ในสนามรบโควิด–19 ทุกวันมีคนเจ็บป่วยล้มตาย ข่าวสารที่ผมรับจากหลายๆช่องทาง ผมเห็นแต่พระโพธิสัตว์บำเพ็ญบารมี จนเผลอมีข้อจำกัด เล่าเรื่องนี้ก็ละเลยเรื่องนั้น
ผมแปลกใจตัวเอง...เรื่องเล็กๆ ที่เปอร์ สุวิกรม คุยกับคนขายก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ แถวห้วยขวาง ในรายการยินดีที่ได้รู้จัก ช่องทีวีไทยพีบีเอส เมื่อเสาร์ที่แล้ว ฝังจิตฝังใจ จนลืมไม่ลง
ร้าน...ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ ตั้งอยู่ริมถนนหน้าโรงจำนำ หน้าตาไม่บอกว่าเป็นร้าน...เปอร์ใช้คำว่า “ดูแล้วน่ากิน”
แน่นอน...สั่งแล้วก็ต้องเอาไปกินที่อื่น แต่เปอร์ขอนั่ง ก็มีโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งกิน ตำรวจเห็นจะจับก็คงได้ เพราะผิดกฎหมาย...กินกันไป คุยกันไป
จับความได้ว่า หนุ่มพ่อค้าก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ ทิ้งงานรับจ้างออกมาท้าชีวิต รับบ๊ะจ่าง...เดินเร่ขาย กำไรมากกว่าค่าจ้างที่เคยได้ เจอลูกค้าประจำต่อว่าบางลูกใส่ไข่เค็ม บางลูกไม่มี
ได้ความคิดคุมคุณภาพสินค้าเองไม่ได้ จึงคิดต่อยอด ขายเองดีกว่า ความที่ชอบกินก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ จึงตัดสินใจทำก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ แต่จะขายที่ไหน
คุยถึงตรงนี้ จึงรู้ว่าเขามาจากบ้านนอก เสี่ยงโชคเข้ากรุงเทพฯ สะดุดชื่อ “ห้วยขวาง” คนขับรถก็ส่งให้ลงที่ห้วยขวาง ริมถนนในกรุง ตอนนี้ นับแต่ทหารร้องเพลง ขอเวลา หาบเร่แผงลอย การค้าของคนเล็กคนน้อยก็หายไป
หน้าโรงจำนำว่าง สถานการณ์โควิดแรงขั้นนี้มีแต่คนตกงาน คนไม่มีจะกิน เถ้าแก่ออกปากให้ขายได้
มีที่ขาย แต่ร้านล่ะ! ทุนรอนในกระเป๋า, มีแค่ค่าอุปกรณ์เตาแก๊ส กระทะ กับวัตถุดิบ โต๊ะนั่งตัวเดียว
ถึงตอนนี้ผมพอเข้าใจ เปอร์สะดุดใจภาพรวมของร้าน แต่เขาใช้คำว่า “ดูน่ากิน” ซึ่งหมายรวมสิ่งที่เห็นก็คือกระทั่งรถเข็นที่ใช้ตั้งเตาแก๊สก็ไม่มี
...
อยากได้รถเข็น...อยากได้แต่ไม่มีทุน “ผมจะซื้อให้” เปอร์บอกแล้วชวนกันเดินไปหาร้านรถเข็น...ขณะเมียเถ้าแก่กำลังเปิดช่องตั้งเตาแก๊ส ตัวเถ้าแก่ก็คุยว่าโควิดรอบนี้แทบไม่มีลูกค้า ไม่ว่าใครก็ไม่มีเงิน
จ่ายค่ารถเข็น 3,700 แล้ว แล้วก็ชวนกันกลับร้าน...ตั้งเตาแก๊ส พร้อมขายก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ ในบรรยากาศร้านที่ครบครันกว่าเก่า ชวน ให้กินกว่าเก่า
“ผมขอสองข้อนะครับ” เปอร์ว่า“ ข้อแรก ใส่ปาท่องโก๋เพิ่มรสชาติลงในก๋วยเตี๋ยวด้วย ข้อสอง ถ้ารวยแล้วอย่าลืมช่วยเหลือคนอื่นต่อ” แล้วเขาก็ขอจับมือ “ยินดีที่ได้รู้จัก” แล้วก็ลาจาก
เรื่องนี้มีประเด็นให้คิดต่อ ตัวอย่างคนขายก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ คนเรานั้น ไม่มีวันอับจน ขอเพียงกล้าเดินไปข้างหน้า น้ำใจของเถ้าแก่โรงจำนำ และมิตรใจจากเปอร์...
ผมสารภาพ ติดตามรายการยินดีที่ได้รู้จักมานาน เรื่องนี้ประทับใจที่สุด
ผมเทียบเคียง กับเรื่องพระโพธิสัตว์น้อยใหญ่...แบ็งค์หนุ่มหัวโจกในซอย เป็นจิตอาสา ผ้าคาดปากชิ้นเดียว รับงานเก็บถังออกซิเจนต่อชีวิตคนป่วย พระวัดสุทธิ สวมชุดขาวทับจีวรออกช่วยตรวจเชื้อโควิดให้ญาติโยม
แขก เพื่อนเก่า เล่าถึง “คุณสุภกิจ (ไม่บอกนามสกุลดีกว่า)” พอรู้ว่าธุรกิจที่เคยเป็นลูกค้าปิด ลูกจ้างตกงาน ก็ช่วยด้วยการให้งบมาทำข้าวกล่องสองพันกล่อง แล้วขอให้หาที่แจกจ่ายไปให้ถึงคนป่วยที่กักตัวตามบ้าน
เงินก้อนเดียว ช่วยคนสองต่อ ต่อแรก ลูกน้องแขกมีงานทำ ต่อสอง ช่วยต่อชีวิตคนป่วย
เท่าที่ผมพอรู้ งบก้อนนี้นิดเดียว เจ้าสัวรายนี้ มีชื่อว่างานนี้ช่วยคนป่วยที่ขัดสนอับจนไปแล้วเป็นพันล้าน
บ้านเมืองเรามีพระโพธิสัตว์บำเพ็ญบารมีอยู่มากมาย...ผมเชื่อว่าเราจะฝ่าฟันจนพ้นมันไปได้...
ส่วนนายกฯแม้ถูกอภิปรายก็ยังคงชื่อประยุทธ์ต่อไป เรื่องจะเปลี่ยนเป็นประวิตร หรือธรรมนัสอะไรนั่น เป็นแค่หนังโฆษณา.
กิเลน ประลองเชิง