"ไทยไม่ทน-อาชีวะ" ประกาศ ไม่เข้าร่วม "ม็อบ 7 สิงหา" แต่ตั้งทีมงานเฝ้าติดตาม ยังย้ำเป้าหมายไล่บิ๊กตู่ ด้านแนวร่วมแห่ โอนเงินบริจาคเข้า "กองทุนราษฎรประสงค์" ที่ใช้สำหรับประกันตัวม็อบ ล่าสุดยอดเงินทะลุกว่า  5 ล้าน

วันที่ 6 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวก่อนการชุมนุมกลุ่มเยาวชนปลดแอก หรือ FreeYouth ในวันที่ 7 ส.ค. ซึ่งมีการนัดหมายรวมตัวที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อเคลื่อนขบวนไปยัง พระบรมมหาราชวัง ท่ามกลางการจับตาอย่างใกล้ชิดจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

เวลา 13.00 น.ที่ศูนย์ข่าวพีซทีวี รามอินทรา 40 กลุ่มไทยไม่ทนสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย ร่วมกันแถลงถึงท่าทีต่อการชุมนุมกลุ่มเยาวชนปลดแอก โดยนายไทกร พลสุวรรณ กล่าวว่า มีความวิตกอย่างยิ่งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้ความรุนแรงในการปราบปรามผู้ชุมนุมมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ทางกลุ่มจะไม่ได้เข้าร่วม แต่จะตั้งทีมงานชุดหนึ่งเพื่อเฝ้าติดตาม หากเจ้าหน้าที่ทำผิดกฎหมายหลักสากล จงใจสร้างสถานการณ์ จะดำเนินการเอาผิดไม่เว้นแม้แต่กรณีเดียว

...

"เรามีเป้าหมายชัดเจน คือ ไล่ พล.อ.ประยุทธ์ การชุมนุมครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย เป็นเพียงอีกครั้งที่จะมีการขยายข้อเรียกร้องออกไป หากใครไม่เห็นด้วยก็สามารถไม่เข้าร่วมได้เป็นเสรีภาพ ส่วนข้อเรียกร้องเหมาะสมต่อสถานการณ์หรือไม่เราจะไม่ด้อยค่ากัน เพราะถือว่า มีอุดมการณ์เดียวกันคือ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องออกไป

ส่วนในวันที่ 8 ส.ค.ที่จะมีการนัดชุมนุมของกลุ่มสลิ่มกลับใจ ที่นำโดย ไฮโซลูกนัท หรือนายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย นั้น ทางกลุ่มไทยไม่ทนจะเข้าร่วมด้วย ส่วนการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นัดหมายไว้ในวันที่ 10 ส.ค. จะหารือกันก่อน"
 

ด้านนายธนเดช ศรีสงคราม หรือ ม่อน แกนนำกลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผู้จัดคาร์ม็อบรวมพลคนพันธุ์ R ขับไล่เผด็จการ ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า "วันที่ 7-8 ไม่สามารถเข้าร่วมม็อบหรือทำกิจกรรมการทางการเมืองได้ เนื่องจากติดภารกิจทำโรงพยาบาลสนาม"

ขณะเดียวกันกลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยังได้ออกแถลงการณ์ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ใจความว่า ตามที่มีข่าวว่า ทางกลุ่มจะมีการจัดคาร์ม็อบ ในวันที่ 7 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาลและพยายามจะโยงเส้นทางว่า จะมุ่งหน้าไปทางพระบรมมหาราชวัง ขอยืนยันว่า ในวันดังกล่าว ทางกลุ่มไม่มีการจัดกิจกรรมใดๆ พร้อมยืนยันหลักการข้อเรียกร้อง 3 ข้อ คือ 1 ไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ 2 แก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ 3 รัฐต้องจัดหาวัคซีนโควิด-19 ที่มีคุณภาพ ให้กับประชาชน นอกเหนือจาก 3 ข้อเรียกร้องนี้ ทางกลุ่มไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ยืนยันต่อสู้สันติวิธีและไม่ขึ้นตรงกับกลุ่มใด

ขณะเดียวกัน มีความเคลื่อนไหวของกองทุนราษฎรประสงค์ ที่ดูแลโดย น.ส.ไอดา อรุณวงศ์ บรรณาธิการวารสารและสำนักพิมพ์อ่าน และนางชลิตา บัณฑุวงศ์ อาจารย์คณะสังคมวิทยา ม.เกษตร ซึ่งถูกใช้เป็นกองทุนหลักสำหรับการประกันตัวแกนนำม็อบ-แนวร่วมผู้ที่ถูกดำเนินคดี ในการชุมนุมต่างๆ รวมถึงผู้ที่ถูกดำเนินคดี ม.112 ซึ่งมีการก่อตั้งมา เพื่อประกันตัวผู้ชุมนุม ตั้งแต่สมัยกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ในยุคการปกครองของรัฐบาล คสช.

โดยผู้ดูแลกองทุนโพสต์ข้อความบนเพจ กองทุนราษฎรประสงค์ ว่า ได้เบิกเงินจำนวน 20,000 บาทเพื่อมอบให้ทนายความนำไปใช้วางประกันเยาวชน 4 คน คือ ที่เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกในความผิด 3 ข้อหา ได้แก่ ร่วมกันรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ในเวลากลางคืน, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และร่วมกันฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากกรณีร่วมทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ โดยการสาดสี-พ่นสเปรย์บนรูปปั้นภายในกระทรวงสาธารณสุข ในช่วงคืนวันที่ 13 ก.ค. 64 โดยหมายเรียกระบุว่า คดีนี้มีสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้กล่าวหา พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง มีคำสั่งควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ในระหว่างสอบสวน

ศาลเยาวชนฯ มีคำสั่งอนุญาตให้ควบคุมตัวเยาวชนทั้งสี่ ก่อนให้ประกันในวงเงินประกันคนละ 5,000 บาท รวม 20,000 บาท โดยไม่กำหนดเงื่อนไขใดๆ ผู้ปกครองของเยาวชนทั้งสี่เป็นผู้ยื่นประกันด้วยเงินจากกองทุนราษฎรประสงค์

"ภายหลังการเบิกจ่ายดังกล่าว ยอดเงินคงเหลือในบัญชีคือ 5,253,896 บาท แต่เมื่อวานนี้เรามียอดคงเหลือกันอยู่ที่ 5,014,323.60 พอเบิกออกไป 20,000 แล้วยอดคงเหลือทำไมกลายเป็น 5,253,896 บาท! แอดมินงงค่ะ! พอไปไล่ดูสเตทเมนท์ พบยอด 100, 88, 24.75, 6, 112 ฯลฯ ยิบย่อยที่มหาศาลจนน้ำตาจะไหลเพราะตาลาย ขอแสดงความนับถือ กองทุนราษฎรประสงค์"