ม็อบแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ และกลุ่ม ทะลุฟ้า ยึดถนนราชดำริ จัดชุมนุมใหญ่ ไล่ “บิ๊กตู่” คู่ขนานการอภิปรายไม่ไว้ วางใจในสภา ยอมย้ายที่ตั้งเวทีปราศรัย จากแยกราชประสงค์ไปอยู่หน้าบิ๊กซีราชดำริ เลี่ยงการเผชิญหน้าเจ้าหน้าที่ ขณะที่ มวลชนหนุ่มสาวทยอยเข้าร่วม ทำกิจกรรมเหมือน จัดงานเฟสติวัลคึกคัก “เบนจา อะปัญ” ปราศรัย ยื่น 5 ข้อรัฐบาลใหม่แก้ปัญหาเร่งด่วน แต่ถ้าสภาให้ “บิ๊กตู่” อยู่ต่อ ประกาศยกระดับการชุมนุม ตั้งเป้า นักการเมืองเครือข่ายและกลุ่มศักดินาค้ำบัลลังก์ ด้านม็อบทะลุแก๊ส ยังปักหลักแยกดินแดง ป่วนหนักขว้างระเบิดเพลิงเข้ากรมดุริยางค์ทหารบกหลายครั้ง ตำรวจ คฝ.ต้อง ยิงแก๊สน้ำตาสกัด พร้อมส่งชุดเคลื่อนที่เร็วเข้าปะทะ

...

กรณีความเคลื่อนไหวทางการเมืองขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม กลุ่มทะลุฟ้า นัดชุมนุมใหญ่บริเวณแยกราชประสงค์ บรรยากาศเมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 3 ก.ย. กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯนำโดย น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง น.ส.เบนจา อะปัญ ร่วมกับกลุ่มทะลุฟ้านำโดย นายนวพล ต้นงาม และนายทรงพล สนธิรัตน์ และกลุ่มมวลชนอาสา หรือ wevo นำโดยนายปิยรัตน์ จงเทพ นัดมวลชนแนวร่วมหนุ่มสาวจัดชุมนุมใหญ่ “ยืนยันเพดาน โค่นล้มทรราช พิฆาตศักดินา 3 ก.ย. ม็อบใหญ่ ราษฎรไม่ไว้วางใจมึง” ชุมนุมคู่ขนานกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา กลุ่มผู้ชุมนุมปิดการจราจรบนถนนราชดำริตั้งแต่แยกราชประสงค์ถึงแยกประตูน้ำ ปรับแผนใหม่จากเดิมตั้งเวทีปราศรัยที่แยกราชประสงค์เปลี่ยนเป็นหน้าบิ๊กซีราชดำริ ทีมงานให้เหตุผลว่า เพื่อไม่ให้ใกล้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นการลดความเสี่ยงกระทบกระทั่งกับเจ้าหน้าที่

บรรยากาศการชุมนุม ถนนราชดำริ กลายเป็นถนนคนเดินและงานเฟสติวัล เนื่องจากเปิดให้นำสินค้าและอาหารมาจำหน่ายอย่างเสรี พร้อมกิจกรรมการแสดงของมวลชนแต่ละกลุ่มที่เดินทางมาร่วม เช่น กลุ่มเฟมินิสต์ปลดแอก กลุ่มราษดรัม ทะลุฟ้า และเครือข่ายมวลชนเสื้อแดง มีทั้งแสดงดนตรี ศิลปะเสียดสีการเมือง ประชาชนที่เดินทางมาจับจ่ายสินค้าในศูนย์การค้าต่างๆย่านราชประสงค์ยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะยังเข้าออกได้ตามปกติ แต่บริเวณโดยรอบพื้นที่ชุมนุมมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนพร้อมอุปกรณ์เข้าประจำการอยู่ในที่ตั้งเพื่อสังเกตการณ์หลายจุด เช่น หน้าโรงเรียนวัดปทุมวนาราม ด้านหลังบิ๊กซีราชดำริ และภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ต่อมาเวลา 16.00 น. เวทีปราศรัยของแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯและกลุ่มทะลุฟ้าเริ่มคึกคักขึ้น นายสิทธินนท์ ทรงศิริ หรือไฟซ้อน อดีตแม่ทัพเชียร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รับหน้าที่เป็นพิธีกร เชิญผู้ปราศรัยแกนนำจากกลุ่มต่างๆขึ้นเวทีเพื่อกล่าวถึงความล้มเหลวการบริหารงานของรัฐบาล และเหตุผลต้องออกมาร่วมกันขับไล่ อาทิ นางศรีไพร นนทรีย์ กลุ่มสหภาพแรงงานย่านรังสิตและใกล้เคียง นายยิ่งชีพ อัฌชานนท์ กลุ่มไอลอว์ นายทรงพล สนธิรัตน์ จากกลุ่มทะลุฟ้า นายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือครูใหญ่ นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือไฮโซลูกนัท ฯลฯ

เวลา 17.30 น. บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และกลุ่มทะลุฟ้า บนถนนราชดำริ คึกคัก มวลชนวัยรุ่นหนุ่มสาวหลั่งไหลกันเข้ามาเดินชมกิจกรรมจนเกือบเต็มพื้นที่ ส่วนใหญ่ให้ความสนใจกับการจับจ่ายซื้อหาสินค้าที่เป็นสัญลักษณ์เกี่ยวข้องกับการชุมนุม ขณะที่หน้าเวทีกิจกรรมปราศรัยมีมวลชนสนใจรับฟังไม่มาก
กิจกรรมไฮไลต์สำคัญที่ได้รับความสนใจคือ กลุ่มทะลุฟ้าใช้พื้นที่สะพานลอยฝั่งหน้าศูนย์การค้าเกษรพลาซ่า นำหุ่นฟางจำลองศพผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มาแขวนพร้อมภาพคล้าย พล.อ.ประยุทธ์ ส่วนใต้สะพานลอยนำผ้าดิบสีขาวมาปูให้ประชาชนเขียนข้อความถึงรัฐธรรมนูญที่ต้องการ ใกล้กันมีกิจกรรมนำสีแดงบรรจุถุงขว้างใส่บอร์ดที่ติดภาพใบหน้าคนคล้าย พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับความสนใจจนภาพกลายเป็นสีแดง หน้าศูนย์การค้าบิ๊กซีฯมีกลุ่มวัยรุ่นนำหนังสือเรื่องสถาบันกับสังคมไทย ถอดความจากการปราศรัยนายอานนท์ นำภา แกนนำม็อบที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำมาแจกจ่าย ส่วนกลุ่มนักเรียนเลวนำเอกสารแผ่นพับมาเชิญชวนเยาวชน นักเรียน นักศึกษา หยุดเรียนออนไลน์ ระหว่างวันที่ 6-10 ก.ย.ประท้วงความล้มเหลวการจัดการศึกษาแบบออนไลน์ของกระทรวงศึกษาธิการ และมีกลุ่มปล่อยเพื่อนเรานำภาพแกนนำกลุ่มราษฎรที่ยังคงถูกคุมขังในเรือนจำมาติด ร่วมกันส่งเสียงเรียกร้องให้ได้ประกันตัว
เวลา 18.05 น. นายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือครูใหญ่ แกนนำพรรคก้าวล่วง อยู่บนเวทีใหญ่ยุติการปราศรัยแล้วชวนมวลชนร่วมยืนตรงเคารพธงชาติพร้อมกัน ทำให้ปรากฏภาพมวลชนยืนชูสามนิ้วเคารพธงชาติพร้อมกันเต็มพื้นที่

ต่อมาเวลา 19.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานเวลาไฮไลต์สำคัญของการชุมนุมของแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯและกลุ่มทะลุฟ้า เริ่มเมื่อ น.ส.เบนจา อะปัญ แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯขึ้นเวทีปราศรัยว่า ความหวังของเราหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ดำเนินมา 4 วัน สิ่งที่อยากเห็นคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พ้นจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี แต่นี่คือความฝันระยะสั้นที่จะได้มีรัฐบาลใหม่ ที่ต้องมาดำเนินการตามแนวทาง 5 ประการ 1.ต้องกำกับแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ให้คนไทยทุกคนกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ และได้วัคซีนที่มีประสิทธิภาพทั่วถึง 2.ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ให้คนไทยกลับมาทำมาหากิน ได้มีชีวิตอย่างที่ควรจะมี 3.รัฐบาลใหม่จะต้องยกเลิก รธน.60 และผลักดันให้มีการร่าง รธน.ฉบับใหม่ที่เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง 4.ปฏิรูปทุกสถาบันทั้งประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสถาบันการเมือง ตุลาการ กองทัพ และสถาบันกษัตริย์ 5.คืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้คนไทยทุกคน

แกนนำธรรมศาสตร์ฯ กล่าวต่อว่า แต่ถ้าวันที่ 4 ก.ย.สภาฯลงมติให้ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ต่อ เราจำเป็นอย่างยิ่งต้องกระจายความกดดันให้ครอบคลุมและทั่วถึงมากขึ้น สิ่งที่ต้องไล่ไม่ใช่แค่ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ยังมีนายทุนที่คอยบริจาคเงินให้พรรคการเมือง และครอบครองธุรกิจทุกอย่างในประเทศ ขุนศึกที่คอยค้ำจุนให้ประยุทธ์ยังอยู่ต่อ โดยเฉพาะ ประยุทธ์ ประวิตร อนุพงษ์ อนุทิน และธรรมนัส ศักดินาที่ทำนาบนหลังประชาชน ก่อนเห็นท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพอย่าเพิ่งหมดหวัง เรายังต้องสู้ต่อเพราะมาไกลเกินกลับไปนับหนึ่งแล้ว เราอยากเห็นประชาธิปไตยที่เบ่งบาน คนไทยเท่าเทียมกันอย่าเพิ่งหมดหวัง การต่อสู้กับทรราชต้องพึ่งมานะความเพียรและความหวัง การเดินทางของเรายังไม่จบแค่นี้ จากนั้นอ่านบทกวีและปิดท้ายการชุมนุมด้วยการแสดงดนตรีของวงดนตรีสามัญชน ชวนให้ผู้ร่วมชุมนุมเปิดไฟแฟลชบนโทรศัพท์มือถือเป็นทะเลดาวสว่างทั่วทั้งถนนราชดำริ

ด้านบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มทะลุแก๊ส บริเวณแยกดินแดงเวลา 17.40 น. หลังเพจเฟซบุ๊กทะลุแก๊ส โพสต์ระบุว่า“รวมพลดินแดง ณ เวลานี้!!!!” ต่อมามีกลุ่มวัยรุ่นขี่รถ จยย.มารวมตัวกันบริเวณแยกสามเหลี่ยมดินแดง ถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งขาเข้า ต่อเนื่องไปจนถึงบริเวณปั๊มน้ำมันเชลล์ ระหว่างการรวมตัวจุดประทัดขว้างยั่วยุเจ้าหน้าที่เสียงดังเป็นระยะ ทำให้ปั๊มน้ำมันต้องหยุดบริการชั่วคราว ส่วนร้านหัวปลาเฮียอ้วน ริมถนนใกล้กันต้องปิดร้านทันที เพื่อความปลอดภัย ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ คฝ.วางกำลังอยู่บริเวณถนนวิภาวดีฯตัดถนนพหลโยธิน ต้องยิงแก๊สน้ำตา เข้าสลายการรวมตัวของกลุ่มวัยรุ่น ต้องถอยร่น ขณะที่วัยรุ่นอีกส่วนขี่รถ จยย.วนไปมา ปิดการจราจรถนนดินแดงขาออกก่อนเลี้ยวเข้าถนนวิภาวดีฯ รถมาจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิต้องลงอุโมงค์ทางเดียว

เวลา 19.00 น. กลุ่มวัยรุ่นเคลื่อนตัวจากบริเวณสามเหลี่ยมดินแดงมารวมตัวกันบนถนนวิภาวดีฯขาออก หน้ากรมดุริยางค์ทหารบก พร้อมขว้างปาประทัดยักษ์ ยิงพลุดอกไม้ไฟและระเบิดเพลิงเข้าไปในกรมดุริยางค์ทหารบกหลายครั้ง เจ้าหน้าที่ คฝ.ต้องยิงแก๊สน้ำตาตอบโต้ออกมาทำให้กลุ่มวัยรุ่นถอยร่นออกไป ก่อนที่จะกลับมารวมตัวอีกจุดไฟเผายางรถยนต์บริเวณทางลงด่วนดินแดง ทำให้ใช้การจราจรได้เพียง 1 ช่องทาง ขณะที่กลุ่มรถ จยย.วิ่งสวนทางถนนวิภาวดีฝั่งขาออกสลับกันเข้าไปยั่วยุ จนชุดเคลื่อนที่เร็ว คฝ.เคลื่อนกำลังออกจากที่ตั้งข้างโรงพยาบาลทหารผ่านศึก เข้ากระชับพื้นที่ทำให้กลุ่มมวลชนวัยรุ่นถอยร่นหนีไปตั้งหลักที่แยกสามเหลี่ยมดินแดง กำลังอีกส่วนยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางใส่ลงมาทางด่วนดินแดง ขณะที่กลุ่มวัยรุ่นยิงพลุไฟตอบโต้ ผลัดกันรุกผลัดกันรับไปมา

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. โฆษก บช.น.กล่าวว่า สน.ร่มเกล้า และ สน.ลำผักชี จับกุมผู้ต้องหา 5 คน จากการตั้งจุดตรวจจุดสกัดและการออกตรวจตรา ป้องกันการนำสิ่งของผิดกฎหมายเข้าพื้นที่ชุมนุม พร้อมยึดอาวุธปืนหรือสิ่งเทียมอาวุธปืน 5 กระบอก เครื่องกระสุนปืน 21 นัด ระเบิดแสวงเครื่อง 19 ลูก และกัญชาจำนวนหนึ่ง สอบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาส่วนหนึ่งเข้าร่วมการชุมนุมหลายครั้ง รวมถึงบริเวณแยกดินแดงเมื่อวันที่ 29 ส.ค. คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มอาชีวะจะขยายผลเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ตัวผู้ผลิต หรือนำพาอาวุธวัตถุระเบิดต่างๆ รวมถึงนำอาวุธปืนที่ยึดได้ไปเทียบเคียงกับคดีเก่าที่เคยเกิดขึ้นด้วย ยืนยันว่าทั้ง 5 คนเตรียมนำอาวุธดังกล่าวมาใช้ก่อเหตุในการชุมนุมที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังยุติการชุมนุมที่ราชประสงค์ กลุ่มทะลุฟ้าทำการเผาหุ่นฟางบริเวณใต้สะพานลอยหน้าศูนย์การค้าเกษรพลาซ่า เพื่อแสดงสัญลักษณ์ถึงความสูญเสียของประชาชนที่เกิดจากความผิดพลาดการบริหารของรัฐบาล ส่วนวันที่ 4 ก.ย.กลุ่มรีเดมหนึ่งในแนวร่วมม็อบราษฎร นัดหมายจัดการชุมนุมแบบไร้แกนนำที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตสวิตเซอร์แลนด์ ถนนวิทยุ ประกาศเคลื่อนพลไปที่พระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 6 สวนลุมพินี เพื่อยื่นข้อเสนอ 3 ข้อคือ 1.จำกัดอำนาจสถาบัน 2.ปลดแอกประชาธิปไตย สร้างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน และ 3.สร้างรัฐสวัสดิการถ้วนหน้า จัดหาวัคซีนฟรีและมีคุณภาพให้ทุกคน