เฟกนิวส์ ถูกนำมาเป็นหัวข้อวิพากษ์วิจารณ์ต่อจากการ call out ในเชิงยุทธศาสตร์แล้วถือว่าเป็นการเดินหมากที่ผิดพลาดของรัฐบาล ในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน เพราะในที่สุดแล้ว รัฐบาล จะถูกโดดเดี่ยวจาก มวลชน และ สื่อมวลชน ทุกรัฐบาลที่ผ่านมา หากมี อคติกับสื่อมวลชน ที่ทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงของประชาชน ยกเว้น จะเป็นพวก ไอโอ ที่รับหน้าที่ออกมาแก้ต่างให้กับรัฐบาล ส่วนใหญ่จะนำไปสู่วาระสุดท้ายของรัฐบาลนั้นๆ
การที่ ตัวแทน 6 องค์กรสื่อมวลชน ประกอบด้วย สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ และสหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทย ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขอให้ยกเลิกข้อความในข้อที่ 11 กำหนดตามความใน ม.9 แห่งพ.ร.ก.ฉุกเฉิน และข้อกำหนดในฉบับที่ 29 การนำเสนอข่าวหรือการทำให้แพร่หลายซึ่งหนังสือ สิ่งพิมพ์ หรือสื่ออื่นใด ที่มีข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือน ข้อมูลข่าวสาร ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉินจนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนทั่วราชอาณาจักร
ถ้อยคำดังกล่าวสุ่มเสี่ยงที่จะถูกใช้เป็นเครื่องมือ คุกคามเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนและสื่อมวลชน ด้วยเหตุผลที่ว่า ให้อำนาจเจ้าหน้าที่รัฐในการเอาผิด เพียงแค่ข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว โดยปราศจากหลักเกณฑ์และขอบเขตของการใช้อำนาจที่ชัดเจน แม้แต่การที่ประชาชนหรือสื่อมวลชนเผยแพร่ข้อเท็จจริง อาจถูกดำเนินคดีหรือถูกคุกคามจากรัฐได้
อันที่จริง สื่อมวลชน โดยอาชีพ แล้ว จะมีวิจารณญาณในการนำเสนอข่าวสารต่างๆด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างดีเพราะมีกฎหมายทั้งแพ่งทั้งอาญา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และประกาศ ระเบียบอื่นที่ใช้คุมสื่ออีกบานตะไท การนำเสนอข่าว ต้องผ่านการกลั่นกรองหลายขั้นตอน จึงไม่จำเป็นที่ต้องออกคำสั่งใดๆมาบังคับใช้อีก นอกจากจะเป็นการใช้กฎหมายซ้ำซ้อนและขัดแย้งแล้ว ยังมีเจตนาที่จะใช้กลไกทางกฎหมายในการกำหนดให้การนำเสนอข่าวไปใน ทิศทางใดทางหนึ่ง
...
ซึ่งจะกระทบกับภาพลักษณ์ ความเป็นรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งรัฐบาลชุดนี้ก็มีความเคลือบแคลงถึงที่มาของอำนาจอยู่แล้วก็จะยิ่งชัดเจนขึ้นไปอีก
และใน ด้านความสงบเรียบร้อย เองจะก่อให้เกิดผลตรงกันข้ามกับเจตนารมณ์ที่จะออกคำสั่งนี้ นั่นหมายถึงจะนำไปสู่กระแสการเรียกร้องขัดขืนและเกิดการต่อต้านรัฐบาลในที่สุด
ที่ผ่านมาเสถียรภาพของรัฐบาลถูกสั่นคลอนเพราะ ที่ปรึกษาเทกระโถน คนใกล้ชิด นำมาซึ่งเภทภัยและวาระสุดท้ายของรัฐบาล การสร้างศรัทธาจากประชาชนย่อมมั่นคงและยั่งยืนกว่าการใช้อำนาจข่มขู่คุกคาม
ดังนั้น กระแสข่าวนายกฯพระราชทาน การประกาศกฎอัยการศึก ยึดอำนาจ จึงเป็นตัวอย่างของการออกมาแสดงถึงการขัดขืนต่อต้านอำนาจรัฐและจะซ้ำเติมให้สถานการณ์ประเทศเข้าสู่วิกฤติเร็วขึ้น อย่าไปหาทำ.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th