“ทนายอานนท์” ขึ้นปราศรัยที่จุดอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ลั่น ไม่เอานายกฯ พระราชทาน 7 สิงหา จบเป็นจบ ล่าสุด คาร์ม็อบเคลื่อนแล้วมุ่งสู่วิภาวดีฯ
เมื่อเวลา 11.35 น. วันที่ 1 สิงหาคม 2564 นายอานนท์ นำภา หรือ ทนายอานนท์ นักกิจกรรมทางการเมือง ปราศรัยบนรถติดเครื่องขยายเสียงที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก่อนที่จะเตรียมเคลื่อนขบวนคาร์ม็อบไปสมทบกับ สมบัติทัวร์ ของ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ที่ถนนวิภาวดีรังสิต
...
นายอานนท์ ปราศรัยว่า เป้าหมายแรกคือขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวมถึงมองว่าถ้าการทำงานไม่ผิดพลาดสถานการณ์โควิด-19 จะไม่มาถึงวันนี้ รวมถึงเรื่องวัคซีนที่ด้อยคุณภาพ ถ้าประชาชนไม่ลุกขึ้นมาเรียกร้องวัคซีน mRNA อย่างไฟเซอร์ หรือโมเดอร์นา ก็จะไม่ได้ฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพดี และประชาชนต้องเลือกวัคซีนได้เอง
ทั้งนี้ ประชาชนที่ออกมาราวมคาร์ม็อบ มอเตอร์ไซค์ หรือเดินเท้า ทุกคนเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ถ้าไม่มีวัคซีนคุณภาพเข้ามาโดยเร็วที่สุด ไม่มีการบริหารจัดการโดยรัฐบาลที่มีวิสัยทัศน์ บ้านเมืองไม่มีทางไปรอด ส่วนพวกที่ออกมาประนามว่าเราด้อยค่าวัคซีนให้ต่อไปแถวฉีดซิโนแวค ไม่ต้องมาแย่งแพทย์ บุคลากรด่านหน้า พร้อมมองว่าการนำเข้าวัคซีนโมเดอร์นาและไฟเซอร์เป็นความสำเร็จของประชาชนที่ออกมาเรียกร้อง ไม่ใช่ผลงานของรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม ทนายอานนท์ ย้ำว่า นายกรัฐมนตรีต้องมาจากประชาชน ไม่เอานายกฯ พระราชทาน ขอให้ทุกคนตั้งหลักให้มั่น เมื่อวิกฤติโควิดมากขึ้นถ้ายังอยู่ในรัฐบาลนี้คือการรอความตาย พร้อมขอบคุณทุกคนที่ออกมาต่อสู้ เรียกร้องขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะที่ทำให้ประเทศตกต่ำ หากลงจากตำแหน่งเมื่อไรคุกคือบ้านหลังสุดท้าย ขอให้ทุกคนยึดมั่นหลักสันติวิธีแบบยกเพดานขึ้นสูงสุด และเดือนสิงหาคมนี้นับแต่นี้ต่อไปจะเป็นการต่อสู้อย่างถึงที่สุด ในช่วงท้าย ทนายอานนท์ยังระบุถึงกิจกรรมการชุมนุมวันที่ 7 สิงหาคม ด้วยว่า แต่งตัวให้มิดชิด เตรียมหมวกกันน็อกและหน้ากากกันแก๊ส “7 สิงหา ไฟต์คือไฟต์ จบคือจบ” จากนั้นเป็นการปราศรัยของ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน
เวลา 12.30 น. ขบวนคาร์ม็อบในจุดนี้เริ่มเคลื่อนออกจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแล้ว ซึ่งระหว่างทางก็มีการปราศรัยไปด้วย ส่วนรถที่มาร่วมต่างก็ขับขี่ตามกันและบีบแตรเป็นระยะ มุ่งหน้าเเยกผ่านฟ้าลีลาศเข้าสู่ถนนนครสวรรค์เพื่อไปสมทบกับขบวนที่ถนนวิภาวดีรังสิต.