"ไพบูลย์" ชี้ พรรคก้าวไกล ไม่เห็นด้วย ระบบเลือกตั้งปี 40 เหตุกลัวตัวเองสูญพันธุ์ เชื่อ ญัตติแก้มาตรา 256 ตั้ง “ส.ส.ร.” ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของฝ่ายค้าน ไปไม่รอด 

วันที่ 15 มิ.ย.นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีที่พรรคก้าวไกล ระบุว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเป็นการสืบทอดอำนาจให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ว่า ไม่เป็นความจริง ซึ่งการแก้ไขเพิ่มสิทธิเสรีภาพของประชาชน สิทธิ์ในกระบวนการยุติธรรม รวมถึงแก้ไขอำนาจของ ส.ส. ในการประสานกับหน่วยงานราชการเพื่อช่วยเหลือประชาชน

นายไพบูลย์ กล่าวว่า ในส่วนการแก้ไขระบบเลือกตั้งกลับไปใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ก็เป็นประเด็นที่เห็นพ้องต้องกัน กับพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ เพียงแต่ชี้ว่า พรรคก้าวไกล ที่ไม่เห็นด้วย เพราะกังวลว่าพรรคตัวเองจะสูญพันธุ์ และชี้ว่า ประเด็นนี้เป็นความเห็นแตกแยกขัดแย้งกันเองระหว่างพรรคการเมืองฝ่ายค้าน


“ผมมั่นใจว่าร่างแก้รัฐธรรมนูญของพลังประชารัฐ จะผ่านความเห็นชอบในวาระรับหลักการ ในวันที่ 23 - 24 มิ.ย.นี้ ด้วยเพราะมีเสียงของพรรคพลังประชารัฐ 122 ส.ส. หรือรวมพรรคประชาธิปัตย์อีก 50 เสียง และเสียง ส.ว.อีก 250 รวมแล้วมากกว่า 400 เสียง และหากเพื่อไทยเห็นด้วย ก็เกิน 500 เสียง ซึ่งจำนวนเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภาที่ต้องผ่านความเห็นชอบตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ และต้องให้ ส.ว.เห็นชอบด้วย 1 ใน 3 โดยอ้างอิงว่า ส.ว.ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับร่างฯพลังประชารัฐ “ นายไพบูลย์ กล่าว


นายไพบูลย์ กล่าวยืนยันว่า พรรคพลังประชารัฐ จะไม่โหวตให้ความเห็นชอบการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นอกเหนือจากที่เป็นประเด็นหลักของพรรค 5 ประเด็น เช่น การเสนอให้นายกรัฐมนตรีต้องเป็น ส.ส. ขณะที่ประเด็นการแก้มาตรา 272 ของพรรคเพื่อไทย นั้น ตนเชื่อว่า จะหาเสียงสนับสนุนได้ไม่ครบตามจำนวนหลักเกณฑ์วาระรับหลักการ ที่กฎหมายกำหนดไว้ ไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ซึ่งพรรคพลังประชารัฐและวุฒิสภา จะไม่ยกมือให้

...

นายไพบูบย์ กล่าวว่า ในส่วนการประชุมร่วมรัฐสภา วันที่ 22-24 มิ.ย.นั้น ซึ่งจะต้องพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติให้แล้วเสร็จก่อน จากนั้นถึงจะพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากการแก้รัฐธรรมนูญหากรับหลักการวันที่ 23 มิ.ย.จากนั้นก็จะเข้าสู่กระบวนการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญฯ ขึ้นมาพิจารณาศึกษา 30 ถึง 45 วัน ก่อนที่จะเข้าสู่วาระที่ 2 พิจารณารายมาตราในช่วงเดือนต้น ส.ค. หากให้ความเห็นชอบแล้ว เสร็จก็พักไว้ 15 วัน จากนั้นนำกลับเข้าที่ประชุมรัฐสภาให้ความเห็นชอบในวาระที่ 3 ช่วงปลายเดือน ส.ค. หรือต้นเดือน ก.ย.นี้ จากนั้นเป็นการแก้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับคือ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง คาดจะแล้วเสร็จไม่เกินกลางปี 2565


“ผมยืนยันว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญคนละเรื่องเดียวกันกับการยุบสภา ที่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า การแก้ไขกฎหมายครั้งนี้ เพื่อรองรับการยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ โดยเชื่อว่า นายกรัฐมนตรี จะยังไม่ลาออกหรือยุบสภาตามที่ได้ประกาศไว้ในที่ประชุมวุฒิสภา เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา และไม่เห็นว่า พรรคร่วมรัฐบาลพรรคใด ต้องการไปเป็นฝ่ายค้าน ก็ไม่มีเหตุให้ยุบสภา และเห็นว่ามีเพียงพรรคฝ่ายค้านไม่กี่คน ที่เดือดร้อนกับดำรงตำแหน่งครบวาระของนายกรัฐมนตรี แต่ประชาชนทั้งประเทศอีกหลายล้านคนสบายใจ รัฐบาลมั่นคง นายกรัฐมนตรีมีฝีมือ”นายไพบูลย์ กล่าว

นายไพบูลย์ กล่าวว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่สามารถที่จะทำโดยตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ ( ส.ส.ร.) ได้ แต่ต้องเป็นการดำเนินการสมาชิกรัฐสภา มาตรา 156 และตั้งกรรมาธิการมาดำเนินการ ซึ่งก็ไม่แตกต่างกับการแก้ไขแบบรายมาตรา และเชื่อมั่นว่า ญัตติการเสนอแก้ไขมาตรา 256 ตั้ง ส.ส.ร.ของพรรคการเมืองฝ่ายค้านไปไม่รอด