“บิ๊กป้อม” ดับกระแส ดึง “ดร.ซุป” เสียบรองนายกฯคุมเศรษฐกิจ ยืนยันไม่มีปรับ ครม. “ชัยวุฒิ” ลั่นเป็นไปไม่ได้เขี่ย “สุพัฒนพงษ์” พ้น ครม. ย้ำถ้าปรับจริงต้องเป็นคนในไม่ใช่คนนอก “นิพนธ์” ยก “ดร.ซุป” ยังเป็นบุคลากรทรงคุณค่าของประชาธิปัตย์ แคนดิเดตนายกฯพรรคยังชื่อ “จุรินทร์” “ประเสริฐ” ไม่สนคำโต “พี่ใหญ่” ขอกวาด ส.ส.มากกว่าเดิม “ชลน่าน” ชี้ “บิ๊กตู่” ไม่มีทางอื่น ต้องทูลเกล้าฯร่างแก้ รธน.เท่านั้น
จากกระแสข่าวการปรับ ครม. ที่จะมีการดึงนายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีต ผอ.องค์การการค้าโลก (WTO) มานั่งรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ควบ รมว.พลังงาน แทนนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ทำให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ รีบออกมาดับกระแสว่ายังไม่มีการปรับ ครม.
“บิ๊กป้อม” ยืนยันไม่มีปรับ ครม.
เมื่อวันที่ 2 ต.ค. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เตรียมปรับคณะรัฐมนตรีในเดือน ต.ค. โดยมีการทาบนายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีต ผอ.องค์การการค้าโลก (WTO) มานั่งรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ควบ รมว.พลังงาน แทนนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ส่วน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย จะให้ควบรองนายกฯ และกำลังหาบุคคลที่เหมาะสมมาเป็น รมว.ต่างประเทศ แทนนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศว่า ยังไม่มีการปรับ ครม. และไม่มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งอะไรในพรรค ตอนนี้ยังไม่ทำอะไรทั้งนั้น เพราะรัฐบาลยังต้องใช้เวลาแก้ปัญหาประเทศก่อน โดยเฉพาะปัญหาน้ำท่วมปัญหาใหญ่ นายกฯยังไม่มีมาปรึกษาเรื่องปรับ ครม. ยืนยันตอนนี้ยังไม่มีการปรับ ครม.
...
เป็นไปไม่ได้เขี่ย “สุพัฒนพงษ์”
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กรรมการบริหารพรรค พปชร.กล่าวว่า กระแสข่าวการปรับ ครม.ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะมีการปรับ 2 รัฐมนตรีออก ส่วนจะมีใครถูกปรับออกอีกนั้นยังเร็วไปที่จะสรุป ที่มีข่าวว่าจะปรับนายสุพัฒนพงษ์ออก มองว่าเป็นไปไม่ได้ นายสุพัฒนพงษ์ทำงานได้ดี มีผลงานเยียวยาแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน ทำเรื่องเศรษฐกิจเยอะ ตามข่าวคนที่จะมาแทนไม่ใช่คนในพรรคพลังประชารัฐด้วย ถ้ารอบนี้มีการปรับคงต้องเป็นคนในพรรค
พลังประชารัฐ ไม่น่าเป็นคนนอก พรรคจะได้เข้มแข็ง ทำงานให้กับพี่น้องประชาชนได้อย่างเต็มที่
ยังรัก “ลุงป้อม” หนุน “บิ๊กตู่”
นายชัยวุฒิกล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ในพรรค พปชร.ยืนยัน ส.ส.ยังคงรักกันเหมือนเดิม ยังรักหัวหน้าพรรค พร้อมทำงานร่วมกับพรรค และสนับสนุนนายกฯเหมือนเดิม ทุกคนที่เข้ามาร่วมทำงานในพลังประชารัฐ เริ่มแรกมาด้วยการสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ขณะที่ พล.อ.ประวิตรดูแล ส.ส.ทุกคนอย่างดีในการทำงาน สมาชิกไม่มีใครมีปัญหา คนที่มีปัญหาคือคนนอกพรรคทั้งนั้น ส่วนที่ พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล อดีตประธานยุทธ ศาสตร์ภาคใต้ พรรค พปชร. จะออกไปตั้งพรรคใหม่ถือเป็นสิทธิ์ พ.อ.สุชาติไม่ใช่คนในพรรคแล้ว ไม่ใช่กรรมการบริหารพรรค ไม่ใช่ ส.ส.อย่าไปให้ความ สำคัญมาก ฟังเสียง ส.ส.ในพรรคดีกว่า
ปัด “ดร.ซุป” นั่งรองนายกฯ ศก.
ที่ จ.เพชรบูรณ์ นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช. มหาดไทย รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องการปรับ ครม.ยังไม่มีอะไร เป็นอำนาจของนายกฯ ขณะที่สัดส่วนของพรรคก็อยู่ที่แต่ละพรรคจะดำเนินการ แต่ย้ำว่าพันธสัญญาการร่วมรัฐบาล และสัดส่วนต่างๆยังคงมีอยู่เหมือนเดิม ส่วนกระแสข่าวเตรียมทาบทามนายศุภชัย พานิชภักดิ์ มาร่วม ครม.นั้น ยืนยันว่าไม่ได้เป็นไปตามกระแสข่าว นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัยพรรคประชาธิปัตย์ บุตรชายของนายศุภชัย ยืนยันเองว่ากระแสข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง เชื่อว่านายศุภชัยยังเป็นบุคลากรที่มีความสามารถ และมีคุณค่าของพรรคประชาธิปัตย์
แคนดิเดตนายกฯคือ “จุรินทร์”
นายนิพนธ์กล่าวถึงการประกาศชื่อแคนดิเดตนายกฯของพรรคพลังประชารัฐ และภูมิใจไทยว่า พรรคประชาธิปัตย์ชัดเจนว่าคนที่เป็นหัวหน้าพรรค คือบุคคลที่พรรคจะเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า และเชื่อว่านายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มีความพร้อมเป็นนายกฯ หากได้รับเสียงสนับสนุนเพียงพอในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพราะมีประสบการณ์มากพอ เป็นรัฐมนตรีมาแล้วเกือบทุกกระทรวง ปัจจุบันเป็นรองนายกฯและ รมว.พาณิชย์มีผลงานจับต้องได้เป็นที่ประจักษ์ โดยเฉพาะการประกันรายได้สินค้าเกษตร รวมถึงการส่งออกสินค้าไทย ที่ทำได้จริงตามที่เคยแถลงไว้ ถือได้ว่ากระทรวงพาณิชย์เป็นเครื่องยนต์หลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ ขณะที่บุคลากรของพรรคมีความพร้อมยืนยัน ได้ว่านายจุรินทร์พร้อมเป็นนายกฯ
ปชป.-พปชร.ชิงเหลี่ยมภาคใต้
ด้านนายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงสถานการณ์ชิงฐานเสียงในพื้นที่ภาคใต้ระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับประชาธิปัตย์ว่า แม้จะร่วมรัฐบาลอยู่ด้วยกัน แต่เบื้องหลังกำลังแย่งชิงมวลชนทางใต้ ที่มีการขยายเขตเลือกตั้งจาก 350 เขต เป็น 400 เขต ทำให้ภาคใต้มี ส.ส.เขตเพิ่มขึ้นประมาณ 10 เขต พรรครัฐบาลจึงมองว่าเป็นโอกาสเพิ่มจำนวน ส.ส. เพราะไม่สามารถเพิ่ม ส.ส.ได้จาก กทม. หรือภาคอื่น พรรคร่วมรัฐบาลยังมองคนภาคใต้ว่าตัดสินใจเลือกบนฐานความคิดอนุรักษนิยม ที่ผ่านมาอยู่ภายใต้การครอบงำของประชาธิปัตย์มานาน การถูกเจาะโดยพลังประชารัฐและภูมิใจไทย ก็มาจากการเหม็นเบื่อ พรรคก้าวไกลเชื่อมั่นว่าเรายังมีโอกาสได้ ส.ส.ภาคใต้ เราอยากเห็นคนใต้ยกระดับ ไม่เป็นลูกไก่ในกำมือของพรรคใดพรรคหนึ่ง ไม่อยากให้คนใต้เป็นของตาย เข้าคูหากาของเดิม อยากชวนให้คิดใหม่ เพราะตอนนี้ภาคใต้ยังย่ำอยู่กับที่ ระบบสาธารณูปโภค
ขั้นพื้นฐานก็ไม่ได้รับการพัฒนา ขนาดทางหลวงหมายเลข 4 ยังไม่เป็นสี่เลนเลย
รอยร้าว พปชร.ยากประสาน
นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ที่คนในพรรคพลังประชารัฐประกาศว่าพรรคยังเป็นเอกภาพ พร้อมเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกฯต่อไปนั้น ฟังแล้วไม่ค่อยน่าเชื่อถือ ตอนนี้ทั้ง 2 ฝ่าย คือ กลุ่ม พล.อ. ประยุทธ์กับกลุ่ม พล.อ.ประวิตร แยกกันเดิน โดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย อยู่ในปีกของ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในช่วงการประลองกำลังว่าใครจะยึดพรรคพลังประชารัฐได้ หรือใครจะต้องออกไปตั้งพรรคใหม่ หาก พล.อ.ประยุทธ์ชนะ ก็อาจดึง ส.ส.มาอยู่ด้วยและอยู่พลังประชารัฐต่อไป แต่หากทำไม่ได้ต้องมีเป็น 2 พรรค ก่อนจะมีการยุบสภาหรือลาออก พล.อ.ประยุทธ์คงต้องจัดการให้เรียบร้อยก่อน แต่ถ้าเอากันไม่ลงจริงๆ เจรจากันไม่ได้ เชื่อว่าแนวโน้มที่ พล.อ.ประยุทธ์จะปรับเอา พล.อ.ประวิตรพ้น ครม.เป็นไปได้สูง พล.อ.ประวิตร อย่าคิดว่าตัวเองเป็นต่อ หากถูกปรับออกไปเมื่อไหร่ บารมีลดลงไปทันที
พท.ลุยเลือกตั้งไม่สนพรรคอื่น
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประกาศจะกวาด ส.ส.ให้ได้ 150-200 ที่นั่งในการเลือกตั้งครั้งหน้านั้น ทุกพรรคหวังจะได้ ส.ส.มากขึ้นทั้งนั้น พรรคเพื่อไทยก็มั่นใจว่าเราจะได้ ส.ส.มากขึ้นกว่าเดิมเช่นกัน จากการให้ ส.ส.ลงพื้นที่ ช่วงปิดสมัยประชุม เห็นได้ชัดว่าประชาชนอยากเปลี่ยน อยากให้พรรคเพื่อไทยกลับมาบริหารประเทศ ฟื้นฟูเศรษฐกิจนำความเชื่อมั่นกลับมาเหมือนที่เคยประสบความสำเร็จในอดีต เราไม่ขอพูดถึงพรรคอื่น ส่วนการที่รัฐบาลเร่งลงพื้นที่ต่อเนื่อง จะเป็นสัญญาณว่าการเลือกตั้งจะเกิดเร็วขึ้นนั้น สถานการณ์ปัจจุบันการเลือกตั้งใหญ่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา พรรคเพื่อไทยเตรียมพร้อมอยู่แล้ว
นายกฯไม่มีทางอื่นต้องทูลเกล้าฯ
อีกเรื่อง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการยื่นทูลเกล้าฯถวายร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 83 และ 91 ที่อยู่ในมือนายกฯมาตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย.ว่า นายกฯต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯถวายภายใน 20 วัน นับจากวันที่ 27 ก.ย. ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 256 (7) ประกอบมาตรา 81 และมาตรา 145 โดยสรุปแล้วนายกฯต้องดำเนินการให้เสร็จภายใน 20 วัน เมื่อถามว่าระหว่างที่นายกฯถือร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้สามารถทำอะไรได้บ้าง นพ.ชลน่านตอบว่า ไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว ต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯอย่างเดียว เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 259 (9) กำหนดให้การตรวจสอบความชอบของรัฐธรรมนูญ เป็นหน้าที่ของ ส.ส. ส.ว.หรือสมาชิกรัฐสภา ร่วมกันเข้าชื่อเสนอผ่านประธานรัฐสภา หรือประธานสภาของตนเอง ไม่มีบทบัญญัติใดให้อำนาจนายกฯยื่นตีความ
“ภูมิธรรม” รำลึก 48 ปี 16 ตุลาฯ
ขณะที่นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก “รำลึกการต่อสู้เดือน ตุลาคม” ระบุว่า ต.ค.เดือนแห่งการเปลี่ยนแปลง ชวนให้เราได้ทบทวนและเกิดภาวะ “ตาสว่าง” อีกครั้ง ของบริบทการเมืองไทย ย้อนกลับไปในเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ 16 อยู่ในขบวนนักศึกษาเวลานั้น 48 ปีที่ผ่านมาพบว่าเรายังคงยืนอยู่ในจุดเดิมที่ยังไม่เห็นสังคมที่เป็นธรรม วันนี้ประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหามากมายสร้างความบอบช้ำให้แก่ประชาชนอย่างรุนแรง คิดว่าการเปลี่ยนแปลงทางความคิดและสำนึกรู้ของคนรุ่นเก่า รุ่นปัจจุบัน และรุ่นอนาคต มีความเปลี่ยนแปลง เป็นการเปลี่ยนแปลงที่นำพาเราทั้งหมดสู่ภาวะ “ตาสว่าง” อีกครั้ง และอีกหลายๆ ครั้งในอนาคต เดือนตุลาคมเป็นเดือนแห่งการเรียนรู้ด้วยจิตสำนึกใหม่ของประชาชน
ปฏิรูปศึกษาเน้นเด็กคิดวิเคราะห์
ที่พรรคเพื่อไทย มีการจัดเสวนา “โลกเปลี่ยน การศึกษาไทยต้องปรับ” นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีต รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ปัญหาคุณภาพการศึกษาไทย คือระบบที่ไม่สอนให้เด็กคิดวิเคราะห์ สร้างสรรค์ด้วยตนเอง ยกตัวอย่างรัฐธรรมนูญปี 2560 ผ่านมาแล้ว 4 ปี กฎหมายปฏิรูปการศึกษาเพิ่งเข้าสภา หากจะปฏิรูปต้องเริ่มจากปฏิรูปหลักสูตร ให้เรียนตามความจำเป็น ปรับทัศนคติครูให้รองรับวิธีการสอนแบบใหม่ๆ และปรับระบบการทดสอบนักเรียนให้สอดคล้อง เน้นการคิดวิเคราะห์ให้มากขึ้น โลกปัจจุบันและโลกอนาคต ทรัพยากรมนุษย์คุณภาพคือความสำคัญที่สุด การศึกษาไทยเสียเวลากับการเมืองต่อไปไม่ได้แล้ว เราต้องรีบสร้างทักษะคนให้พร้อม การพัฒนาคนต้องเน้นเสรีภาพการแสดงออก
พัฒนาทุนมนุษย์ให้ทันโลก
นายนพดล ปัทมะ ประธานคณะกรรมการนโยบายและวิชาการพรรคเพื่อไทย กล่าวเสวนาว่า หลายปีมานี้ปัญหาการศึกษารุนแรง ยังคงเหลื่อมล้ำ เด็กยากจนหลุดจากระบบการศึกษานับแสนคน ทักษะภาษาอังกฤษคนไทยลดลงน่าใจหาย ขอเสนอแนวนโยบายดาบ 5 เล่ม เพื่อให้การศึกษาพุ่งทะยานไปข้างหน้า คือ ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงการศึกษาคุณภาพ ทุกที่ทุกเวลาตลอดชีวิต เน้นลงทุนในเด็กปฐมวัย 1-6 ขวบ พัฒนาให้ศูนย์เด็กเล็กมีมาตรฐาน ยึดโรงเรียนเป็นตัวตั้งในการพัฒนา ผู้เรียนที่ชาญฉลาด มีสมรรถนะและทักษะของศตวรรษที่ 21 ยุทธศาสตร์ที่ชาญฉลาด พัฒนาทุนมนุษย์เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ
เร่งแผนป้องกันคุกคามไซเบอร์
วันเดียวกันนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า จากภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้เร่งประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อวางมาตรการยับยั้ง และหยุดความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ด้วยการเร่งจัดทำแผนที่ได้กำหนดตาม พ.ร.บ.ไซเบอร์ มีประเด็นสำคัญ ได้แก่ 1.นโยบายและแผนว่าด้วยความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เพื่อส่งเสริม และสนับสนุน รักษาความมั่นคง ปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศ 2.แผนปฏิบัติการเพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ สำหรับเป็นแผนแม่บทในการรักษาความมั่นคง ปลอดภัยไซเบอร์ ในสถานการณ์ปกติและสถานการณ์ที่อาจจะเกิด หรือเกิดภัยคุกคามทางไซเบอร์ ทั้ง 2 เรื่องนี้กำหนดให้ต้องเสนอต่อ ครม. 3.นโยบายการบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยสำหรับหน่วยงานของรัฐ และหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ ประมวลแนวทางปฏิบัติ และกรอบมาตรฐานด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัย เพื่อปกป้องประชาชนคนไทยให้รอดพ้นกับปัญหาภัยคุกคามทางไซเบอร์