รมว.เกษตรฯ ท้า "พ.ต.อ.ทวี" ฟ้องร้องได้ถ้าระบายยางไม่ถูกต้อง ชี้ทำตามกฎหมาย เปิดประมูลไม่มีบิดพลิ้ว ยืนยันไม่มีเรื่องทุจริต ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย
เมื่อเวลา 11.47 น. วันที่ 3 ก.ย. 2564 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวชี้แจง ในการประชุมเพื่อพิจารณาญัตติ ขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญ ที่มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เป็นประธานในการประชุม
โดยนายเฉลิมชัย ได้ตอบโต้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ ว่าอภิปรายในสภาของ พ.ต.ท.ทวี เรื่องยางพาราเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง ซึ่งตอนที่รับตำแหน่ง มียางพาราในสต๊อก 104,000 ตัน การเก็บไว้จะเสียทั้งค่าเช่าโกดัง ค่าประกันภัย แต่มีเป้าหมายคือ การรักษาเสถียรภาพราคายางไม่ให้ตกต่ำ จนเป็นเหตุตัดราคายาง จากนั้นได้นำมาเปิดซองประมูล โดยผู้ประมูลมีคุณสมบัติครบถ้วนจึงเปิดซอง จึงเป็นที่มาของการขายยางในครั้งนั้น และมีอยู่ในรายงานของผู้ว่าการยางของประเทศไทยทั้งหมด หากไม่ถูกต้อง สามารถฟ้องร้องได้ทันที
"คณะกรรมการการยางธรรมชาติจึงได้มีมติเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2563 ให้ระบายยางในสต๊อกนี้ให้หมดโดยเร็ว และนำเข้า ครม.วันที่ 3 พ.ย. 2563 การระบายต้องดูจังหวะที่เหมาะสมและไม่กระทบกับราคายางในตลาดมากนักเมื่อ ครม.ได้รับทราบ ตนในฐานะกำกับดูแลการยางแห่งประเทศไทย ให้นโยบายการยางแห่งประเทศไทยในการระบายอย่างสต๊อก 1.ให้การยางแห่งประเทศไทยดูช่วงเวลาที่เหมาะสมในการระบายเพื่อไม่ให้กระทบราคายางในตลาด 2.พี่น้องเกษตรกรต้องได้รับประโยชน์ 3.ต้องรักษาผลประโยชน์ภาครัฐเพราะเป็นเงินภาษีของพี่น้องประชาชน 4.ต้องทำโดยสุจริตโปร่งใสตรวจสอบได้ และถูกต้องตามระเบียบ ที่เน้นย้ำที่สุดคือห้ามทุจริตคอร์รัปชันโดยเด็ดขาด ถ้าเขาทำทุจริตผิดกฎหมายผมไม่ละเว้นอยู่แล้วและนอกจากผมไม่ละเว้นแล้วยังมีหน่วยงานมากมายที่รอการตรวจสอบท่านสามารถฟ้องได้เลย เพราะถ้าไม่ถูกต้องผมก็ไม่ชอบ อยู่ประเทศไทยทำร้ายประเทศผมก็ไม่เอา" นายเฉลิมชัย กล่าว
...
ส่วนการแต่งตั้งผู้ว่าการยางแห่งประเทศไทย นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ส่วนตัวไม่สามารถปลดใครหรือเอาใครเขามาได้ เพราะเป็นรัฐวิสาหกิจ มีคณะกรรมการบอร์ดคอยกลั่นกรอง ไม่มีอะไรบิดพลิ้ว ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย เพราะอาจถูกฟ้องร้องได้ และตนเองก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องงบการดุล เพราะไม่ทราบว่าบริษัทไหนจะประมูลได้ จึงขอความเป็นธรรมให้กับตนเองด้วย เพราะไม่ทราบว่ามีที่มาหรือที่ไปอย่างไร อีกทั้งหากบริษัทดังกล่าวดำเนินการตามกฎหมาย ก็ต้องอนุมัติ ซึ่งบริษัทดังกล่าวยังอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่มีสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ กลต. คอยตรวจสอบ
จึงยืนยันว่าไม่มีเรื่องการทุจริต และพร้อมให้หน่วยงานทุกหน่วยงานตรวจสอบ ทุกอย่างที่ทำเป็นการสุจริตในการทำงาน อีกทั้งส่วนตัวไม่มีความลำบากใจในการทำงานกับคณะรัฐมนตรีชุดนี้ เพราะทุกฝ่ายทำงานประสานกัน โดยเกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด รวมถึงกระทรวงมหาดไทย กลาโหม ต่างประเทศ และกระทรวงยุติธรรม ก็มีการบูรณาการกัน แต่โควิด-19 ครั้งนี้กระทบทั่วโลก ดังนั้นจะก้าวผ่านได้ต้องร่วมมือร่วมใจกัน
นายเฉลิมชัย ยังกล่าวด้วยว่าสินค้าเกษตรเป็นสินค้าที่พยุง GDP ของประเทศ โดยเฉพาะผัก ผลไม้ มีการส่งออกแล้ว 1.4 แสนล้านบาท ขณะที่เรื่องลัมปีสกิน ก็ไม่ได้ปล่อยปละละเลย โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะอธิบายรายละเอียดอีกครั้ง ส่วนที่ที่ผู้อภิปรายบอกว่าตนเองไม่มีสำนึก ไปดูแลเรื่องโควิด-19 ยอมรับว่าเป็นการไปให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ เพราะไม่สามารถแยกร่างได้ แต่บริหารเวลาเป็น และตนเองมีสำนึก เกี่ยวกับเรื่องวิกฤติประเทศ จึงให้ความช่วยเหลือ จึงขอให้สมาชิกพิจารณาด้วยเหตุ และผลในการลงมติพรุ่งนี้ด้วย