(แฟ้มภาพ)

อธิบดีกรมควบคุมโรค เผย วัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส ที่ สหรัฐอเมริกาบริจาค มาถึงไทย 29 ก.ค. นี้ เตรียมเซ็นซื้อเพิ่มพรุ่งนี้อีก 20 ล้านโดส ชี้หากตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่ง อาจล็อกดาวน์เหมือน อู่ฮั่น

วันที่ 18 ก.ค. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานในการประชุมหารือแนวทางการสื่อสารภายใต้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2564 ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ที่มี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ผอ.ศปก.ศบค. เป็นประธาน

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้กล่าวในที่ประชุมเรื่องข้อทักท้วงเรื่องวัคซีน โดยเป้าหมายของไทยคือจะมีวัคซีน 100 ล้านโดส จนถึงสิ้นปี 2564 ซึ่งในเดือน มิ.ย. ไทยได้วัควีน 6 ล้านโดส และเดือน ก.ค. ได้รับอีก 10 ล้านโดส ที่คาดการณ์ไว้

ส่วนขณะนี้ ได้จัดหาวัคซีนเพิ่มทั้งซิโนแวค และไฟเซอร์ จำนวน 20 ล้านโดส ที่จะเซ็นคำสั่งซื้อในวันพรุ่งนี้ (19 ก.ค.) ที่จะมาถึงในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ไม่ใช่ 40 ล้านโดสตามที่มีข่าวลือ รวมถึงเตรียมเจรจาเพิ่มอีก 50 ล้านโดส โดยวัคซีนจะเน้นกระจายไปที่กลุ่มผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง โดยเฉพาะในพื้นที่ระบาดสูง ส่วนวัคซีนที่สหรัฐอเมริกา บริจาค 1.5 ล้านโดสจะมาวันที่ 29 ก.ค.นี้

ทั้งนี้ ยืนยันว่าการเจรจาวัคซีนจะมีต่อเนื่อง เป็นเรื่องที่ไม่ยาก แต่ต้องปฏิบัติตามองค์ข้อกำหนดขององค์การอนามัยโลก พร้อมยอมรับว่าข้อมูลการจัดซื้อวัคซีนมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ต่อจากนี้จึงจะมีการปรับปรุงเรื่องการให้ข้อมูล โดยยืนยันว่าเว็บไซต์กระทรวงสาธารณสุข และกรมควบคุมโรค มีข้อมูลที่จะอ้างอิงในการจัดหาวัคซีนทั้งหมด รวมถึงยุทธศาสตร์วัคซีนในไทย

...

อย่างไรก็ตาม หากตัวเลขผู้ติดเชื้อไม่ลดลงในอีก 2 สัปดาห์ จะต้องมีการเพิ่มมาตรการที่เข้มขึ้น เพื่อควบคุมการระบาด แต่หากแนวโน้มตัวเลขผู้ติดเชื้อยังสูงต่อเนื่องใน 2 เดือน ก็มีแนวโน้มจะใช้มาตรการคล้ายเมืองอู่ฮั่น ของประเทศจีน คือล็อกดาวน์เมืองนั้นเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด โดยให้ประชาชนอยู่บ้าน งดการเดินทาง หรือถึงขั้นต้องส่งข้าว ส่งน้ำตามบ้าน.