"3 ส.ส. พรรคก้าวไกล" ไม่พอใจประธาน กมธ. เตือนสติ "ไพบูลย์" อย่าดึงดันสอดไส้แก้รัฐธรรมนูญ เอามาตราอื่นมาใส่ ย้ำ เป็นกฎหมายสูงสุด ไม่ควรเร่งรัดตัดจบโดยไม่ฟังเสียงประชาชน
วันที่ 4 ส.ค.64 ที่อาคารรัฐสภา นายธีรัจชัย พันธุมาศ, นายรังสิมันต์ โรม และนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พรรคก้าวไกล ในฐานะ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับที่… พ.ศ…. แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83 และมาตรา 91 ในสัดส่วนของพรรคก้าวไกล ร่วมกันแถลงผลการประชุมของคณะกรรมาธิการวิสามัญว่าด้วยระบบเลือกตั้ง
โดยนายธีรัจชัย กล่าวว่า ในการพิจารณาวันนี้มีการบรรจุเรื่องข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อที่ 124 และ 151 เป็นวาระแรก นัยสำคัญก็คือ ข้อ 124 ว่าด้วยการให้สมาชิกสามารถแปรญัตตินอกเหนือจากที่บรรจุไว้ในหลักการหรือไม่ ดังนั้นก่อนเข้าสู่การพิจารณาจึงได้เสนอว่าควรพิจารณาข้อ 114 ด้วย เนื่องจากระบุว่าหลักการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของรัฐสภาต้องมีความชัดแจ้ง แต่เรื่องนี้มีปัญหาคือ ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ที่เสนอโดยพรรคประชาธิปัตย์ เป็นร่างเดียวที่ผ่านการรับหลักการจากที่ประชุมสภาในวาระที่ 1 ซึ่งร่างนี้กำหนดแก้ไขเพียง มาตรา 83 และมาตรา 91 เท่านั้น อีกทั้งยังไม่มีหัวเรื่อง ต่างจากร่างของพรรคพลังประชารัฐและพรรคเพื่อไทย ที่มีหัวเรื่องชัดเจนว่าด้วยการแก้ไขระบบเลือกตั้งและเสนอแก้ไข 8 มาตรา แต่ทั้งร่างของพรรคพลังประชารัฐและเพื่อไทยถูกตีตกไปแล้ว ดังนั้นจึงต้องหาข้อยุติก่อนว่าการแก้ไขเพิ่มเติมของพรรคประชาธิปัตย์มีความชัดแจ้งให้แก้เฉพาะ 2 มาตราเท่านั้นใช่หรือไม่
"เมื่อเสนอว่าเรื่องนี้ควรเป็นวาระที่ต้องคุยในกรรมาธิการด้วย แต่ถูกตัดบทโดยประธานในที่ประชุม ซึ่งก็คือ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ทำให้ไม่สามารถอภิปรายโต้แย้งเชิงหลักการได้อย่างเต็มที่ ตามหลักการแล้วต้องมีหัวเรื่องก่อนจึงค่อยลงไปที่มาตรา ไม่ใช่เขียนเฉพาะมาตราอย่างเดียว" นายธีรัจชัย กล่าว
...
นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่ทางประธานได้แจ้งในไลน์ก่อนหน้านี้ว่า ควรตั้งคณะทำงาน ซึ่งได้เห็นแย้งและแถลงต่อสื่อก่อนหน้านี้ไปแล้วว่าไม่ควรตั้ง เพราะอาจเป็การเอาคนของตัวเองไปมุบมิบทำออกมาแล้วโหวตแบบพวกมากลากไป พอมาวันนี้ก็มีความพยายามเสนอให้ตั้งคณะทำงานอีกเช่นกัน และมีการพยายามเร่งรัดให้การประชุมเสร็จภายในสัปดาห์หน้า
ด้านนายปดิพัทธ์ กล่าวว่า กรณีการตั้งคณะทำงานไม่เคยทราบมาก่อนว่าจะเป็นอย่างไร เมื่อมีความพยายามจะตั้งขึ้นจึงสร้างความผิดหวัง เพราะการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ดังที่ทราบคือไม่ได้แก้ในสาระสำคัญเลย เป็นการแก้เพียงเรื่องระบบเลือกตั้ง แต่เมื่อจะแก้ระบบเลือกตั้งก็เป็นคำถามต่อไปว่าทำไมต้องเร่งรีบ
ขณะที่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้หนักใจมากเพราะกำลังเห็นการสอดไส้ใน กมธ.แก้รัฐธรรมนูญ ก่อนนี้ สภามีโหวตตีตกร่างแก้ไขรัฐธรรมนุญไป 12 ฉบับ แล้วผ่านร่างที่สมบูรณ์น้อยที่สุด แต่ในกรรมาธิการ เรากำลังเห็นความพยายามที่จะเปลี่ยนร่างที่ผ่านมานี้ให้หน้าตาเหมือนกับร่างอื่นที่สภาโหวตคว่ำไปแล้ว การทำแบบนี้จะสอดคล้องกับ ข้อบังคับ 256 ว่าด้วยการพิจารณาของสภา 3 วาระอย่างไร และเท่ากับเป็นการทำลายหลักการของสภา
"พอกรรมาธิการจากพรรคก้าวไกลพยายามถามเพื่อหาข้อยุติเรื่องนี้ ก็น่าเสียดายที่นายไพบูลย์ กลับเพิกเฉยไม่ทำหน้าที่ประธานอย่างสมบูรณ์ ตั้งวาระประชุมเองแท้ๆ แต่ไม่พยายามหาข้อยุติ ตีมึนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วดึงดันให้พิจารณาต่อไป ซึ่งเห็นกันอยู่ว่ากำลังสอดไส้เอาร่างที่ตกไปแล้วมาทำลายหลักการของสภา ขอเรียกร้องไปยัง กมธ. และฝากสื่อไปเตือนสตินายไพบูลย์ให้ทำหน้าที่ประธานให้ดี ฟังให้มากและพูดให้น้อยกว่านี้" นายรังสิมันต์ กล่าว.