น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ หนุน ทำวิจัย-พัฒนานวัตกรรมยกระดับการศึกษา เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของไทย สอดรับเศรษฐกิจ ยุค 4.0
วันที่ 26 ส.ค. น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวระหว่างการเป็นประธานเปิดการประชุมผ่านระบบออนไลน์และบรรยายพิเศษในที่ประชุมวิชาการ การวิจัยทางการศึกษาระดับชาติ ครั้งที่ 16 หัวข้อ “นวัตกรรมการศึกษา : กล้าเปลี่ยน สร้างสรรค์ ยกระดับคุณภาพการศึกษาไทย” ซึ่ง จัดโดยสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ว่า การวิจัยและการพัฒนานวัตกรรมถือเป็นกลไกลสำคัญในการกำหนดการขับเคลื่อนนโยบายการศึกษาเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการพัฒนาประเทศไทย 4.0 ผ่านการทำวิจัย เพื่อพัฒนาแนวคิด ทฤษฎี กระบวนการ ทัศนะทางการศึกษาใหม่ๆ ในมิติต่างๆ
น.ส.ตรีนุช กล่าวว่า สภาการศึกษา มีบทบาทสำคัญในการวางกรอบ เป้าหมาย และทิศทางการจัดการศึกษาของประเทศ เพื่อการพัฒนาศักยภาพ และขีดความสามารถของคนไทยในทุกช่วงวัยผ่านการจัดทำนโยบายและแผนการศึกษาแห่งชาติ มาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ แผนการปฏิรูปด้านการศึกษา รวมถึงการปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ที่มีความหลากหลาย เพื่อนำไปพัฒนาการศึกษาในทุกระดับและประเภทการศึกษาต่อไป
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาไทยอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 มาปีกว่า ทำให้สถานการณ์จัดการเรียนการสอนต้องเปลี่ยนแปลงไป เป็นการเรียนโดยผ่านเทคโนโลยีมากขึ้น เป็นการเรียนระบบทางไกล ผ่านระบบออนไลน์ ออนแอร์ แต่สิ่งที่พบ คือ การจัดการศึกษาระบบทางไกลมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายและความสามารถในการมีเครื่องมือสื่อสารของผู้เรียนเป็นอย่างมาก ซึ่งถือเป็นข้อจำกัดที่สำคัญ แต่ครูก็สามารถแก้ปัญหาได้ใช้ระบบออนแฮนด์ ที่นำเอกสาร ใบงาน ไปส่งให้เด็กถึงบ้านและยังได้แนะนำ พบปะพูดคุยกับเด็กและผู้ปกครองได้ด้วย จะเห็นได้ว่า การจัดการศึกษาบ้านเรามีการเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตค่อนข้างมาก การจัดการศึกษาในระบบของไทย ที่จะไปเพิ่มทางเลือกให้เด็ก คือ หลังจบ ม.3 จะไปเรียนต่อ ระดับ ม.ปลาย หรือ สายอาชีพ ประกาศนียบัตร (ปวช.) ได้ แต่ปัจจุบันเด็กที่เรียนอาชีวะสามารถต่อปริญญาตรีได้แล้ว และที่น่าสนใจ คือ วันนี้สายอาชีวะมีความแข็งแกร่งมากขึ้น มีเด็กเรียนมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าพึงพอใจเพราะถือเป็นการสร้างทางเลือกให้ผู้เรียนสายอาชีพ
...