เพื่อไทย ตั้งคำถามรัฐบาลเปิดประเทศได้จริงหรือไม่ หลังฉีดวัคซีนโควิด-19 ไม่ตรงตามเป้า 5 แสนโดสต่อวัน หวั่นเลื่อนทำเอกชนเดือดร้อนหนัก

วันที่ 20 มิ.ย. 2564 นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ส.ส.นนทบุรี แถลงข่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประกาศตั้งเป้าเปิดประเทศภายใน 120 วัน สามารถทำได้จริงหรือไม่ 

นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า ทุกคนต้องการเห็นการเปิดประเทศ แต่ต้องมีแผนรองรับ ไม่ใช่การพูดเพียงอย่างเดียว ไม่เช่นนั้นอาจกระทบต่อภาคเอกชน ธุรกิจร้านอาหาร โรงแรมได้ เพราะหากมีการเตรียมการเปิดประเทศตามที่รัฐบาลประกาศ แต่กลับถูกเลื่อนอีกอาจได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก และเรื่องการเปิดประเทศก็ยังไม่มีความชัดเจน เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศเปิดประเทศ โดยเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย. เป็นต้นไป แต่ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ออกมาระบุว่าให้นับตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. เป็นต้นไป ทำให้เกิดความสับสนในหมู่ประชาชนว่าเป็นวันใด

ขณะเดียวกันสิ่งสำคัญของการเปิดประเทศอีกเรื่องคือการฉีดวัคซีนโควิด-19 ซึ่งรัฐบาลตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องฉีดวัคซีนให้ได้ 500,000 โดสต่อวัน ที่มีการคิกออฟให้การฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา พร้อมตั้งเป้าจะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ได้ 50 ล้านคนก่อนเปิดประเทศ แต่ข้อเท็จจริงกลับพบว่าตั้งแต่วันดังกล่าวจนถึงปัจจุบัน ไม่มีวันใดฉีดวัคซีนได้ถึง 500,000 โดส โดยสูงสุดอยู่ที่ 472,128 โดสต่อวัน ส่วนยอดสะสมการฉีดวัคซีน ตั้งแต่เดือน ก.พ. ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน อยู่ที่ประมาณ 7,300,000 โดสเท่านั้น แสดงให้เห็นถึงการขาดแคลนวัคซีนโควิด-19 ของรัฐบาล

...

นายยุทธพงศ์ ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า ตั้งแต่มีการคิกออฟฉีดวัคซีน จำนวนยอดผู้ติดเชื้อกลับไม่ลดลง ส่วนแผนการจัดสรรวัคซีนของรัฐบาลจำนวน 105.5 ล้านโดส กลับไม่มีการแจ้งประชาชนว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนในวันใด แสดงให้เห็นว่าไม่มีวัคซีนให้ประชาชน ทั้งนี้ นายยุทธพงศ์ อ้างต่อไปว่าต้องเป็นผู้มีอภิสิทธิ์ชนเท่านั้นถึงฉีดวัคซีนได้ จึงตั้งคำถามว่าการเปิดประเทศภายใน 120 วัน สามารถทำได้จริงหรือไม่

ด้าน นายจิรพงษ์ ระบุเพิ่มเติม ได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มหน้าด่านของบุคลากรทางการแพทย์ว่าวัคซีนที่ได้มาเป็นวัคซีนทิพย์ ไม่มีความแน่นอนว่าจะถึงไทยเมื่อใด ทำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานอย่างยากลำบาก และยังเกิดความกังวลในวงการแพทย์อีกว่า หลังเปิดประเทศผู้ที่ได้รับวัคซีนอาจเป็นพาหะของเชื้อ เช่นเดียวกับประเทศชิลี ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคไป 60% แล้วทำการเปิดประเทศ แต่กลับพบการแพร่ระบาดภายในประเทศจนต้องปิดประเทศอีกครั้ง รวมถึงอังกฤษ ที่ฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา ไป 60% แล้วเปิดประเทศ กลับต้องปิดประเทศอีกครั้งเพราะเจอการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลตา.