"ส.ส.ก้าวไกล วิโรจน์" ฉะยับ ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ฉบับ ครม. แค่ทาสีใหม่บนกะลาใบเก่า ไม่มีสิ่งที่อยากเห็น เขียนร่างกฎหมายเหมือนเป็นกระบวนการผลิตก้อนอิฐที่หายใจได้

วันที่ 17 ก.ย. 64 ในการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า บทบาทของการศึกษาในโลกยุคใหม่ ต้องเป็นการเอาโจทย์ของโลกอนาคต มาใช้เตรียมคนในยุคปัจจุบัน เพื่อทำให้เด็ก และประชาชนทุกคนที่มีความแตกต่างหลากหลาย มีความพร้อมในการเรียนรู้ และมีอธิปไตยในการเรียนรู้เป็นของตนเอง ให้กลายเป็นขีดความสามารถที่พร้อมแข่งขัน และร่วมมือกับใครก็ได้ในโลก

"การศึกษา จึงไม่ใช่กระบวนการในการสร้างให้ใคร มาเป็นแรงงานรับใช้ใครอีกต่อไป ปัจจุบันเขาเลิกที่จะถามเด็กๆ กันแล้วว่า โตขึ้นอยากเป็นอะไร เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า ในอนาคตในอีก 10-20 ปีข้างหน้า จะมีอาชีพอะไรสูญสลายหายไปบ้าง และจะมีอาชีพอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นบ้าง การศึกษา ไม่ใช่การเอาโจทย์ของอดีตของคนที่เกิดก่อน มาบงการให้คนที่เกิดทีหลัง ว่าต้องเรียนอย่างนั้น โตขึ้นมาแล้วต้องเป็นอย่างนี้ นี่ไม่ใช่การศึกษา แต่เป็นกระบวนการผลิตเป็นก้อนอิฐที่หายใจได้ ที่จะถูกเอาไปก่อเป็นกำแพงเพื่อทานกระแสโลก ซึ่งทานอย่างไรก็ทานไม่ได้"

ทั้งนี้ วิโรจน์ จึงกล่าวต่อไปว่า สิ่งที่สังคมอยากเห็นใน ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ คือ การศึกษาที่เป็นระบบในการพัฒนาคน ทำให้เด็กๆ มีโอกาสที่จะพัฒนาตนเอง ไม่ควรมีระบบการคัดเลือกแบบแพ้คัดออก แต่อยากเห็นการกระจายอำนาจ ให้กับโรงเรียน ได้ตัดสินใจในการจัดการการศึกษาให้สอดรับกับบริบทพื้นที่ แต่ร่างฉบับนี้ กลับรวมศูนย์อำนาจมาที่ คณะกรรมการนโยบายการศึกษาแห่งชาติ ซึ่งพยายามที่จะเอากะลามาครอบประเทศนี้ให้ได้

...

เนื่องจากสิ่งที่อยากเห็น คือการศึกษา ที่เลิกโยนบาปไปที่พ่อแม่ และความไม่พร้อมของครอบครัวมาเป็นข้ออ้างเพื่อดำรงไว้ซึ่งความเหลื่อมล้ำ แต่ควรเอามาเป็นโจทย์ในการจัดการศึกษาที่มีคุณภาพให้กับเด็กทุกคน ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของนักเรียน ไม่ใช่แค่หลักสูตร และอยากเห็นการศึกษา ที่ให้ความสำคัญกับ สิทธิ เสรีภาพ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมกันทางเพศ ลดงานธุรการ เพื่อคืนครูสู่ห้องเรียน

"เราจะยอมรับ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ที่เป็นเพียงการเอาสีที่สดใส มาทาลงบนกะลาใบเก่าให้ดูใหม่ได้อย่างไร นี่จึงเป็นเหตุผล ที่ผมไม่อาจยอมรับ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ที่เสแสร้งแกล้งทันสมัยฉบับนี้ได้จริงๆ" วิโรจน์ ระบุ