ปัจจุบันมี คนติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลก ใกล้จะ 200 ล้านคนเข้าทุกที อังกฤษ สหรัฐฯ กลับมาติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีกระลอก ทำให้มี ผู้เสียชีวิต จากโควิด มากกว่า 4.3 ล้านคนแล้ว ไม่น่าเชื่อว่า ไวรัสจากอู่ฮั่น จะระบาดหนักไปกว่า 200 ประเทศทั่วโลก มีการกลายพันธุ์และพัฒนาพันธุ์รุนแรงขึ้นทุกวัน
และผลกระทบกับมนุษย์ นอกจากความสูญเสียแล้ว ธนาคารโลกยังคาดว่า จะทำให้มี คนยากจนเพิ่มขึ้น ไม่น้อยกว่า 150 ล้านคน ในกรณีนี้ถ้าเทียบกับ ภัยสงคราม จะทำให้มี คนที่ต้องอยู่ในสถานะกำพร้า จากวิกฤติโควิด-19 อีกจำนวนมาก
การบริหารจัดการโควิด-19 ในไทย ที่เคยได้รับการยอมรับว่า ดีที่สุด กำลังเป็นขาลง ไปสู่การจัดการที่แย่ที่สุดและทำให้เห็นขยะที่ซุกอยู่ใต้พรม มากมาย โดยเฉพาะการบริหารจัดการกับปัญหาโควิด-19 ของภาครัฐและด้านสาธารณสุขของประเทศไทย การเข้าถึงระบบสาธารณสุข ที่ล้มเหลว จนในที่สุดเราต้องยอมรับการบริจาค
วัคซีน ถือเป็นอาวุธที่สำคัญที่สุดในการรับมือกับสมรภูมิการสู้รบ บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า มีความสำคัญที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน แต่เราขาดแคลนอาวุธเหล่านี้ตั้งแต่ยกแรกของการระบาดในรอบที่สาม จนกระทั่งถึงรอบที่สี่แล้ว เพราะฉะนั้นให้เราสู้อย่างไรก็ไม่ชนะ ในการศึก การจะเอาชนะศัตรู ก็ต้องโฟกัสไปที่ แม่ทัพนายกอง ถ้าแม่ทัพไม่สามารถเอาชนะได้ก็ต้อง เปลี่ยนแม่ทัพ ถ้านายกองไม่มีความสามารถก็ต้อง เปลี่ยนนายกอง ต้องเปลี่ยน ยุทธศาสตร์การรบ ขืนให้สู้รบไปอย่างนี้ มีแต่รังจะแพ้ และเสียที่มั่นในที่สุด
เราได้รับการบริจาควัคซีนจาก จีน เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 5 แสนโดส วันที่ 5 มิ.ย. อีก 5 แสนโดส วันที่ 12 ก.ค. รัฐบาลญี่ปุ่น มอบ แอสตราเซเนกา ให้อีก 1.05 ล้านโดส
วันที่ 30 ก.ค. สหรัฐฯ ให้ ไฟเซอร์ เรา 1.54 ล้านโดส จะส่งเพิ่มให้อีก 1 ล้านโดส ไม่เกี่ยวกับที่รัฐบาลอ้างว่า สั่งซื้อไฟเซอร์อีก 20 ล้านโดส ซึ่งก็ไม่ยืนยันความแน่นอนว่า จะมาถึงเมื่อไหร่ ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน กลุ่มมวลชนและบุคลากรทางการแพทย์บางส่วน ไปยื่นหนังสือขอรับการบริจาควัคซีนที่ สถานทูตสหรัฐฯ อีกไม่กี่วัน สหรัฐฯส่งวัคซีนมาทันที รวมถึงกรณี ส.ว.สหรัฐฯ เชื้อสายไทย แทมมี ได้กล่าวในที่เสวนากับกระทรวงการต่างประเทศว่า จะขอวัคซีนให้อีก 2.5 ล้านโดส หมาดๆมา สวิตเซอร์แลนด์ ได้มอบเครื่องช่วยหายใจให้เราอีก 102 เครื่อง ชุด Rapid Test อีก 1.1 ล้านชุด จะมาครบเรียบร้อยเร็วกว่าที่ สปสช. จัดหาเสียอีก
อังกฤษ จะส่งมอบ แอสตราเซเนกา ให้เราอีก 4.15 แสนโดส ในเดือน ส.ค.นี้ และคาดว่าจะมีประเทศต่างๆบริจาควัคซีนให้เราอีกเรื่อยๆ เพราะ บ้านเราถูกมองว่ามีการแพร่ระบาดของ ไวรัสโควิด ในอัตราที่น่าเป็นห่วง
...
น้ำใจจากเพื่อนมนุษย์ ที่เราเห็นในวันนี้ คือ ความยั่งยืนของ มนุษยชาติ อำนาจของมวลมนุษยชาติ จึงเป็นอำนาจที่ยั่งยืน ไม่ใช่อำนาจรัฐ ที่สามารถเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์
ดังนั้น รัฐจึงควรยึดระบอบการปกครองที่ประชาชนเป็นศูนย์กลางและไม่ควรยึดมั่นถือมั่นในอำนาจที่ได้รับมอบจากประชาชน โควิดรอบนี้ คุณภาพวัคซีนและระบบการจัดการ เป็นการพิสูจน์คุณภาพรัฐบาลได้ดีที่สุด.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th