“ปกรณ์วุฒิ” ส.ส.ก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ “ชัยวุฒิ” รมว.ดิจิทัลฯ อัดรัฐมองคนเห็นต่างเป็นภัยคุกคามร้ายแรง ลั่น ไม่สามารถหยุดยั้งความเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัยได้อีกต่อไป คืนอนาคตให้ประชาชนเสียที
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 3 ก.ย. 2564 การอภิปรายรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดย นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ขึ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เริ่มต้นด้วยแพลตฟอร์มการจองวัคซีนโควิด-19 อย่าง “หมอพร้อม” แต่หลัง นายชัยวุฒิ รับตำแหน่ง หมอพร้อมก็ประกาศยกเลิกลงทะเบียน ซ้ำแต่ละจังหวัดต้องทำแพลตฟอร์มของตัวเองแยกเพื่อจองฉีดวัคซีน สุดท้ายกลายเป็นหมอไม่พร้อม แล้วจะมีกระทรวงดิจิทัลฯ ไว้ทำไม เรื่องสายด่วนที่ผู้ป่วยโควิด-19 ต้องเสียเงินก็รู้ตัวช้า เป็นความล้มเหลวจนเกิดภาพคนแออัดไปรอฉีดวัคซีน แออัดไปรอตรวจ จนกลายเป็นติดโควิดกลับมา
นายปกรณ์วุฒิ กล่าวหาต่อไปว่า ภารกิจเดียวที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ ได้รับมอบหมายคือ ควบคุมความคิดประชาชน ปิดหูปิดตา ใช้คำว่ามั่นคงเป็นข้ออ้าง ใช้คำว่าข่าวปลอมบังหน้า ฉากหลังมีแต่การกำจัดคนเห็นต่าง ปิดปากประชาชนด้วย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์, มาตรา 112 หรือคิดว่าเป็นอาชญากรรมทางความคิด แม้กระทั่งสั่งจับตากลุ่มย้ายประเทศ อยากถามว่าไปยุ่งอะไรกับเขา ต่อมายังตั้งอนุกรรมการ 3 ชุด ปราบปราม บังคับใช้กฎหมาย เกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ต่างจากการดำเนินการของต่างประเทศ ไม่มีแม้แต่ข้อเดียวที่ให้รัฐบาลเอากฎหมายปิดปากประชาชน
...
แม้กระทั่งการเอาผิดคนที่ออกมา Call out วิพากษ์วิจารณ์การทำงานรัฐบาล และยังออกกฎหมายที่ระบุใน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งต่อมาศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว โดยมองว่ารัฐบาลนี้ไม่กลัวข่าวปลอม แต่กลัวคนเห็นต่าง พร้อมยกตัวอย่างการให้ข่าวจากฝั่งรัฐบาลที่ทำประชาชนสับสนเสียเอง ว่าจะต้องดำเนินการหรือไม่
ขณะที่กำลังอภิปราย พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี พรรคพลังประชารัฐ ได้ลุกขึ้นประท้วงว่า มีการเสียดสี ใส่ร้าย ยัดความผิด ยัดข้อหา ขอให้ถอนคำพูด แต่ นายสุชาติ ตันเจริญ ประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม ระบุว่าอยู่ในประเด็น สามารถพูดต่อไปได้ และให้รัฐมนตรีเป็นผู้ตอบเอง
จากนั้น นายปกรณ์วุฒิ อภิปรายต่อถึงประกาศกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์การเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ของผู้ให้บริการ พ.ศ. 2564 ว่า ถ้าถูกนำไปใช้ผิดวิธีเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก เพราะประกาศนี้จะทำให้รัฐล้วงข้อมูลโดยระบุตัวตนได้โดยไม่ต้องมีหมายศาล บุกเข้าไปได้ตามอำเภอใจ นอกจากขัด พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และยังขัดรัฐธรรมนูญด้วย ถ้าทำทั้งไอโอ สอดแนม ก็ไม่เหลือความปลอดภัยความเป็นส่วนตัวในประเทศนี้ และที่ผ่านมากดดันแพลตฟอร์มต่างประเทศหลายครั้งด้วย
และที่อภิปรายมา เป็นเพราะรัฐบาลให้ความสำคัญกับกระทรวงดิจิทัลสูงมาก แต่เหตุผลที่เราไม่เคยเห็นกระทรวงนี้และรัฐมนตรีคนนี้ทำอะไรเพื่อพัฒนาโอกาสทางเทคโนโลยีดิจิทัลเลย ก็เพราะมุมมองของรัฐต่อเทคโนโลยี ไม่ใช่โอกาสทางเศรษฐกิจ แต่รัฐกำลังเห็นว่าเทคโนโลยีนี้คือภัยคุกคามร้ายแรงต่ออำนาจที่ตัวเองพยายามปกปักรักษาอยู่ คงเคยได้ยินคำว่าผู้ที่ควบคุมประวัติศาสตร์ได้ ก็จะเป็นผู้ที่กุมชะตาอนาคต ซึ่งประวัติศาสตร์จะถูกเล่าโดยผู้ชนะเสมอ และไม่มีทางที่พวกเขาจะปล่อยให้ผู้คนได้ยินประวัติศาสตร์ที่เล่าโดยผู้ถูกกดขี่ แต่ 10 กว่าปีที่ผ่านมา อินเทอร์เน็ตเฟื่องฟูที่สุด ผู้คนเข้าถึงข้อมูลได้อย่าง รวดเร็วและเกิดเสรีภาพในการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างไม่จำกัด โดยไม่มีใครสามารถปิดกั้นได้ เทคโนโลยีนี้จึงทำให้ประชาชนได้รับรู้ว่าเรื่องราวจากฝั่งของผู้ถูกกดขี่นั้นเป็นอย่างไร และเทคโนโลยีนี้ทำให้ประชาชนเห็นว่าแท้จริงแล้วผู้มีอำนาจสูงสุดในประเทศนี้ คือประชาชนที่เป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุด จึงเป็นช่วงเวลาที่กลุ่มคนที่ผูกขาดอำนาจถูกท้าทายและสั่นคลอนอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน
ในสายตาของรัฐสิ่งนี้จึงเป็นภัยคุกคามร้ายแรง และจำเป็นต้องถูกควบคุมอย่างเร่งด่วนที่สุด ไม่สำคัญเลยว่ารัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลฯ จะชื่อชัยวุฒิ หรือชื่ออะไร เพราะภายใต้โครงสร้างอำนาจอย่างที่เป็นอยู่ ไม่ว่าใครจะขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีก็ไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากทำตามที่ผู้มีอำนาจชี้นิ้วสั่งเท่านั้น แต่ในเมื่อวันนี้ ท่านคือคนที่รับตำแหน่งนี้และเลือกที่จะบิดเบือนหลักการของกฎหมายเพื่อประโยชน์ทางการเมือง ทำลายเสรีภาพของประชาชนที่ได้รับคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ เลือกที่จะรับใช้ระบอบปรสิตที่กัดกินประเทศ เหยียบย่ำความฝันของประชาชนด้วยการแช่แข็งขังประเทศไว้กับอดีต ทำลายโอกาสของประเทศในยุคที่ท้าทายที่สุด ก็ไม่สามารถไว้วางใจได้อีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม นายปกรณ์วุฒิ ทิ้งท้ายการอภิปรายว่า “ขอเป็นเสียงที่พูดแทนประชาชนอีกหลายล้านคน ที่มีความฝันว่าในยุค Digital Disruption จะสามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยศักยภาพอันเต็มเปี่ยมที่พวกเขามี ประชาชนทุกคนรู้ดีว่า นี่คือยุคที่เป็นโอกาส สามารถสร้างประเทศพัฒนาคุณภาพชีวิตตัวเองและลูกหลานให้ดีขึ้นได้ และสร้างความฝันของพวกเขาให้เป็นจริงได้ด้วยมือของเขาเอง และขอพูดแทนพวกเขาว่า ท่านไม่สามารถหยุดยั้งความเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัยได้อีกต่อไปแล้ว เอาอดีตของพวกท่านกลับคืนไปและคืนอนาคตให้พวกเขาเสียที” ก่อนจบการอภิปรายที่เวลา 15.07 น.