู้เสียหายกว่า 300 คน จากกรณี “แชร์บ้านซ้อปลา” และเวลา 14.00 น. จะไปยัง บช.ภ. 9 เพื่อพูดคุยกับ “ซ้อลูกปลา” และผู้เสียหายทั้งหมด และหลังจากนั้นนายสิระจะเดินทางไปพบ พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล ประกาศจะลาออกจากพรรคไปร่วมงานกับนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวง มหาดไทย ในนามพรรคเศรษฐกิจไทย เพื่อนำใบลาออกจากสมาชิกพรรค พปชร.ไปให้เซ็นด้วย
“เสธ.ชาติ” ซัด “รงค์” อย่าเป็นวัวลืมตีน
พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล อดีตประธานยุทธศาสตร์ภาคใต้ พรรค พปชร.และผู้ร่วมก่อตั้งพรรค พปชร.กล่าวถึงแกนนำและ ส.ส.ใต้พรรคบางส่วนวิจารณ์ว่าเสียมารยาทที่ชวน ส.ส.พปชร.ไปร่วมงานกับพรรคใหม่ว่า ไม่เคยชักชวน ส.ส.พปชร.แม้แต่คนเดียว ที่จะย้ายไปคือผู้ทำงานอำนวยการเลือกตั้งภาคใต้ร่วมกันมา ยังไม่ได้เจาะจงจะไปอยู่กับพรรคไหน คำว่าพรรคใหม่อาจเป็นพรรคตั้งใหม่หรือพรรคที่มีอยู่เดิมก็ได้ ยังเป็นเจ้าไม่มีศาล ขอรอดูความชัดเจนขั้นตอนธุรการของพรรคนั้นๆก่อน แต่ที่พูดชัดคือพรรคที่จะไปต้องสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ส.ส.ใต้แต่ละคนที่วิจารณ์ว่าตนไปชวนนั้นเพี้ยน ขอท้าทั้ง 13 คนให้มาพูดตัวต่อตัวว่าเคยไปชวนหรือไม่ โดยเฉพาะนายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช ถ้าไม่มีตน ไม่ได้เป็น ส.ส.ให้ย้อนไปถึงตอนต้องไปลาออกจากมหาวิทยาลัย ใช้เงิน 7 ล้านบาท เพื่อมาลง ส.ส.ไม่ใช่เงินที่มาจากพรรค พปชร. แต่มาจากที่ พ.อ.สุชาติและทีมงานช่วยกันหามา ขอให้เข้าใจใหม่ อย่าอวดตัว อวดเก่ง อย่าเป็นวัวลืมตีน ส่วนที่นายสิระจะนำใบลาออกมาให้เซ็น คอยอยู่ให้มาเจอ ใบเดียวน้อยเกินไปไม่พอไปเตรียมมาใหม่เป็นพันใบ สมาชิกภาคใต้ที่ช่วยกันหามาพร้อมจะออกด้วย
โอดบิ๊ก พปชร.ทุบคนเก่าปั้นคนใหม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากกระแสข่าวย้ายพรรค อาจสร้างความไม่พอใจให้แกนนำ รวมถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรค พปชร. พ.อ.สุชาติกล่าวว่า เกมของคนที่มีตำแหน่งในพรรคบางคน เขาต้องการทำลายและสร้างคนใหม่ ทำลายคนเก่าออกไปและสร้างคนใหม่ของเขาขึ้นมาแทนในแต่ละที่ เช่น ในการเลือกตั้งนายก อบจ. สงขลาครั้งที่ผ่านมา
ปัด กต.แจ้งเตรียม ส.ส.ไม่ใช่สัญญาณยุบ
นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะนายทะเบียนพรรค พปชร.กล่าวว่า พรรคได้รับหนังสือจาก กกต.แจ้งหัวหน้าพรรคการเมือง เตรียมความพร้อมส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งต่อไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ดูรายละเอียด ฝ่ายกฎหมายจะวิเคราะห์ประเด็นออกมา รายละเอียดเบื้องต้นให้เตรียมผู้สมัคร หากรอประกาศเลือกตั้ง อาจดำเนินการไม่ทัน หลังดูรายละเอียดครบจะเสนอเข้าที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค แต่พรรคยังไม่ได้หยิบยกขึ้นมาหารือ ให้ความสนใจกับการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ยังไม่ถือเป็นการส่งสัญญาณยุบสภา ถ้าการเลือกตั้งเที่ยวหน้าใช้กระบวนการเหล่านี้เต็มรูปแบบจะค่อนข้างยากมาก โดยเฉพาะพรรคที่ยังไม่มีสมาชิกแต่ละเขตเลือกตั้งถึง 100 คน ยังไม่ตั้งตัวแทนประจำจังหวัดประจำเขตเลือกตั้งจะลำบาก
เรตติ้ง “ชัชชาติ” ลิ่วทิ้งห่าง “บิ๊กแป๊ะ”
วันเดียวกัน นิด้าโพลเผยผลสำรวจความเห็นประชาชน เรื่อง “อยากได้ใครเป็นผู้ว่าฯ กทม. ครั้งที่ 6” สำรวจเมื่อวันที่ 27-30 ก.ย.จากผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไปและมีสิทธิเลือกตั้งในกรุงเทพฯ 1,318 หน่วยตัวอย่าง พบว่าร้อยละ 29.74 ระบุว่าเป็นนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ร้อยละ 27.92 ยังไม่ตัดสินใจ ร้อยละ 13.66 พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ร้อยละ 9.33 พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ร้อยละ 4.10 น.ส.รสนา โตสิตระกูล ร้อยละ 3.26 นายสุชัชวีร์ สุวรรณ สวัสดิ์ ร้อยละ 2.73 ผู้สมัครจากคณะก้าวหน้าหรือ พรรคก้าวไกล ร้อยละ 2.20 ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 1.97 ผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 1.29 นายสกลธี ภัททิยกุล ร้อยละ 1.14 ระบุว่าไปลงคะแนน ไม่เลือกใคร (Vote NO) และจะไม่ไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในสัดส่วนเท่ากัน และร้อยละ 1.52 ระบุว่าอื่นๆได้แก่ ผู้สมัครพรรคกล้า ผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐ ผู้สมัครพรรคไทยสร้างไทย ผู้สมัคร พรรคไทยภักดีและเฉยๆ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
“จักรทิพย์-อัศวิน” คะแนนตก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เปรียบเทียบผลการสำรวจอยากได้ใครเป็นผู้ว่าฯ กทม.ครั้งที่ 5 เดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ผู้ที่ระบุจะเลือก พล.ต.อ.จักรทิพย์ พล.ต.อ.อัศวิน ผู้สมัครจากคณะก้าวหน้าหรือพรรคก้าวไกล ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ผู้สมัครจากพรรคประชา ธิปัตย์และไปลงคะแนน ไม่เลือกใคร (Vote NO) มีสัดส่วนลดลง ขณะที่ผู้ที่ระบุว่านายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ยังไม่ตัดสินใจ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ และนาย สกลธี ภัททิยกุล มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น