"ก้าวไกล" ชี้ เป็นความสำเร็จขั้นต้น สร้างหลักประกันให้ประชาชนรู้สึกปลอดภัย กรณีสภารับหลักการ ร่างพ.ร.บ.อุ้มหายเเละทรมานฯ
วันที่ 16 ก.ย. รังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย มานพ คีรีภูวดล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ สัดส่วนชาติพันธุ์ พรรคก้าวไกล เเถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติเห็นด้วย 363 เสียง รับหลักการร่างพระราชบัญญัติพิจารณาป้องกันการปราบปรามการทรมาน และทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ…. วาระเเรก พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ 25 คน
รังสิมันต์ กล่าวว่า การที่สภารับหลักการร่างกฎหมายในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญ โดยร่างกฎหมายฉบับนี้มาจากการที่ประชาชนร่วมกันผลักดันมานาน ตั้งแต่สมัย นายปิยบุตร แสงกนกกุล เป็นประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม เเละสิทธิมนุษยชนสภาผู้แทนราษฎร โดยมี ส.ส.ในรัฐสภากว่า 101 คน ทั้งจากพรรคร่วมรัฐบาลเเละพรรคร่วมฝ่ายค้านร่วมกันลงชื่อเสนอกฎหมาย ซึ่งในวันนี้สภาผู้แทนราษฎร มีมติเห็นด้วยในการรับหลักการถือเป็นการประสบความสำเร็จขั้นต้น
“เราผ่านเหตุการณ์ที่ไม่น่าจดจำ เเต่ยากที่จะลืมเลือน ทั้งในกรณี นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ เป็นบุคคลถูกทำให้สูญหาย ณ ประเทศกัมพูชา เเละกรณีที่พันตำรวจโท ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีตผู้กำกับสถานีตำรวจนครบาลนครสวรรค์ ใช้ถุงดำคลุมศีรษะพร้อมซ้อมทรมานเป็นเหตุให้ผู้ต้องหาถึงแก่ชีวิต จึงหวังว่าร่างกฎหมายนี้จะผ่านสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 3 วาระได้ในปีนี้ เเละสมาชิกวุฒิสภาจะผ่านให้ในปีหน้า เพื่อให้ร่างกฎหมายได้ประกาศใช้ เราคาดหวังว่าเมื่อมีการประกาศใช้กฎหมายนี้เเล้วจะมีกระบวนการสืบสวนข้อเท็จจริงให้ประชาชนได้รู้ เป็นการสร้างหลักประกันให้ประชาชนรู้สึกปลอดภัย”
...
ขณะที่ มานพ กล่าวว่า กรณีการบังคับสูญหายตั้งแต่ปี 2523 ถึงปัจจุบัน เราไม่รู้เลยว่าพวกเขาเหล่านั้นสูญหายไปไหน ในส่วนของกลุ่มชาติพันธุ์ ยังมีกรณีของ พอละจี รักษ์จงเจริญ เเละ ชัยภูมิ ป่าแส ที่ถูกทำให้สูญหายไปรวมถึงมีการซ้อมทรมาน นอกจากนี้ ประเทศไทยยังได้ลงนามในอนุสัญญาซึ่งเป็นพันธสัญญาระหว่างประเทศ 2 ฉบับ คือในปี 2550 หนึ่งฉบับ เเละปี 2555 หนึ่งฉบับ และในปีนี้ช่วงเดือนพฤศจิกายน ประเทศไทยจะต้องไปประชุมในเรื่องนี้ที่เจนีวา สมาพันธรัฐสวิสฯ ร่างกฎหมายนี้จึงมีความสำคัญต่อการเป็นหลักประกันว่า เราจะทำตามที่ให้สัญญากับนานาชาติในการให้ความสำคัญต่อประเด็นเรื่องสิทธิมนุษยชน