จับตารัฐสภาล่ม 2 ครั้งซ้อน โยงอาฟเตอร์ช็อกไฟขัดแย้ง พปชร.งัดข้อนายกฯ “วิรัช” โต้ไม่ใช่เกมการเมือง อ้างสมาชิก 70-80 คนแห่ขออภิปรายเพิ่มร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ จน ส.ส.-ส.ว.มั่นใจโหวตไม่ทันเลยเผ่นกลับ ตจว. “ธรรมนัส” รับบัญชา “บิ๊กป้อม” สั่งกำชับ ส.ส.กลับพื้นที่เข้าหาชาวบ้าน คาดนับถอยหลังเลือกตั้งใหญ่ใน 1 ปีข้างหน้า “สุทิน” ตีปี๊บสัญญาณอันตราย “บิ๊กตู่” ไปไม่รอด “ชลน่าน” ขยี้เกมโหดห้ำหั่น “ประยุทธ์” จนมุมต้องยุบสภา “จุรินทร์” ออกตัวเร็วออนทัวร์ถี่ยิบ เปิดตัว 7 ผู้สมัคร ส.ก.หญิง ประกาศ ปชป.ส่งผู้ท้าชิง ผู้ว่าฯ กทม. “ระวี” ปลงเสียงไม่พอยื่นตีความล้มบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ฝากความหวังนายกฯส่งศาล รธน.วินิจฉัย

จากกรณีเกิดเหตุที่ประชุมรัฐสภาล่มติดต่อกัน 2 ครั้งซ้อน ถูกจับตาว่าเป็นอาฟเตอร์ช็อกจากปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)จนอาจนำไปสู่การยุบสภาเร็วขึ้น ล่าสุด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐระบุหัวหน้าพรรคสั่งกำชับ ส.ส.ลงพื้นที่ คาดว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่ใน 1 ปี

...

“วิรัช” โต้รัฐสภาล่มไม่ใช่เกมการเมือง

เมื่อวันที่ 18 ก.ย. นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงเหตุการณ์วันที่ 17 ก.ย. การประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ไม่สามารถเดินหน้าลงมติได้ เนื่องจากสมาชิกไม่ครบองค์ประชุมต้องเลื่อนไปสมัยประชุมหน้าว่า ก่อนหน้าได้หารือกันแล้วว่าได้มีการอภิปรายร่างกฎหมาย
ดังกล่าวมาพอสมควรแล้ว จะปิดตั้งแต่ช่วงเวลา15.00น.แต่ปรากฏว่ามีสมาชิกเข้าชื่อขออภิปรายเพิ่มเติมอีก 70-80 คน ดังนั้น ทั้ง ส.ส.และ ส.ว.จำนวนมากคิดว่าคงพิจารณาไม่จบในวันที่ 17 ก.ย.แน่นอน คงต้องเลื่อนไปพิจารณาต่อสมัยประชุมหน้า จึงเดินทางกลับต่างจังหวัด ทำให้องค์ประชุมไม่ครบ เมื่อเป็นเช่นนี้เลื่อนการพิจารณาไปก่อนน่าจะดีกว่ารอให้สมาชิกครบองค์ประชุม กฎหมายสำคัญเช่นนี้จะได้ไม่มีปัญหา ยืนยันไม่ได้มีเจตนาเป็นอื่นหรือเป็นเกมการเมือง

“ธรรมนัส” รับบัญชา หน.สั่ง ส.ส.ลงพื้นที่

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา เขต1ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่าช่วงปิดสมัยประชุมสภาตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้มอบหมายให้ตน กำชับ ส.ส.พรรคใช้ช่วงเวลาจากนี้ไปลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะของประชาชน ย้ำให้ ส.ส.ต้องปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ให้เข้มข้นยิ่งขึ้น เพื่อนำเสียงสะท้อนจากประชาชนเสนอมาที่ตนรวบรวมนำไปเสนอต่อหัวหน้าพรรค จะประสานไปยังนายกฯและรัฐมนตรีที่รับผิดชอบนำไปสู่การปฏิบัติ เร่งแก้ไขปัญหาต่อไป ตนต้องลงพื้นที่เช่นกันแล้วรวบรวมข้อเสนอ ส.ส.ที่รับฟังมาจากพี่น้องประชาชนทั้งในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ และภาคอีสานส่งต่อหัวหน้าพรรค เพื่อพิจารณาสนับสนุนเรื่องต่างๆตามที่หัวหน้าพรรคได้มอบนโยบายอย่างเต็มที่

หั่นเวลาคาดอีก 1 ปีเลือกตั้งใหม่

ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า สำหรับการเตรียมพร้อมเลือกตั้งท้องถิ่น ทั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดวันเลือกตั้งในวันที่ 28 พ.ย. ก่อนจะเลือกตั้ง กทม.และเมืองพัทยาตามลำดับ พรรคมีความพร้อมเช่นกัน อาจส่งในนามพรรค และบางพื้นที่ลงในนามอิสระและกลุ่มของตัวเอง โดยพรรคจะพิจารณาจัดสรรบุคคลลงสมัครรับเลือกตั้งแน่นอน การเลือกตั้งท้องถิ่นมีความสำคัญ ในการนำนโยบายพรรคลงไปสู่พื้นที่ จะช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทั่วถึง เป็นกลไกสำคัญนำไปสู่การเลือกตั้งสนามใหญ่ที่คาดจะมีขึ้นในอีก 1 ปีข้างหน้านี้ การที่ ส.ส.ลงพื้นที่ฟังปัญหาประชาชนต่อเนื่อง ถือเป็นช่องทางสำคัญในการสื่อสารถึงผลงานพรรคและรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาอย่างเป็นรูปธรรมอีกด้วย

“สุทิน” เตือน “บิ๊กตู่” สัญญาณอันตราย

นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า รัฐสภาล่ม เมื่อวันที่ 17 ก.ย. สะท้อนความรับผิดชอบของรัฐบาลและ ส.ว.ต่ำชัดเจน ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เสนอ หลายฝ่ายทั้งประชาชนและองค์กรครูสนใจ เราอภิปรายเสร็จสิ้นช่วงหัวค่ำเท่านั้น แต่ ส.ส.รัฐบาลและ ส.ว.บางส่วน ไม่ยอมอยู่ลงมติ สะท้อนนัยความแตกแยกของรัฐบาล เท่าที่ดูพรรคที่หายไปคือ ส.ส.พรรค พปชร. ขณะที่ ส.ว.บางส่วนอยู่แต่ไม่แสดงตนเพื่อลงมติ แม้จะไม่รู้ว่าเป็น ส.ว.ฝ่ายไหน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมีเจตนาซ่อนเร้นบางอย่าง ปัญหานี้ไม่ควรเกิดขึ้น ไม่ควรมีใครนำเรื่องนี้มาเล่นการเมือง ตอนนี้ปิดสมัยประชุมแล้วต้อง 2 เดือนกว่าจะกลับมาลงมติได้ใหม่ การทอดเวลายาวนานไม่ใช่เรื่องที่ดี จะเป็นปัญหาในอนาคต โดยเฉพาะเมื่อเปิดประชุมสภาสมัยหน้านายกฯต้องขบคิดแล้วว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร องค์ประชุมรัฐสภาล่มครั้งนี้ไม่เป็นธรรมชาติ เหมือนต้องการส่งสัญญาณเตือนอะไรบางอย่างไปถึงนายกฯหากเปิดประชุมสมัยหน้าแล้วยังเกิดสถานการณ์แบบนี้อยู่ รับรองว่ารัฐบาลไปไม่รอดต้องยุบสภาฯแน่นอน

เกมโหดห้ำหั่นไปไม่รอดต้องยุบสภา

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ เป็นกฎหมายปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา เมื่อปิดการอภิปรายสัญญาณอันตรายไม่ได้โหวตเริ่มเกิดขึ้น พอเข้าสู่การลงมติประธานกดออดเรียกสมาชิก รอแล้วรออีกองค์ประชุมยังไม่ครบ จนมีผู้เสนอพักประชุม 30 นาที ท่ามกลางเสียงโห่ ครางเบาๆ สุดท้ายประธานไม่รอ ไม่ประกาศผลตรวจสอบองค์ประชุม ถ้าประกาศก็ไม่ครบ ต้องสั่งปิดการประชุม ขอให้สมาชิกลุกขึ้นยืนรับฟังพระบรม ราชโองการฯปิดสมัยประชุม ไม่แจ้งผลการดำเนินงานของการประชุมร่วมรัฐสภาเหมือนปกติ ทำไมสภาถึงล่มในการประชุมร่วมรัฐสภาหรือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหมไปต่อไม่ได้จริงๆจนมุมในสภาไม่เฉพาะในที่ประชุมไม่ไว้วางใจสภาลามถึงรัฐสภา จะอยู่ได้คงต้องใช้กล้วยหมดเป็นสวนๆ สุดท้ายต้องยอม เกมโหดขี่คอกินตลอดไปไม่รอด ต้องยุบสภา ไม่รู้ว่าใครเหนือกว่าใคร ผู้แพ้คือประเทศชาติและประชาชนย่อยยับอับปาง ผู้นำโง่เขลาเราจะตายกันหมดจริง ออกไปเถอะก่อนเสียหายมากไปกว่านี้

โยงอาฟเตอร์ช็อกศึกใน พปชร.

ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า องค์ประชุมรัฐสภาล่มซ้ำสอง ในรอบสัปดาห์ ทำร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติชะงัก ถือว่ารัฐสภาไม่มีความรับผิดชอบ ทำประเทศชาติเสียโอกาส ไม่แน่ใจว่าเป็นอาฟเตอร์ช็อกมาจากความขัดแย้งภายในรัฐบาลหลังศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลหรือไม่ ยิ่งหากความขัดแย้งของพรรคแกนหลักรัฐบาล ยังไม่มีทีท่าจะยุติลง จะส่งผลให้เกิดปัญหาตามมาเป็นอาฟเตอร์ช็อกอีกหลายระลอก การที่รัฐบาลเทไม่โหวตร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ สะท้อนว่ายังแก้ปัญหาของตัวเองไม่ตก ประชาชนอยากได้คำตอบว่า ส.ส. ส.ว.คนใดโดดประชุมทำให้องค์ประชุมรัฐสภาล่มเป็นครั้งที่สองในรอบสัปดาห์ แทนที่ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลจะมาแสดงตนเป็นองค์ประชุมรัฐสภา แต่ทั้งรัฐมนตรีทั้ง ส.ส.พรรค พปชร. กลับไปตบเท้าแห่รับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯลงพื้นที่ชลบุรี จัดลำดับความสำคัญของปัญหาผิด จนต้องเลื่อนไปโหวตสมัยหน้า สะท้อนว่ารัฐบาลไม่ได้ยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการศึกษาเลย ถึงเวลาทุกฝ่ายต้องทบทวนบทบาทตัวเอง จะปรับปรุงแก้ไขเพื่อยกระดับการทำงานอย่างไร ถ้าไม่อยากทำหน้าที่ก็ลาออกไป

ซัดลดภาษีเหล้า–ไวน์เอื้อใครกัน

นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ประชุม ครม. มีมติลดภาษีนำเข้า 50% สินค้ากลุ่ม ไวน์ สุรา ซิการ์ 5 ปี เพื่อดึงดูดเศรษฐีต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทยว่า หลักคิดของรัฐบาลกำลังเดินหลงทางอย่างหนัก นอกจากสวนทางกับมาตรการสาธารณสุขของประเทศ ที่รัฐบาลพยายามรณรงค์ให้ประชาชนลดดื่มสุรา สูบบุหรี่แล้ว การลดภาษีสินค้านำเข้าสินค้ากลุ่มนี้จะทำให้สินค้าที่ผลิตจากต่างประเทศ มีราคาใกล้เคียงกับสินค้าที่ผลิตโดยผู้ประกอบการคนไทย อาจสร้างผลกระทบซ้ำเติมรังแกผู้ประกอบการรายย่อย ทั้งกลุ่มเอสเอ็มอีที่ผลิตไวน์ผลไม้ไทย หรือสุราพื้นบ้านภูมิปัญญาไทย ตลอด 7 ปีในการบริหารของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯนับวันยิ่งทำให้ประชาชนตัวเล็กลงไปทุกวัน ผู้ประกอบการรายย่อยกำลังจะล้มตาย แต่ไปลดภาษีให้ต่างชาติ เอื้อแต่นายทุนใหญ่ในประเทศ ส่วนคนตัวเล็กกำลังจะตายหมดประเทศ รัฐอ้าแขนรับเหล้านอก แต่เหล้าพื้นบ้านไทยกลับไม่เคยส่งเสริมปกป้อง ถ้าคิดได้แค่นี้ประเทศไม่มีทางหาเงินเข้าประเทศได้ด้วยสินค้าไทย

“ธีรัจชัย” โวกติกาไหน ก.ก.ชนะใจ ปชช.

นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงการส่งร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ไปประกบกับพรรคอื่นว่าพรรคฝ่ายรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านบางพรรคคงเป็นแบบคู่ขนานใช้กติกาแบบรัฐธรรมนูญปี 40 บางพรรคกำลังทำร่างแบบระบบจัดสรรปันส่วนผสม (MMP) เมื่อรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขได้ประกาศในราชกิจจา นุเบกษาแล้ว แต่ละพรรคจะยื่นร่างของตัวเองประกบในชั้น กมธ.แต่เราพร้อม จากการทำงานอย่างหนัก จุดยืนชัดเจน ซื่อสัตย์ต่อหลักการข้อเท็จจริงทางวิชาการประชาชนเห็นได้ ไม่ได้เกรงว่าการเลือกตั้งจะเป็นแบบระบบคู่ขนานหรือระบบ MMP เชื่อว่าประชาชนจะกาเลือกพรรคก้าวไกลในบัตรทั้ง 2 ใบ

“ระวี” รับริบหรี่ยื่นตีความล้มบัตร 2 ใบ

นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึงความคืบหน้าการรวบรวมรายชื่อ ส.ส.ยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความชอบด้วยกฎหมายของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภาในวาระสามว่า ยอมรับว่าพรรคเล็กยังหารายชื่อได้ไม่ครบ 48 คน หรือ 1 ใน 10 ของจำนวน ส.ส.ที่มีอยู่ เพราะพรรคภูมิใจไทยและพรรคก้าวไกลไม่ร่วมลงชื่อด้วย ความจริง ส.ส.ภูมิใจไทยและก้าวไกลอยากลงชื่อร่วมด้วย แต่ไม่กล้าลง เพราะยังไม่ได้รับอนุญาตจากพรรค พรรคเล็กจะรอคำตอบจนถึงช่วงบ่ายวันที่ 20 ก.ย.ถ้าได้ชื่อครบหรือไม่จะแถลงข่าวให้ทราบอีกครั้ง ถ้าได้ไม่ครบจริงๆคงต้องฝากความหวังไว้ที่ ส.ว.เป็นผู้ยื่นตีความแทน หรือให้นายกฯเป็นผู้ยื่นตีความตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 148 กรณีเห็นว่าร่าง พ.ร.บ.ใดมีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ให้นายกฯส่งความเห็นไปที่ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย

ฝากความหวังไว้ที่นายกฯตู่

นพ.ระวีกล่าวอีกว่า ส่วนที่ ส.ว.ยืนยันจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญนั้น คงเหลือความหวังอยู่ที่นายกฯเท่านั้น จะยื่นตีความร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ ผู้สื่อข่าวถามว่า หากนายกฯไม่ยื่นตีความต่อศาลรัฐธรรมนูญให้เท่ากับพรรคเล็กหมดหวังเรื่องการล่าชื่อส่งตีความแล้วใช่หรือไม่ นพ.ระวีตอบว่า อย่าเพิ่งคิดไปขนาดนั้น เรากำลังหาประตูอื่นๆอยู่ว่ามีช่องทางจะทำได้หรือไม่ แล้วจะ แถลงข่าวให้ทราบอีกครั้ง

“เทือก” จวกแก้ รธน.ถอยเข้าคลอง

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. และผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) กล่าวว่า นพ.ระวีติดต่อมาขอเสียงสนับสนุนยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญปี 60 พรรค รปช.มีจุดยืนแต่ต้นยืนยันยึดมั่นในหลักการใช้บัตรใบเดียวตรงตามเจตนารมณ์วันแมน วันโหวตหรือหนึ่งคนหนึ่งสิทธิ์ เห็นอันตรายจากรัฐธรรมนูญปี 40 และ 50 มาแล้ว ทำให้เกิดเผด็จการรัฐสภา แต่มาแก้ใช้แบบ 2 ใบอีก เพื่อประโยชน์ของพรรคการเมือง ถอยหลังเข้าคลอง เสียเปล่าทิ้งเวลากว่า 24 ปี ตั้งแต่ปี 2540-2564 ถือเป็นเสี้ยวหนึ่งของศตวรรษทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ เมื่อถึงฤดูกาลหาเสียงเลือกตั้ง หากมีโอกาสจะพูดว่าคนที่สนับสนุนให้แก้ไขมาใช้ 2 ใบเพราะมองแค่ประโยชน์ของพรรคและตัวเอง แทนที่จะมองเห็นถึงประโยชน์ต่อประเทศชาติและระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในภาพรวม แต่ทำอะไรไม่ได้ อะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตต้องรอดูกันไป การรวบรวมเสียงของ นพ.ระวีไม่ง่ายเอาใจช่วยอยู่ ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลหรือนายกฯ หากเห็นว่าน่าจะมีปัญหา รัฐบาลยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยได้เอง

“จุรินทร์” เปิดตัว 7 ผู้สมัคร ส.ก.หญิง

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ศูนย์ประสานงานพรรคประชาธิปัตย์ เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร (กทม.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานมูลนิธิ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช พร้อมแกนนำพรรค อาทิ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค น.ส.จิตต์ภัสร์ ตั๊น กฤษดากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการพรรค นายชนินทร์ รุ่งแสง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตตลิ่งชัน ลงพื้นที่ภายใต้กิจกรรม “จุรินทร์ ออนทัวร์ กรุงเทพมหานคร” เปิดศูนย์ประสานงานพรรคประชาธิปัตย์ เขตตลิ่งชัน เปิดตัวผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ในกลุ่มสตรีสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ 7 คนคือ 1.นางผุสดี วงศ์กำแหง เขตราชเทวี 2.น.ส.มาริยา ฤกษ์ดี เขตลาดกระบัง 3.นางสุรภา ประยงค์ระวิกูล เขตวังทองหลาง 4.นางนฤมล รัตนาภิบาล เขตบางกะปิ 5.น.ส.ฉัฐภรณ์ ปานทอง เขตตลิ่งชัน 6.น.ส.นิภาพรรณ จึงเลิศศิริ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และ 7.นางศิรินทิพย์ มีนมณี เขตมีนบุรี พร้อมมอบถุงน้ำใจ ปชป.สู้ภัยโควิด-19 ให้ตัวแทนชุมชนในพื้นที่แจกจ่ายต่อให้ประชาชน

รอเปิดตัวผู้สมัครชิงผู้ว่าฯ กทม.

นายจุรินทร์กล่าวตอนหนึ่งว่า พรรคจัดทีมผู้สมัคร ส.ก.กลุ่มสตรีลงแข่งขัน เพื่อสนับสนุนสตรีให้มีบทบาททางการเมืองมากขึ้น ทั้งนี้ ได้จัดตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้งผู้สมัคร ส.ส. กทม.และผู้สมัคร ส.ก.พร้อมแล้ว 80-90% ขาดไม่กี่เขต ส.ส.มีแค่ 3 เขตที่ยังไม่เคาะ เที่ยวหน้าถ้าเป็นการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญใหม่ใช้บัตร 2 ใบ เขตใน กทม.จะเพิ่มขึ้นต้องพิจารณาจัดผู้ลงสมัครเพิ่มเติมต่อไป ส.ก. มี 50 เขตเราเคาะไปกว่า 40 เขตแล้ว ส่วนผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยังไม่ขอระบุชื่อ แต่ไม่ได้เป็นความลับถึงขั้นต้องเก็บงำอะไร ได้ตกลงกันว่าเมื่อถึงเวลาเหมาะสมจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการต่อไป พรรคตัดสินใจแล้วว่าจะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และได้ตัวผู้สมัครแล้ว มั่นใจว่าจะเป็นยุคหนึ่งที่จะได้เสียงสนับสนุนไม่น้อย จะแพ้จะชนะเป็นเรื่องอนาคต ปกติของการแข่งขัน ต้องดูว่ามีใครจะลงอีกอย่างไร เราพร้อมทั้งผู้สมัครและนโยบาย

ปัดออนทัวร์ถี่ยิบโชยกลิ่นยุบสภา

นายจุรินทร์ให้สัมภาษณ์กรณีการเดินสายกิจกรรม “จุรินทร์ออนทัวร์” บ่อยครั้งในช่วงนี้ ถือเป็นสัญญาณการยุบสภาหรือจะมีการเลือกตั้งหรือไม่ว่า เรื่องยุบสภาตอบอะไรล่วงหน้าไม่ได้ แต่เราไม่ได้เพิ่งมาออนทัวร์ช่วงนี้ เพราะจัดจุรินทร์ออนทัวร์หรือประชาธิปัตย์ออนทัวร์ ทำมาต่อเนื่องเป็นปีแล้ว และจะทำต่อไปในทุกพื้นที่ ทุกภาคทั่วประเทศ ในปลายเดือนนี้ จะไปออนทัวร์ภาคเหนือใน 4-5 จังหวัดด้วย เมื่อถามว่าพรรคหลักของรัฐบาลยังมีปัญหาขัดแย้งกันจะกระทบเสถียรภาพรัฐบาลหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย อย่างน้อยวันนี้ยังไม่ถึงกับบ่งชี้ว่ารัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ ยังเดินหน้าต่อไปได้ การลงคะแนนต่างๆยังเป็นเสียงข้างมากอยู่ รัฐบาลผสมแกนนำ และพรรคร่วมฯต้องดูแลพรรคตัวเองเป็นหลัก ถ้าแต่ละพรรคมีเสถียรภาพจะส่งผลต่อรัฐบาลผสมให้มีเสถียรภาพตามไปด้วย การ ตรวจสอบของฝ่ายค้านเป็นธรรมดา ผ่านการซักฟอกแล้วจะตรวจสอบรูปแบบอื่นทำได้

“ศรัณย์วุฒิ” ฟ้อง ปชช.ยันรัก “ทักษิณ”

วันเดียวกัน นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ เขต 2 ที่คณะกรรมการจริยธรรมพรรคเพื่อไทยลงมติขับพ้นพรรค ลงพื้นที่พบปะชาวบ้านนำถุงยังชีพ หน้ากากอนามัย มอบให้เจ้าหน้าที่ด่านหน้า ผู้นำชุมชน อสม.และ อปพร.ในพื้นที่ อ.ท่าปลา อ.ทองแสนขันกว่า 2,400 ชุด พร้อมแจกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีพรรคเพื่อไทยมีมติขับออกจากพรรคให้ประชาชน โดยนายศรัณย์วุฒิกล่าวว่า ขอยกการตัดสินใจทางการเมืองให้คนอุตรดิตถ์และคนทั้งแผ่นดินที่ชื่นชอบผลงาน ยืนยันไม่หนีไปไหน ขอยืนหยัดต่อสู้กับเผด็จการต่อไป นายกฯทักษิณดี พรรคเพื่อไทยดี แต่เมื่อมีปีศาจ เผด็จการอสุรกายร้ายสิงอยู่ ต่อให้ดีแค่ไหนพรรคก็จะเสื่อม ก่อนการประชุมสภา 2 เดือนทำงานหนัก ทำข้อมูลถึงตีสองตีสามแทบทุกคืน ทุ่มเททุกอย่าง เจ็บปวดที่ไม่ได้อภิปราย ถูกกล่าวหาเป็นงูเห่าใส่ร้ายว่ารับกล้วยท้าเลยถ้าตนเอากล้วยไปขอให้มีอันเป็นไป ต่อสู้กับเผด็จการว่าเหนื่อยแล้วต้องต่อสู้กับเผด็จการอสุรกายร้ายในพรรคมันจะกดหัว ส.ส.อีก

โยน ครม.หั่นเบี้ยสูงอายุให้แค่คนจน

วันเดียวกัน นพ.วิชัย โชควิวัฒน รองประธานคณะอนุกรรมการกำหนดนโยบายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ให้สัมภาษณ์ว่า กรณีภาคประชาสังคมคัดค้านข้อเสนอตัดเบี้ยผู้สูงอายุถ้วนหน้าให้แค่คนจนว่า จากกรณีนี้ ได้เชิญทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมหารือและระดมความคิดเห็น แนวทางการจัดสรรเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่เหมาะสม มีการนำเสนอที่หลากหลาย อาทิ การพิจารณาจากเส้นความยากจน การพิจารณาจากรายได้ขั้นต่ำ รวมถึงการเสนอจัดสรรคนละ 1,000 บาทต่อเดือนแบบถ้วนหน้า เป็นต้น ทุกข้อเสนอนำมาประกอบการพิจารณาโดยยึดประโยชน์สูงสุดกับผู้สูงอายุ อยู่บนหลักการข้อมูลวิชาการ และหลักการของรัฐธรรมนูญและ พ.ร.บ.ผู้สูงอายุ ที่ประชุมเห็นพ้องเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายการจัดสรรโดยพิจารณาจากเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำในอัตราสูงสุดขณะนั้น มีหลักการให้ผู้ได้รับการจัดสรรต้องแสดงตัวตนและแสดงรายได้ ต้องประกาศรายชื่อผู้ได้รับจัดสรรให้สาธารณชนรับรู้

ยันไม่ตัดสิทธิคนรับอยู่ก่อนหน้า

นพ.วิชัยกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ให้มีบทเฉพาะกาลว่าการดำเนินการต้องไม่ให้เกิดผลกระทบกับผู้ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุมาก่อนหน้านี้ได้รับความเดือดร้อน คือไม่ให้ตัดสิทธิ์ผู้ที่ได้รับมาอยู่ก่อนหน้า อัตราการจัดสรรต้องเพียงพอต่อการยังชีพจริง จำนวน 600-700 บาทต่อเดือนคงไม่เพียงพอ แต่จะเป็นสัดส่วนเท่าใดเป็นหน้าที่รัฐบาลไปพิจารณา และอนาคตควรจัดสรรให้เป็นสวัสดิการถ้วนหน้าสำหรับผู้สูงอายุ ข้อเสนอดังกล่าวยังเป็นเพียงข้อเสนอเชิงนโยบายที่คณะอนุกรรมการฯพิจารณาภายใต้กรอบเวลา 1 เดือนจะดำเนินการตามข้อเสนอหรือไม่ ขึ้นอยู่กับที่ประชุมคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ (กผส.)และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตัดสิน โดยจะประชุมวันที่ 23 ก.ย. กรณีที่ภาคส่วนต่างๆออกมาเคลื่อนไหว เป็นเรื่องที่ดีเพื่อให้เกิดความเห็นหลากหลายประกอบการตัดสินใจของรัฐบาล

“บิ๊กป้อม” ชื่นชม 125 ปีกรมป่าไม้

เมื่อเวลา 06.30 น. ที่กรมป่าไม้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เป็นประธานวันสถาปนากรมป่าไม้ ครบรอบ 125 ปี โดยมีนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้การต้อนรับ โดย พล.อ.ประวิตรได้ถวายเครื่องราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ที่ได้ทรงสถาปนากรมป่าไม้ จากนั้นจึงเปิด “พิพิธภัณฑ์กรมป่าไม้ ปลูกป่าในใจคน” จัดแสดงบอกเล่าเรื่องราวการป่าไม้ในประเทศไทย ลำดับเหตุการณ์เกี่ยวกับการทำไม้ การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรป่าไม้ รวมถึงความรู้ด้านการป่าไม้ โดย พล.อ.ประวิตรกล่าวชื่นชมกรมป่าไม้ที่ได้ปฏิบัติงานด้วยความมุ่งมั่น เสียสละ ที่ผ่านมาภายใต้นโยบายของกระทรวงและรัฐบาล สามารถขับเคลื่อนภารกิจสำคัญอย่างได้ผลเป็นรูปธรรม ได้แก่ การรักษาป่าเดิม การเพิ่มพื้นที่ป่าใหม่ คนอยู่กับป่า ส่งเสริมไม้มีค่าและพัฒนาป่าชุมชน ที่สำคัญดึงให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมส่งเสริมการสร้างรายได้ชุมชน จากการปลูกไม้มีค่าทางเศรษฐกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิต บนพื้นฐานเศรษฐกิจพอเพียงได้เป็นอย่างดี

เสียหลักลื่นถลา “น้องตู่” รุดเยี่ยม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร.ได้ไปร่วมงานศพบิดาของ ส.ส.ลูกพรรค คือ น.ส.ภริม พูลเจริญ ส.ส.สมุทรปราการ ที่ จ.สมุทรปราการ โดยหลังเสร็จพิธีระหว่างเดินทางกลับมีฝนตกลงมา ทำให้ พล.อ.ประวิตรลื่นเสียหลักเซถลาบริเวณทางลาดชันที่มีหลายคนลื่นเช่นเดียวกัน แต่นายทหารติดตามรีบเข้าไปประคอง พล.อ.ประวิตรไว้ทัน จึงไม่ถึงขั้นล้มลงไป ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 17 ก.ย.ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเสร็จภารกิจที่ จ.ชลบุรี ได้เดินทางเข้าไปเยี่ยมดูอาการ พล.อ.ประวิตรที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ได้ใช้เวลาพูดคุยกันอยู่นานพร้อมทานอาหารเย็นร่วมกันด้วย โดยช่วงเช้าวันที่ 18 ก.ย. พล.อ.ประวิตรเดินทางไปปฏิบัติภารกิจเป็นประธานพิธีวันสถาปนาครบรอบ 125 ปี กรมป่าไม้ ยังคงเดินได้ตามปกติ ไม่มีอาการบาดเจ็บใดๆ