ปรากฏการณ์ที่ กลุ่มเพื่อนนิเทศจุฬาฯ รุ่น 40 ส่งจดหมายถึง บุตรสาวฝาแฝด ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยมีรายชื่อเพื่อนร่วมรุ่นเดียวกันแนบท้ายจดหมายมาด้วย วิงวอนขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย สะท้อนถึงปฏิกิริยาของคนไทยที่มีต่อ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่ลงลึกไปเรื่อยๆ เช่นเดียวกับการเพิ่มจำนวนของประชาชนที่ออกมา แสดงออกในการไล่นายกฯ โดยวิธี คาร์ม็อบ ที่เพิ่มจำนวนขึ้นทุกครั้งที่มีการจัดกิจกรรม หรือ การออกมาฟาดตรงๆของบรรดาเหล่าดารา คนดัง เซเลบ ต่อการบริหารจัด การแก้ไขปัญหาโควิด-19 ของรัฐบาลและหน่วยงานด้านสาธารณสุข ไม่ใช่มาจากสาเหตุทางการเมือง
คงไม่ใช่เฟกนิวส์แน่นอน
ยิ่งรัฐประกาศกฎหมายในภาวะฉุกเฉินออกมาปิดปาก ปิดหู ปิดตา ประชาชนและสื่อมวลชนก็เท่ากับเป็นการประกาศสงครามเปิดแนวรบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่อยู่ที่ประชาชน แต่เหตุเกิดจากรัฐบาลเองทั้งสิ้น
เกิดจากนโยบายและการบริหารจัดการที่สับสนจนกลายเป็นความไม่เชื่อถือที่มีต่อรัฐบาล
ไม่ใช่ไม่เชื่อถือเพียงอย่างเดียวยัง เกิดความไม่ศรัทธา ตามมา เป็นฟางเส้นสุดท้ายบนเสถียรภาพของรัฐบาลเอง เช่น กรณีที่รัฐบาลมีมาตรการควบคุมสื่ออ้างว่าจะทำให้ประชาชนหวาดกลัว และ มีคำสั่งให้ กสทช. เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการปฏิบัติงานของ ศบค. งานเข้าทันที
รัฐกำลังรวบอำนาจการบริหารประเทศ
และเรื่องนี้ในความเป็นจริงของการปฏิบัติแล้ว นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กสทช. ออกมาชี้แจงว่า คนที่ออกคำสั่งฉบับนี้ไม่น่าจะรู้เรื่องรายละเอียดทางเทคนิค ที่อยู่ ไอพี ไม่ได้เหมือนกับเลขที่บ้าน ที่เป็นของใครอย่างถาวร ที่อยู่ไอพีเปลี่ยนได้ตลอดเวลา เป็นสิ่งที่ผู้ให้บริการให้ยืม แล้วแต่ผู้ให้บริการจะปิดกั้นที่อยู่ไอพี เพราะฉะนั้นจะประกาศไปเพื่ออะไร ไม่เกิดประโยชน์กับใครเลย และเรื่องเหล่านี้ก็เป็นอำนาจของ กสทช.โดยตรงอยู่แล้ว
...
ไม่จำเป็นต้องส่งเรื่องให้ กสทช.
หรือถ้ามีคนไปโพสต์ข้อความที่ผิดกฎหมายบนไวไฟฟรีของหน่วยงานรัฐ ต้องทำให้หน่วยงานรัฐนั้นปิดกั้นที่อยู่ไอพีของตัวเองไปด้วยหรือไม่ ขยายความต่อก็คือถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ก็จะเป็นโอกาสให้บรรดาเซียนคีย์บอร์ดเข้าไปสร้างสถานการณ์ให้หน่วยงานรัฐปิดกั้นไอพีตัวเอง วุ่นวายไม่จบ
มีวิธีที่จะตรวจสอบและเอาผิดกับเฟกนิวส์มากมาย สำคัญว่า รัฐจะดำเนินการให้เป็นมาตรการและเป็นธรรมได้แค่ไหน เกิดมีการย้อนศร เอาคำพูดและนโยบายของรัฐบาล ของนายกฯ หรือเอา คำพูดและการให้คำมั่นสัญญาของรองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข อนุทิน ชาญวีรกูล ที่เต็มหน้าสื่อโซเชียลไปหมด หรือบุคลากรทางการแพทย์โพสต์ภาพการทำงานในภาคสนามเพื่อให้เห็นถึงสภาพความเป็นจริง รัฐจะเอาผิดในฐานะทำให้เกิดความหวาดกลัวหรือไม่
รัฐบาลชุดนี้จะลากยาวไปอีกนานแค่ไหน หรือจะอยู่กันไปจนครบเทอม ไม่ว่ากัน แต่สภาพของนายกฯของประเทศไทยคงดูไม่จืดและทางลงก็คงไม่สวยงามเช่นเดียวกับผู้นำที่มาจากกองทัพในอดีต เมื่อการเมืองจนตรอก
มองนายกฯคนนอกเอาไว้หรือยัง.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th