- ปิดจ๊อบ ก.ค. ไม่ได้ตามเป้า ยอดฉีดวัคซีนไม่ถึง 10 ล้านโดส ตั้งมั่นอีกครั้ง ส.ค. ต้องทำได้
- ย้อนดูถ้อยคำ “บิ๊กตู่” ก่อนเปิดประเทศใน 120 วัน ต้องฉีดวัคซีนเข็มแรกให้คนไทยอย่างน้อย 50 ล้านคน
- ครบ 1 เดือน นำร่องเปิดประเทศ Phuket Sandbox ยังไปต่อ แต่ชง ศบค. ขอฉีดเข็ม 3 เพิ่ม
หากยังจำกันได้ เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ว่าจะต้องเปิดประเทศให้ได้ใน 120 วัน และประชาชนต้องได้รับวัคซีนเข็มแรกอย่างน้อย 50 ล้านคน ซึ่งการเปิดประเทศจะนำร่องรับนักเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามาที่ จ.ภูเก็ต ผ่านโครงการ Phuket Sandbox ในวันที่ 1 ก.ค. 2564 ก่อน ต่อมา 18 มิ.ย. 2564 ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ได้แถลงข่าวถึงเกณฑ์การกระจายวัคซีนโควิด-19 ของเดือน ก.ค. ว่ามีเป้าหมาย 10 ล้านโดส แบ่งการจัดสรรให้กับจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ แต่ขึ้นกับจำนวนวัคซีนที่บริษัทผู้ผลิตส่งมอบ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์การระบาดของโรค และจำนวนการจัดสรรขึ้นกับจำนวนประชากรในแต่ละจังหวัด และในส่วนของภูเก็ต ก็ตั้งเป้าที่จะให้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 อย่างน้อย 70% ด้วย

...
“เรื่องตั้งเป้าให้ประเทศไทยควรต้องพร้อมภายใน 120 วัน หรือประมาณเดือน ต.ค. ที่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศได้โดยไม่มีเงื่อนไขที่สร้างความยุ่งยากจนเกินไป หลังจากที่มีการฉีดวัคซีนเข็มแรกให้คนไทยอย่างน้อย 50 ล้านคนแล้ว
ผมขอตอกย้ำอีกครั้ง ให้ทุกหน่วยงานและทุกคนที่เกี่ยวข้อง ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่อยากให้มีใครตั้งต้นด้วยข้อจำกัดที่คิดว่าเป้าหมายนี้จะทำไม่ได้ วันนี้ประชาชนต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอด ทุกวัน ทุกสัปดาห์ มีค่าสำหรับเขา ดังนั้นขอให้ร่วมมือกันทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อวิ่งไปให้ถึงเส้นชัย คือเป้าหมาย 120 วันให้ได้ เราต้องทำงานแบบมีเป้าหมายที่จริงจัง ชัดเจน แน่นอนครับว่าอาจจะมีปัจจัยภายนอกที่มารบกวนเราได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการส่งมอบวัคซีน เรื่องสายพันธุ์ใหม่ๆ หรือเรื่องอื่นๆ แต่เราทุกคนต้องทำให้เต็มที่ เพื่อบรรลุเป้าหมายของเราให้ได้ครับ” พล.อ.ประยุทธ์ โพสต์ข้อความย้ำผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 2564


ผลสรุปเดือน ก.ค. ฉีดวัคซีนไม่ถึง 10 ล้านโดส
เมื่อติดตามการรายงานสรุปผลการฉีดวัคซีนจากทั้ง ศบค. และกระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่ 28 ก.พ.-31 ก.ค. 2564 ยอดสะสมทั้งประเทศอยู่ที่ 17,685,974 โดส เป็นเข็มที่ 1 จำนวน 13,802,916 ราย และเข็มที่ 2 อีก 3,883,058 ราย แต่หากคำนวณจากข้อมูล ณ วันที่ 30 มิ.ย. (มีการรายงานในวันที่ 1 ก.ค.) ยอดสะสมทั้งประเทศอยู่ที่ 9,927,698 โดส เมื่อนำมาหักจากยอดสะสม ณ วันที่ 31 ก.ค. 2564 (รายงานในวันที่ 1 ส.ค.) 17,685,974 โดส จะมียอดฉีดวัคซีนทั้งเข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 ทั่วประเทศทั้งเดือน ก.ค. เพียง 7,758,276 โดส แม้จะรวมทั้ง 3 วัคซีนแล้วก็ยังไม่ถึง 10,000,000 โดส ตามเป้าที่ได้ประกาศไว้จากฟากฝั่งรัฐบาล โดยเข็มที่ 1 ฉีดได้ 6,692,062 ราย และเข็มที่ 2 ฉีดได้ 1,066,214 ราย แบ่งเป็นดังนี้
ซิโนแวค (Sinovac)
เข็มที่ 1 จำนวน 1,709,403 ราย
เข็มที่ 2 จำนวน 651,770 ราย
แอสตราเซเนกา (AstraZeneca)
เข็มที่ 1 จำนวน 4,191,575 ราย
เข็มที่ 2 จำนวน 260,705 ราย
ซิโนฟาร์ม (Sinopharm)
เข็มที่ 1 จำนวน 791,084 ราย
เข็มที่ 2 จำนวน 153,739 ราย




ตั้งเป้าอีกครั้ง ฉีดให้ได้เดือนละ 10 ล้านโดส
และไม่ใช่แค่เดือน ก.ค. ที่รัฐบาลตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ได้ 10 ล้านโดส แต่ไปไม่ถึงเป้า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ก็ย้ำเมื่อวันที่ 31 ก.ค. ที่ผ่านมา ขณะตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลสนามที่บุรีรัมย์ ว่า จะเร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 แก่ประชาชนให้ครอบคลุมมากที่สุด จะกระจายวัคซีนไปยังจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉลี่ยจะดำเนินการฉีดวัคซีนให้ได้เดือนละ 10 ล้านโดส ตั้งแต่เดือน ส.ค. เพราะตอนนี้วัคซีนนำเข้ามาค่อนข้างนิ่งแล้วจนถึงสิ้นปี
Phuket Sandbox ยังไปต่อ แต่ขอ Booster Dose
ในส่วนของภูเก็ต ที่ต้ังเป้าฉีดเข็มที่ 2 ให้ได้ 70% หรือ 466,587 ราย ในเดือน ก.ค. ก็คงต้องบอกว่า พลาดเป้าไปเพียง 1% ซึ่งสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต เผยข้อมูลจนถึงวันที่ 31 ก.ค. 2564 ว่า ผู้ที่ฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 แล้ว มีจำนวนทั้งสิ้น 415,273 ราย คิดเป็น 89% ส่วนผู้ที่ฉีดครบ 2 เข็ม 321,861 ราย คิดเป็น 69%
ทางด้าน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประชุมหารือร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และส่วนที่เกี่ยวข้อง วันที่ 2 ส.ค. ภายหลัง Phuket Sandbox ดำเนินมาครบ 1 เดือน บวกกับคำสั่ง ศบค. ฉบับที่ 11/2564 และภูเก็ตที่พบผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง ถูกปรับระดับขึ้นเป็นพื้นที่ควบคุม (สีส้ม) ตั้งแต่วันที่ 3 ส.ค. เป็นต้นไป ว่า จะกระทบกับกิจกรรมบางอย่างของนักท่องเที่ยว เช่น การห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร แต่ดื่มในที่พักได้ ห้ามรวมตัวทำกิจกรรมเกิน 50 คน เป็นต้น จึงต้องมีการหารือเพื่อหาทางออกร่วมกัน



ข้อสรุปคือ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตขอดูสถานการณ์ 2 สัปดาห์ หลังจากมีการยกระดับคัดกรองผู้เดินทางเข้ามาในเกาะ ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ส่วนตัวมั่นใจว่าภูเก็ตจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ในส่วนของนักท่องเที่ยวต่างชาติภายใต้โครงการ Phuket Sandbox กว่า 14,000 คน มีผลการติดเชื้อโควิด-19 ไม่ถึง 1% ดังนั้นโครงการนี้จึงต้องเดินหน้าต่อ แต่จะทำอย่างไรให้เกิดความสบายใจว่าเปิดแล้วกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ไม่ได้ทำให้คนภูเก็ตกังวลจนเกินไป ฉะนั้น การขอวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 (Booster Dose) ให้คนภูเก็ตจำนวน 70% ของผู้ที่รับ 2 เข็มไปแล้ว หรือการขอวัคซีนสำหรับเด็กอายุ 12-18 ปี ซึ่งมีประมาณ 58,000 คน โดยเสนอต่อ ศบค.ชุดเล็ก และนายกรัฐมนตรีก็รับทราบแล้ว จะมีการนำไปพิจารณากับ ศบค.ชุดใหญ่ต่อไป


เป้าหมายการส่งมอบวัคซีน 10 ล้านโดสต่อเดือน ของแอสตราเซเนกา ตั้งแต่ ก.ค. เป็นต้นไป ตามแผนที่กระทรวงสาธารณสุขเคยประกาศไว้ ก็ยังไม่เป็นที่ประจักษ์ และการฉีดวัคซีนก็ดูจะช้ากว่าเป้า และไปไม่ถึง 10 ล้านโดสในเดือนที่ผ่านมา ก็คงต้องติดตามกันว่าจะสามารถทำได้ในเดือน ส.ค. หรือไม่ ขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตก็ยังพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์และเคอร์ฟิวมาแล้วระยะหนึ่ง ล่าสุดเพิ่มพื้นที่สีแดงเข้ม รวมเป็น 29 จังหวัด โดยจะขยายการบังคับใช้มาตรการออกไปตั้งแต่ 3 ส.ค. จนถึง 31 ส.ค. 2564 ประเมินทบทวนทุก 14 วัน จะทำให้ผู้ป่วยใหม่และผู้เสียชีวิตลดลงได้หรือไม่ มากน้อยแค่ไหน รวมถึงปัญหาเตียงผู้ป่วยสีแดงและสีเหลืองในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่เต็มจนล้น ส่วนประชาชนที่ต้องเสี่ยงชีวิตกับโควิดอยู่ทุกวัน จะได้รับวัคซีนจนเกิดภูมิคุ้มกันหมู่เมื่อไหร่ จะเปิดประเทศได้อย่างที่ตั้งมั่นได้หรือไม่ ก่อนจะไปถึงตรงนั้น จับตาว่าวัคซีนที่มีประสิทธิภาพต่อการกลายพันธุ์ของไวรัส จะทยอยเข้ามาให้ฉีดได้จริงหรือไม่ ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์อีกครั้ง.
ผู้เขียน : กิณรีสีอังกาบ
กราฟิก : Varanya Phae-araya