ส.ส.เพื่อไทย "จิราพร" งัดหนังสือสั่งการให้ซื้อ ATK ผ่านการรับรองจาก WHO โต้ นายกฯ ซัดกลืนน้ำลายตัวเองอีกแล้ว จี้ตอบเงินทอนซิโนแวค 1.6 พันล้าน หากตอบไม่ได้เตรียมฟ้อง ป.ป.ช.

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 2 ก.ย. 2564 ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาญัตติ ขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญ โดยมี นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานในการประชุม

โดยมี น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ได้เริ่มอภิปรายเป็นคนแรก เพื่อทวงถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้ตอบคำถามว่า เหตุใดจึงยังสั่งซื้อวัคซีนซิโนแวค ทั้งที่ป้องกันโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาไม่ได้ และทำไมไม่เข้าโครงการ COVAX เพราะแสดงถึงวิสัยทัศน์ผู้นำ พร้อมขอให้ตอบให้ชัดเรื่องเงินทอนของการซื้อวัคซีนซิโนแวคที่หายไป 1.6 พันล้าน จึงขอให้นำหลักฐานการจ่ายเงิน ที่กรมควบคุมโรคจ่ายให้องค์การเภสัชกรรม และ หลักฐานที่องค์การเภสัชกรรมจ่ายให้กับบริษัทซิโนแวค ทุกครั้งที่มีการสั่งซื้อมาแสดงต่อสภา พร้อมขออย่ามาอ้างว่าหลักฐานเหล่านี้เปิดเผยกับประชาชนไม่ได้ เพราะไม่ใช่สัญญาระหว่างประเทศ รวมถึงในเมื่อซื้อแบบจีทูจี แต่เหตุใดกลับเสียภาษีแบบเชิงพาณิชย์ ดังนั้นหากตอบไม่ชัดเจน ขอให้รอพรรคเพื่อไทยยื่นเอาผิดกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ได้เลย

...

น.ส.จิราพร ยังกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ รวบอำนาจมีกฎหมายในมือกว่า 40 ฉบับ ใช้ทั้ง พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. และศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ หรือ ศบศ. แต่กลับยังควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ พร้อมอ้างว่าโควิด-19 เป็นโรควิกฤติใหม่ที่ไม่มีในโลก ไม่มีรัฐบาลใดเจอวิกฤติเท่ากับตนเองนั้น เมื่อเทียบกับช่วง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เจอทั้งไข้หวัดนก ซาร์ส และสึนามิ ซึ่งเป็นเรื่องใหม่กับประเทศไทยเช่นเดียวกัน แต่กลับใช้ พ.ร.บ.โรคติดต่อฉบับเดียวก็สามารถแก้ปัญหาได้ โดยไม่ร้องขอความช่วยเหลือจากประเทศอื่น การดำเนินงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จึงถือเป็นการประเมินสถานการณ์ที่ผิดพลาดอย่างไม่ให้อภัย และเหตุใดจึงต้องแทงม้าตัวเดียวไปที่บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์

ทำให้ นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นประท้วง ระบุว่า มีการอภิปรายเนื้อหาเดิมที่คนอื่นอภิปรายแล้ว ทำให้ไม่ชอบโดยการอภิปราย

น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย จึงประท้วงกลับขอให้นายศุภชัย หยุดประท้วง เพราะทำตัวเป็นองครักษ์หลายรอบ มีพฤติกรรมก่อกวน ตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว นายศุภชัยจึงขอให้ประธานสั่งให้ น.ส.ธีรรัตน์ถอนคำพูด เรื่องมีพฤติกรรมก่อกวน นายนิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย จึงได้ประท้วงขอให้ประธานวางตัวเป็นกลาง

จากนั้น น.ส.จิราพร ได้อภิปรายต่อ เรียกร้องให้มีการชี้แจงความก้าวหน้าบริษัทที่ได้รับทุนวิจัยวัคซีน และมีกี่บริษัท พร้อมยังนำข้อสั่งการของนายกฯ ในการซื้อชุดตรวจ Antigen Test Kit หรือ ATK 8.5 ล้านชุด จากองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ในการประชุม ศบค. ครั้งที่ 12/2564 วันที่ 16 ส.ค. 2564 เวลา 13.30 น. ในหน้าที่ 17 ข้อ 6 ที่มีข้อสั่งการของนายกฯ ระบุว่า เรื่องการเร่งดำเนินการหาชุดตรวจโควิด-19 แบบ ATK ที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา หรือ อย. มีจำหน่ายในประเทศไทย มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล ได้รับรองจากองค์การอนามัยโลก WHO รวมทั้งต้องมีความแม่นยำในการตรวจ เพื่อนำการรักษาอย่างทันท่วงที และพร้อมจัดส่งให้ได้ตามเวลาที่กำหนด ดังนั้นนายกฯ จะมาตอบว่าไม่ทราบไม่ได้ เพราะมีลายเซ็น พล.อ.ประยุทธ์ ลงนามเห็นชอบเสนอต่อคณะรัฐมนตรีด้วยตัวเอง ถือเป็นการกลืนน้ำลายตัวเองอีกครั้ง

นอกจากนี้ยังเปิดเผยว่า นายกฯ ยังเปลี่ยนข้อสั่งการจากมาตรการดูแลเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 ระลอกที่ 1 เป็นมาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโคโรนาต่อเศรษฐกิจทั้งทางตรงและทางอ้อมระยะที่ 1 ที่ทราบดีว่าจะเสียหายต่อเศรษฐกิจ แต่ก็ไม่ได้ระมัดระวังอย่างรอบคอบ จนเกิดความเสียหาย ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ และพวกจึงต้องรับผิดชอบความเสียหายกว่า 4 แสนกว่าล้านบาท ตามที่นายอนุทินทำหนังสือด่วนที่สุด รายงานในเรื่องความเสียหายหากไม่สามารถจัดหาวัคซีนได้

จึงขอไว้อาลัยให้กับผู้สูญเสียจากสถานการณ์โควิด-19 พร้อมระบุว่า ไม่สามารถไว้วางใจนายกฯ และนายอนุทินได้อีกต่อไป ก่อนจะจบอภิปรายในเวลา 09.50 น.