เกมเขย่าเก้าอี้นายกฯดุเดือดกว่าศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ บรรยากาศนอกห้องประชุมสภาฯน่าติดตามยิ่งกว่าการซักฟอกในสภาฯ จนแทบไม่มีใครให้ความสำคัญกับคิวการอภิปรายแล้ว
เพราะภาพรวมการซักฟอกเยิ่นเย้อ เอาข่าวเก่ามาเล่าใหม่ แค่ใส่พรรณนาโวหาร ประดิดประดอยวาทกรรมให้ฟังแล้วมันในอารมณ์ เน้นสะใจมากกว่ากางพยานหลักฐานเชิงลึกมาเอาผิด
ฝ่ายค้านหมดมุก เวียนข้อมูลอยู่แค่ตัวเลขคนป่วย คนตาย ด้อยค่าประสิทธิภาพวัคซีน การไม่เข้าร่วมโครงการโคแวกซ์ เรื่องเดิมๆที่ชาวบ้านรับรู้ทั่วไปอยู่แล้ว
ไม่แซ่บซี้ดซ้าดเท่าการประลองกำลังโหวตศึกซักฟอกที่ทำท่าทะลุปรอท ต้องลุ้นกันจนนาทีสุดท้าย ผู้นำจะถูกเปลี่ยนตัวหรือไม่
ตามปรากฏการณ์ที่ “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ คิดการณ์ใหญ่ จ้องโค่นอำนาจ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม
เดินเกมเร็วและแรง ล็อบบี้กันจริงจังทั้ง ส.ส.พลังประชารัฐ และพรรคเล็กให้โหวตไม่ไว้วางใจเปลี่ยนตัวเบอร์หนึ่งฝ่ายบริหาร
...
อย่างที่เห็นแอ็กชันหัวฟัดหัวเหวี่ยงของ “ลุงตู่” ตอบโต้กลับอย่างดุเดือด อาการหัวร้อนที่ออกมาให้เห็น สะท้อนชัดเจนนี่คือเรื่องจริง ไม่ใช่แค่ข่าวลือ
ซ้ำเติมด้วยช็อตทิ้งบอมบ์กลางสภาฯ นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย เติมเชื้อไฟเปิดโปง “บิ๊กตู่” แจกเงิน ส.ส.คนละ 5 ล้านบาท แลกเสียงโหวตผ่าน ยิ่งเร่งอุณหภูมิเดือดให้ระอุขึ้นไปใหญ่
เสถียรภาพลุงน่าเป็นห่วง ตามที่เห็นสภาพผิดปกติในเวทีซักฟอกที่ลูกพรรค
พลังประชารัฐนั่งกันนิ่ง ปล่อยฝ่ายค้านรุมกินโต๊ะผู้นำ แค่ลุกขึ้นมาปกป้องกันประปราย
ผิดกับฝั่งภูมิใจไทยที่ลูกทีมเซราะกราวดาหน้าประท้วง เดือดร้อนแทน “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข เมื่อหัวหน้าพรรคโดนรุมแบบหนักๆ
อาการร้าวลึกเรื้อรังระหว่าง “บิ๊กตู่” กับ ร.อ.ธรรมนัส ในฐานะผู้กุมเสียง ส.ส.ข้างมากในค่ายพลังประชารัฐ เที่ยวนี้เกินเยียวยา รอถึงเวลาแตกหัก
ขาใหญ่พลังประชารัฐเปิดหน้าชน สาดกระสุนหนัก มัดใจไพร่พลให้รวมเป็นกอบเป็นกำ ไม่ใช่แค่ล็อบบี้เฉพาะคนในค่ายและพรรคร่วมรัฐบาล
แต่แตกไลน์ข้ามขั้วไปถึงฝ่ายค้านให้ร่วมก่อหวอดครบทุกเสียง เผื่อทางไว้เปิดดีลพิเศษ “พลังประชารัฐ–เพื่อไทย” สองค่ายใหญ่ผสมพันธุ์ตั้งรัฐบาล อัปเปหิ “ภูมิใจไทย” ที่ชอบซ่อนมีดแทงหลังออกจากทีม
ขณะที่ทีม “ลุงตู่” ก็สู้ยิบตา ดึง ส.ส.กลับมาเป็นพวกมากที่สุด บล็อกอีกฝั่งไม่ให้รวบรวมเสียง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านได้เกิน 242 เสียง
ดึงก๊วนกระเป๋าหนัก “สามมิตร” และฉกแม่ทัพก๊วน 4 ช. ทั้ง สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน และ นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม เข้ามาเป็นพวกลอยแพ “ผู้กองนัส” ให้สู้เกมโค่นอำนาจอย่างโดดเดี่ยว
“บิ๊กตู่” หันมาผูกมิตร ส.ส. รับปากช่วยเหลือเกื้อกูลกันมากขึ้น จากเดิมที่ห่างเหินไม่ใส่ใจลูกทีม
ต่างฝ่ายต่างเปิดศึกวัดพลัง เช็กเสียงกันอุตลุด บัตรเติมเงินทำงานหนัก ทุกเสียงมีค่า มีราคา สถานการณ์ไม่ต่างจากการโหวตตอนรัฐบาลมีเสียงปริ่มน้ำ
โอกาสเจรจาเคลียร์ใจริบหรี่ เพราะต่างคนต่างไม่มองหน้ากัน
ใครจะเพลี่ยงพล้ำต้องลุ้นวันต่อวัน จนถึงตอนโหวต ผลแพ้ชนะคงเฉือนกันไม่ห่าง ใครพลาดต้องเป็นฝ่ายไป ถ้าก๊วน “ธรรมนัส” ชนะ ก็เปลี่ยนตัวนายกฯ แต่ถ้าก๊วนผู้กองก่อการไม่สำเร็จ มีหวังถูก
ล้างบางปรับพ้น ครม. หลังศึกซักฟอก พลังประชารัฐมีโอกาสแตกเป็นเสี่ยง
ต้องรอวัดใจพี่ใหญ่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่เก็บอาการนิ่ง จะกดปุ่มชี้ขาดเกมเดิมพันเก้าอี้นายกฯ ช่วย “น้องเล็ก” หรือ “น้องรัก”
เป็นบทพิสูจน์สายสัมพันธ์พี่น้อง 3 ป. ยังปึ้กกันจริงอย่างที่ “น้องเล็ก” ว่าไว้หรือไม่
ปฏิรูปการเมืองไทยไม่ก้าวไปไหน ติดหล่มโคลนเหม็นเน่าเหมือนเก่า วัดพลังด้วยเสียงข้างมาก กดดันต่อรองผลประโยชน์ส่วนตัว
ไม่ว่าฝ่ายไหนชนะ ก็ลากไปต่อลำบากอยู่ดี!!!
ทีมข่าวการเมือง