“ส.ว.วันชัย” ชี้ ปิดสวิตช์ ส.ว. กำลังหลงประเด็น อำนาจเลือกนายกฯ แท้จริงอยู่ที่ ส.ส. ลั่น ไม่เห็นด้วยหากแก้รัฐธรรมนูญแล้วถอยหลัง ประชาชนเสียประโยชน์

วันที่ 23 มิ.ย. 2564 นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในฐานะสมาชิกรัฐสภา ร่วมอภิปรายการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช ... ว่า ได้พิจารณาทุกร่างที่เสนอมาแล้ว พอจะสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้

  • ระบบการเลือกตั้ง
    พรรคเล็กจะหายไป พรรคใหญ่จะผงาด ลดบทบาทภาคประชาชน มีอิทธิพลล้วงลูกและก้าวก่าย โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณและข้าราชการประจำ

  • ปิดสวิตช์ ส.ว.
    ส่วนตัวยืนหยัดมาตั้งแต่ต้น สนับสนุนการตัดมาตรา 272 และจะสนับสนุนการโหวตเกี่ยวกับอำนาจ ส.ว.ในเรื่องนี้

“ส.ส.หลายท่าน พรรคการเมืองที่เสนอมานั้น อยากใช้คำพูดว่า กินอยู่กับปาก อยากอยู่กับท้อง ทำทีเรียกร้องประชาธิปไตย เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่ ส.ว.”

ส่วนเรื่องอื่นๆ ถือว่าเป็นเรื่องเครื่องเคียงของการเสนอกฎหมายครั้งนี้ การจะเพิ่มหรือไม่ จะแก้หรือไม่ เรื่องเหล่านี้มีอยู่ในรัฐธรรมนูญและกฎหมายหมายลูกอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของกระบวนการยุติธรรม

นายวันชัย ระบุต่อไปว่า การแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้เป็นเรื่องของการได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมือง เป็นการเอาชนะกันทางการเมือง ไม่ใช่เรื่องของประชาชนสักเท่าไร ซึ่งเป้าใหญ่คือระบบเลือกตั้ง แพ้ชนะกันทางการเมือง มองไปว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าใครจะได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) มากกว่ากัน ซึ่งที่ผ่านมาในรัฐสภามีการพูดถึงกันมากในการทุจริตซื้อสิทธิขายเสียงในการเลือกตั้งต่างๆ แต่กลับไม่เคยคิดแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้การเลือกตั้งสุจริต เคยกระชับรัฐธรรมนูญให้เข้มแข็งปราบคอร์รัปชันหรือไม่

...

ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญ ปี 2560 เรื่องระบบเลือกตั้งและระบบพรรคการเมือง ต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมือง ประชาชนเป็นเจ้าของพรรค มีส่วนร่วมในการบริหารพรรค คัดคนลงสมัครรับเลือกตั้ง ที่สำคัญ มีส่วนร่วมในการออกค่าใช้จ่ายของพรรคการเมือง ทุกคะแนนของประชาชนมีราคามีความหมาย ทำให้ประชาชนมีโอกาสได้คนรุ่นใหม่ ได้พรรคการเมืองใหม่ๆ แต่ที่เสนอแก้กันนี้จะทำให้พรรคเล็กหายไป ลดบทบาทภาคประชาชนตามรัฐธรรมนูญ 2560 อย่างสิ้นซาก ซึ่งจะไปปรับแก้อย่างไรไม่ว่า แต่เรื่องนี้ขอเรียนว่าเป็นการทำเพื่อการเอาชนะกันทางการเมืองมากกว่าประโยชน์ของประชาชน

“มาตรา 272 ปิดสวิตช์ ส.ว. เป็นความเข้าใจผิด และหลงประเด็น เป็นวาทกรรมที่กล่าวหาโจมตี ส.ว.ทุกครั้ง แท้ที่จริงแล้ว ถ้าเราพิจารณาดูจากรัฐธรรมนูญลึกๆ โดยละเอียดแล้ว แบบจิตใจที่เป็นกลาง ไม่มีโมหะจริต อำนาจที่แท้จริงในการสถาปนานายกฯ หรือรัฐบาล คืออำนาจของประชาชนที่เลือกตั้งผ่านทาง ส.ส. รัฐธรรมนูญฉบับนี้กำหนดให้ความเป็นใหญ่อยู่ที่ ส.ส. มีอำนาจสูงสุดในการที่จะให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐบาล รัฐบาลจะอยู่ได้หรือไม่ได้ จะอยู่สั้นหรืออยู่ยาว จะล้มหรือไม่ล้ม อยู่ที่ ส.ส. ไม่เกี่ยวกับ ส.ว.ทั้งสิ้น

ถ้า ส.ส. รวมกันได้เกินกว่า 250 อย่างไร ส.ว.ก็ต้องเลือกคนนั้นเป็นนายกรัฐมนตรี ขืนไปเลือกคนอื่นให้มาเป็นนายกรัฐมนตรีหรือรัฐบาล รัฐบาลนั้นก็อยู่ไม่ได้ ส.ว.ก็อยู่ไม่ได้ เพราะกำลังโหวตสวนกระแสประชาชน ทุกวันนี้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ได้ด้วยพรรคการเมือง ด้วย ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ไม่ได้อยู่ได้หรือดำรงอยู่ได้เพราะ ส.ว.”

ดังนั้น มาตรา 272 จะมีอยู่ไม่จึงไม่ติดใจอะไร ไม่มีความหมาย เพราะอำนาจอยู่ที่ ส.ส. แต่รวมกันเองไม่ได้เกิน 250 เท่านั้น หากเลือกตั้งครั้งหน้า ถ้า ส.ส.รวมกันได้เกิน 250 เสียงขึ้นไป อย่างไรก็ได้เป็นรัฐบาล โดยส่วนตัวสนับสนุนไม่ขัดข้อง แต่ถ้าแก้แล้วถอยหลัง ตัดอำนาจบทบาทของประชาชน การปราบปรามทุจริต มีผลประโยชน์ทับซ้อน ซื้อการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ค่อนข้างจะไม่เห็นด้วย และจะขอโหวตบางเรื่องบางประเด็น

ทั้งนี้ ในช่วงหนึ่งของการอภิปรายเกิดการประท้วงจากสมาชิกขอให้ นายวันชัย ลาออกจากการเป็น ส.ว. เพราะเป็นรอยด่างประชาธิปไตย เนื่องจากกล่าวเสียดสีสมาชิกรัฐสภา จากนั้น นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมขณะนั้นขอให้พูดในเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ อย่าพูดจาว่าผู้อื่นอย่างที่ถูกทักท้วง.