เพื่อไทยถล่มหนัก “บิ๊กตู่” ลาก ข้อกำหนดติดหนวดจับนายกฯขึ้นเขียงซักฟอก “ชูศักดิ์” จวกลุแก่อำนาจ เฟ้นกฎหมายออกหน้าช่วยทำคำร้องให้ผู้เสียหายฟ้องถูกละเมิด “ประเสริฐ” ขู่พรรคร่วมรัฐบาลยกมือสวนกระแสไล่นายกฯ ระวังสอบตกอดเข้าสภาฯ “ยุทธพงศ์” ยื่นญัตติเปิดมีดก่อน 18-20 ส.ค. ดักทางยุบสภาหนี ซัด “ประยุทธ์” แทรกแซงมีใบสั่ง 36 กมธ.งบฯซีกรัฐบาลผ่านงบฯ ทร. กาหัวแฉประจานพร้อมยื่น ป.ป.ช.สอบ “อนุดิษฐ์” เผย กมธ.ปราบโกงจับพิรุธ 3 โครงการ ทอ.กว่า 3 พันล้าน ตุกติกแก้ทีโออาร์ จ่อเรียกอดีต ผบ.ทอ.เคลียร์ปมจัดซื้อจัดจ้างขัดกฎหมาย “แรมโบ้” ย้อนข้อกำหนด “ประยุทธ์” ไม่ต่างกับสมัย “ยิ่งลักษณ์” อัด พท.หายใจเข้าออกเล่นการเมือง “เรืองไกร” ตัดเกมยื่น กกต.ล้ม กก.บห. เพื่อไทยทั้งคณะ
พรรคเพื่อไทยขยายผลกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ออกข้อกำหนดที่ 29 ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินขัดรัฐธรรมนูญ ห้ามเสนอข่าวที่อาจทำให้ประชาชนหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือน หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารฯ โดยนำเข้าบรรจุเป็นประเด็นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล

...
พท.ยื่นมือช่วยทำคำร้องผู้ถูกละเมิด
เมื่อวันที่ 1 ส.ค.นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงแถลงการณ์ของพรรคเพื่อไทย คัดค้านข้อกำหนดที่ 29 ห้ามเสนอข่าวที่อาจทำให้ประชาชนหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนหรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารฯของรัฐบาล เพราะเป็นคำสั่งที่ขัดรัฐธรรมนูญ ไม่ชอบด้วยกฎหมายจะดำเนินการอย่างไรต่อหรือไม่ว่า จากการศึกษาข้อกฎหมายแม้เราจะเห็นว่าข้อกำหนดดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญแต่จะดำเนินการอย่างไรได้ ต้องมีคดีความเกิดขึ้นก่อน รัฐต้องบังคับใช้ข้อกำหนดต่อสื่อมวลชนหรือประชาชนก่อน เมื่อใช้อำนาจตามข้อกำหนดแล้วจะมีผู้เสียหายที่ถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพ เช่นนั้นแล้วถึงจะเป็นคดีขึ้นสู่ศาลว่าถูกละเมิดอย่างไร ขัดรัฐธรรมนูญอย่างไร หรือกรณีมีสื่อมวลชน ประชาชนเห็นว่าข้อกำหนดดังกล่าวทำให้ไม่สามารถใช้สิทธิเสรีภาพได้ ไม่กล้าเขียนบทความไม่กล้าแสดงความคิดเห็น เพราะเกรงว่าจะถูกดำเนินคดีเช่นนี้จะเข้าข่ายยื่นคำร้องได้ กำลังศึกษาแนวทางอยู่ หากมีบุคคลที่ถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพพรรคยินดีเป็นตัวแทนทำคำร้องไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อเอาผิดรัฐบาล
ยกใช้ ก.ม.ลุอำนาจขึ้นบัญชีซักฟอก
นายชูศักดิ์กล่าวอีกว่า ขณะนี้จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ได้หารือกันว่าจะนำประเด็นการใช้อำนาจเกินขอบเขตของรัฐธรรมนูญ การใช้อำนาจกฎหมายลุแก่อำนาจไม่คำนึงถึงสิทธิเสรีภาพของประชาชนและสื่อมวลชนเป็นประเด็นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ด้วย ความพร้อมการอภิปราย ไม่ไว้วางใจ พรรคกันมาตลอดตอนนี้ชัดเจนแล้ว 90% ประเด็นหลักหนีไม่พ้นการบริหารสถานการณ์โควิดล้มเหลว ตั้งใจว่าจะยื่นญัตติต่อประธานสภาฯ ช่วงที่รัฐสภาจะพิจารณาวาระ 2-3 ของ พ.ร.บ.งบประมาณ หรือประมาณกลางเดือน ส.ค.
ขู่พรรค รบ.สวนกระแสอดเข้าสภา
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า พรรคเพื่อไทยเตรียมความพร้อมไว้เรียบร้อยแล้ว เบื้องต้นเป็นการอภิปรายรัฐมนตรีรายบุคคล ประเด็นส่วนใหญ่คือการบริหารสถานการณ์โควิดล้มเหลว ข้อมูลเชื่อมโยงไปถึงรัฐมนตรีคนใดว่าบริหารผิดพลาดส่อไปในทางทุจริต เราจะอภิปรายทุกคนไม่มีข้อยกเว้น แต่ในที่นี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดก่อนได้เพราะสัปดาห์หน้าจะหารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้านกำหนดรายชื่อรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายอีกครั้ง แต่มั่นใจว่าหลังการซักฟอกรอบนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองแน่ แม้พรรคร่วมรัฐบาลอาจยังอยากสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อให้ตัวเองได้อยู่ในรัฐบาลต่อ แต่อยากให้ฟังเสียงประชาชนด้วยตอนนี้มีแต่ผู้เรียกร้องให้นายกฯลาออก นักการเมืองจะยกมืออย่างไร อย่าสวนกระแสความรู้สึกประชาชนเกินไป ไม่เช่นนั้นเลือกตั้งครั้งต่อไป อาจไม่ได้เข้าสภาฯอีก

ซักฟอก “บิ๊กตู่” เซ่นใบสั่งงบกองทัพ
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 แถลงว่าในการพิจารณางบฯปี 65 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาทของ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 65 กมธ.ปรับลดงบฯได้ 16,362 ล้านบาท วันที่ 2 ส.ค. กมธ.นัดประชุมแปรญัตติงบฯอีกครั้ง สิ่งที่รับไม่ได้คือกรณีกองทัพเรือ ที่ตั้งงบฯ ปี 64 ไว้ที่ 41,307 ล้านบาท แต่ถูกปรับลดเพียง 8.38 ล้านบาท จากการปรับลดงบฯรถประจำตำแหน่ง พล.ร.อ. 5 คันเท่านั้น รู้สึกไม่สบายใจเพราะสองมาตรฐาน งบกองทัพบก (ทบ.) ถูกปรับลด 1,100 ล้านบาท กองทัพอากาศ (ทอ.) ปรับลด 510 ล้านบาท แต่กองทัพเรือถูกปรับลดแค่กว่า 8 ล้านบาท สุดพิสดารอธิบายอะไรไม่ได้ เพราะมีใบสั่งจากบิ๊กรัฐบาลมายัง กมธ.ให้ช่วย ทร. การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้จะใส่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม เรื่องความไม่โปร่งในกองทัพด้วย
กาหัว 36 กมธ.รัฐบาลอุ้มงบฯ ทร.
นายยุทธพงศ์กล่าวว่า การพิจารณางบฯ ทร.ไม่ยอมให้เอกสารอะไรต่อ กมธ.ทั้งเรือแอลพีดีหรือเรือยกพลขึ้นบก วงเงิน 6,200 ล้านบาท เป็นเรือรบ แต่ไม่มีอาวุธอะไรเลย รวมถึงเรือดำน้ำลำที่ 1 ต้องจ่ายค่างวดเพิ่มอีกกว่าพันล้านบาทก็ไม่มีเอกสาร ยังมีโครงการอากาศยานไร้คนขับ 3 ลำ วงเงิน 4,100 ล้านบาท แม้ฝ่ายค้านประนีประนอมให้เลื่อนรายการเหล่านี้ไปก่อน แต่ กมธ.ซีกรัฐบาล 36 คน นำโดยนายสันติ พร้อมพัฒน์ นายวิรัช รัตนเศรษฐ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ กลับให้ผ่าน ส่วน กมธ.ฝ่ายค้านวอล์กเอาต์ไม่ร่วมสังฆกรรม ขอให้จำชื่อ 36 คนนี้ไว้ว่าเสนอให้ซื้ออาวุธท่ามกลางความอดอยากของประชาชน ได้สงวนคำแปรญัตติไปอภิปรายวาระ 2-3 ปรับลดงบฯ ทร.ลง 5,000 ล้านบาท ให้เลื่อนค่างวดเรือดำน้ำลำที่ 1 เรือแอลพีดีและโดรน เอางบแปรญัตติที่ปรับลดไปช่วยคนเดือดร้อนจากโควิดก่อน ใครยังโหวตให้ ทร.จะเอารายชื่อมาแฉเห็นเรือดำน้ำดีกว่าความอดอยากของประชาชนและยื่นให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ กมธ.ที่ยกมือผ่านงบฯ ทร.และตรวจสอบ ทร.ด้วยถ้าไม่สั่งมาคงไม่มีใครยกมือให้
ยื่นญัตติเชือดดักหน้ายุบสภาหนี
นายยุทธพงศ์กล่าวว่า ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะยื่นก่อนวันที่ 18-20 ส.ค. พิจารณางบฯปี 65 วาระ 2-3 ป้องกัน พล.อ.ประยุทธ์ชิงยุบสภา หนี กระแสไปไม่ได้แล้ว จะอภิปรายความล้มเหลวแก้โควิด โดยเฉพาะกรณีกรมควบคุมโรคติดต่อมีหนังสือฟ้องประชาชนว่ารัฐบาลให้งบกลางไป 6,100 ล้านบาท ไปซื้อวัคซีนโควิดเพิ่มเติม แต่กลับไปซื้อวัคซีนซิโนแวคจากจีน ตกโดสละ 560 บาท ทั้งที่คณะกรรมการกลั่นกรองเงินกู้แย้งว่าให้จัดหาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพป้องกันเชื้อโควิดได้ อ้างว่าหาวัคซีนยี่ห้ออื่นไม่ได้ ทำไมประเทศอื่นหาได้ หรือสหรัฐฯนำมาบริจาคได้ ฝ่ายค้านจะเอาข้อมูลส่วนนี้มาอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข สมควรถูกไล่หรือไม่ ซื้อมาแล้วใครจะฉีดเพราะไม่มีประสิทธิภาพ ขอให้เตรียมตัวได้เลย

กมธ.ปราบโกงคาใจ 3 โครงการ ทอ.
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ในฐานะ กมธ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติผิดมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการตรวจสอบจัดหายุทโธปกรณ์กองทัพอากาศ 3 โครงการ ได้แก่ โครงการพัฒนาและปรับปรุงระบบป้องกันทางอากาศ ระยะที่ 7 (N-SOC C 2)โครงการพัฒนาการป้องกันฐานที่ตั้งทางทหารของกองทัพอากาศ (GBAD) และโครงการจัดหาทดแทนวิทยุพื้นดิน-อากาศ มูลค่า 3 พันล้านบาทว่า กมธ.เชิญผู้เกี่ยวข้องจากกองทัพอากาศมาชี้แจง 2 ครั้งแล้ว ผู้แทน ทอ.ทำหน้าที่เป็นประธานกรรมการปรับปรุงขอบเขตความต้องการของโครงการ (SOPR) และ ขอบเขตงานหรือรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะของงานที่จะจ้าง (TOR) ทั้ง 3 คน ยอมรับเปลี่ยนแปลงรายละเอียด SOPR และ TOR จริง แต่ทำตามสั่งการ ผบ.ทอ.มิได้ทำโดยพลการ
เรียกอดีต ผบ.ทอ.แจงพิรุธทีโออาร์
น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวว่า ผู้แทน ทอ.ยืนยันทำได้ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงสาระสำคัญ สอบถามกรมบัญชีกลางแล้วเปลี่ยนแปลงรายละเอียดตามที่ ผบ.ทอ.ต้องการได้ แต่เมื่อดูหนังสือหารือ เจ้ากรมส่งกำลังบำรุงตอบเพียงว่า ไม่ได้ทำหนังสือทางการ เพียงยกหูไปขอคำปรึกษา กมธ.จึงยังเชื่อไม่ได้ว่าการเปลี่ยนแปลง SOPR และ TOR ตามสั่งการ ผบ.ทอ.ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ต้องเชิญกรมบัญชีกลาง สำนักงบประมาณมาซักถาม เมื่อถามว่าผู้แทน ทอ.ชี้แจงว่าการที่ ผบ.ทอ.สั่งการให้เปลี่ยนแปลง SOPR และ TOR 3 โครงการ เพราะของเดิมทำไว้สมัยอดีต ผบ.ทอ.คนที่แล้ว ไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างอาจขัดกฎหมาย น.อ.อนุดิษฐ์ตอบว่าเป็นเรื่องใหญ่เท่ากับยอมรับมีผู้ดำเนินการไม่เป็นไปตามกฎหมาย กมธ.จึงมีมติเชิญ พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ อดีต ผบ.ทอ. มาชี้แจงประเด็นถูกพาดพิง ผู้แทน ทอ.ชี้แจงทั้ง 3 โครงการผ่านรัฐสภาออกเป็นกฎหมายเรียบร้อยขัดกฎหมายเป็นเรื่องใหญ่มาก ไม่ได้กล่าวหาเฉพาะกระบวนการภายใน ทอ. แต่กล่าวหาผู้อยู่ในกระบวนการออกกฎหมายทั้งหมดมีส่วนร่วมกระทำขัดกฎหมาย ทั้งกระทรวงกลาโหม สำนักงบฯ กรมบัญชีกลาง คณะ กมธ.งบฯปี 64 สภาฯ รัฐสภา รวมทั้งนายกฯ รมว.กลาโหมและครม.ที่เสนอกฎหมายด้วย กมธ.จะตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป ทำความจริงให้ปรากฏเร็วที่สุด
“แรมโบ้ ”ย้อนข้อกำหนดไม่ต่างยุค“ปู”
นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการออกแถลงการณ์ของพรรคเพื่อไทยจี้รัฐบาลยกเลิกข้อกำหนด ห้ามสื่อเสนอข่าวให้ประชาชนหวาดกลัวว่า เรื่องนี้นายกฯยืนยันแล้วว่าไม่ได้จำกัดสิทธิเสรีภาพ ยังวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลได้ แต่ขอให้เสนอข้อมูลบนพื้นฐานข้อเท็จจริง ไม่สร้างความหวาดระแวงหรือความกังวลในสังคม ก่อนออกแถลงการณ์พรรคเพื่อไทยน่าจะรู้ว่าในสมัยที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ เคยออกข้อกำหนดห้ามการเสนอข่าว ห้ามจำหน่ายหรือทำให้แพร่หลาย หนังสือพิมพ์ สิ่งพิมพ์ หรือสื่ออื่นใดที่มีข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉินจนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนทั่วราชอาณาจักร ประกาศวันที่ 23 ม.ค.57 หากดูจะรู้ว่าข้อกำหนดออกมาไม่มีอะไรใหม่เลย ไม่มีสอดไส้เพิ่มเติม เหมือนกันแต่ทำไมพรรคเพื่อไทยไม่ออกแถลงการณ์ให้ยกเลิกบ้าง ชัดเจนว่าหวังเล่นการเมือง ไม่แน่ใจกลัวอะไรหรือเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยมักนำข่าวปลอมมาแถลง เพื่อประโยชน์ทางการเมือง โดยไม่สนใจจะทำให้ประชาชนสับสนหรือวุ่นวายหรือไม่ หยุดตีกินเล่นการเมืองไว้ก่อน ลงพื้นที่ช่วยชาวบ้านดีที่สุด

“เรืองไกร” ยื่น กกต.ล้ม กก.บห.เพื่อไทย
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 กล่าวถึงกรณีนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ระบุตนนำเงินสด 5 ล้านบาท ไปซื้อ รถเบนซ์หรูว่าบิดเบือนข้อมูล ความจริงนำแคชเชียร์เช็ค 4.5 ล้านบาทไปซื้อรถ จึงเข้าข่ายฝ่าฝืน พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 22 อาจทำให้กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะได้ เมื่อเหตุเกิดที่พรรคเพื่อไทย กรรมการบริหารพรรคจึงต้องรับรู้ อีกทั้งรายการ Wake up Thailand ของวอยซ์ทีวีได้เผยแพร่คลิปการแถลงข่าวดังกล่าว ทำให้ตนถูกดูหมิ่นเกลียดชัง จึงเป็นข้อเท็จจริงเพียงพอจะดำเนินการตามกฎหมายได้หลายฉบับ ในส่วนที่เกี่ยวกับการฝ่าฝืน พ.ร.บ.พรรคการเมือง วันที่ 2 ส.ค.จะส่งไปรษณีย์อีเอ็มเอสไปที่ กกต.ให้ตรวจสอบกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยทั้งคณะ ให้ กกต.พิจารณาสั่งให้พ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 22 หรือไม่ รวมถึงนายยุทธพงศ์จะเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 104 พ.ร.บ.พรรคการเมือง มีโทษปรับและถูกศาลเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งด้วย