"อัครเดช" แนะ รัฐใช้เงินกู้อุดหนุนงบฉีดวัคซีนให้กับ อบจ.ทุกจังหวัด หวังให้เป็นอีกหนึ่งช่องทางเร่งให้ประชาชนได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ เร่งฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจสังคมให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว
เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.64 นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเป็นพิเศษเพื่อพิจารณาพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดและติดเชื้อของโรคไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม โดยระบุว่า ขอพูดถึงการอภิปรายของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฟากรัฐบาลในการพิจารณาพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะมีกลุ่มการเมืองนำไปบิดเบือนในโซเชียลมีเดียว่าการที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายรัฐบาลได้อภิปรายติติง และให้ข้อเสนอแนะแสดงความคิดเห็นต่อรัฐบาล แล้วได้ลงมติผ่านความเห็นชอบให้พระราชบัญญัติงบประมาณฯ นั้นส่วนตัวขอชี้แจงว่าเป็นการติเพื่อก่อเพื่อให้ทางรัฐบาลได้รับไปดำเนินการแก้ไขปรับปรุง ส่วนเรื่องการลงมติที่จะพิจารณาให้ผ่านหรือไม่ผ่านนั้น เป็นการพิจารณาโดยดุลพินิจเพื่อให้เกิดความรอบคอบ เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวมีความสำคัญต่อบ้านเมืองมีความสำคัญต่อพี่น้องประชาชน และเพื่อให้รัฐบาลสามารถนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาวิกฤติให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งถือว่าเป็นการทำหน้าที่ของ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล
สำหรับในเรื่องของ พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านในปีที่ผ่านมานั้น มีการแบ่งเป็น 3 ก้อน ในส่วนของงบเยียวยาถือว่ารัฐบาลได้ใช้จ่ายเงินไปตามโควตาของกรอบวงเงินที่ ครม.อนุมัติ และได้มีการขอต่อสภา ส่วนที่มีปัญหาก็คือในส่วนของแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ที่รัฐบาลนั้นได้ตั้งกรอบวงเงินไปแล้วมีการเบิกจ่ายช้า ตนในฐานะที่เป็นคณะกรรมาธิการงบประมาณติดตามเงินกู้ จึงขอชี้แจงไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รวมถึงคณะรัฐมนตรี และสภาพัฒน์ ที่เป็นหน่วยงานที่ดูแลงบประมาณก้อนนี้โดยตรงว่า จำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีการบริหารจัดการ เพราะว่าหากยังบริหารจัดการเหมือนเดิมปัญหาก็จะเกิดเหมือนเดิม กล่าวคือนอกจากโครงการล่าช้าแล้ว เม็ดเงินก็จะไม่ไปถึงระบบเศรษฐกิจ แล้วจะฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อย่างไร ฉะนั้นก็ขอให้ทางรัฐบาลโดยเฉพาะสภาพัฒน์
...
“ในฐานะ ส.ส. ได้เคยนำปัญหาของประชาชนโดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม นำปัญหาความเดือดร้อนเข้าไปซึ่งคณะกรรมาธิการก็มีความเห็นว่าสามารถที่จะใช้เงินกู้ฟื้นฟูเศรษฐกิจงบโควิดได้ แต่พอไปถึงคณะอนุกรรมการกลั่นกรองของสภาพัฒน์ฯ ก็ไม่ผ่านทำให้เสียเวลาพี่น้องประชาชนในการที่จะนำงบประมาณไปช่วยเหลือ เพื่อที่จะนำงบตรงนี้ไประบายน้ำนมดิบของพี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม สุดท้ายก็ต้องใช้เงินงบกลางของทางสำนักนายกรัฐมนตรี จึงอยากจะฝากไปถึงนายกรัฐมนตรีที่ได้มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมาว่าอยากให้เปลี่ยนวิธีในการบริหารจัดการงบก้อนนี้”
นอกจากนี้ ขอให้รับฟังความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนผ่าน ส.ส. เนื่องจาก ส.ส.อยู่ใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชน เมื่อมีความเดือดร้อนของประชาชนส่งมาถึง ส.ส.แล้ว ก็อยากให้ได้รับฟังความเดือดร้อนนั้นเพื่อให้นำไปทำเป็นโครงการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน ไม่ใช่มีสภาแล้วท่านก็ฟังพอถึงเวลามาท่านก็ไปทำอะไร มองสภาเป็นตรายางมันก็ไม่ถูกต้อง เพราะเราปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย”
สำหรับเรื่องที่ 2 ในส่วนแผนงานกระทรวงสาธารณสุข จาก พ.ร.บ.เงินกู้ที่ผ่านมาที่ได้อนุมัติไป ก็มีการเบิกจ่ายแบบล่าช้า เพราะหากใช้ได้เร็วและตรงประเด็นก็จะทำให้การจัดหาวัคซีนมาให้กับพี่น้องประชาชน และรัฐบาลสามารถกระจายวัคซีนได้ตามเวลาที่นัดหมายกับพี่น้องประชาชน ระบบเศรษฐกิจก็จะสามารถกลับมาสู่สภาพปกติได้โดยเร็ว พี่น้องประชาชนสามารถทำมาหากินได้ และเงินกู้ที่จะกู้เพื่อไปฟื้นฟูก็ไม่จำเป็นต้องใช้มาก
“ที่จังหวัดราชบุรีเมื่อ 2 วันที่ผ่านมามีการฉีดวัคซีนตามแผนก็คือวันที่ 7 ที่ 8 แต่วันนี้วันที่ 9-11 3 วัน มีการประกาศยกเลิกการฉีดวัคซีนไปแล้ว ทั้งๆ ที่จังหวัดราชบุรีมีกลุ่มคลัสเตอร์อยู่จำนวนไม่น้อย ซึ่งมีความจำเป็นที่จะต้องฉีดวัคซีนให้กับประชาชน แต่วันนี้วัคซีนยังไปไม่ถึงโรงพยาบาลที่เป็นจุดนัดฉีดวัคซีนให้กับประชาชน ดังนั้นขอให้ทางรัฐบาลได้ปรับแผนในการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน”
นายอัครเดช ยังเสนอว่า เนื่องจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเฉพาะองค์การบริหารส่วนจังหวัดมีความพร้อมที่จะฉีดวัคซีนให้กับประชาชน มีบุคลากรมีงบประมาณ รัฐบาลไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องความเหลื่อมล้ำว่าจังหวัดไหนมีงบเยอะจังหวัดไหนมีงบน้อย หรือเป็นห่วงว่าจะไม่ทั่วถึง ดังนั้นจึงขอให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดมาช่วยในการฉีดวัคซีนให้กับพี่น้องประชาชนอีกช่องทางนึง และให้เชื่อมฐานข้อมูลเพื่อป้องกันการซ้ำซ้อนระยะเวลาในการฉีดวัคซีนที่จะผ่านกระทรวงสาธารณสุขอย่างเดียวจาก 6 เดือนก็ได้กลายเป็น 3 เดือน หรือ 4 เดือน เพื่อที่จะได้ให้พี่น้องประชาชนได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง สร้างภูมิคุ้มกันหมู่และสภาพเศรษฐกิจและสังคมจะได้กลับมาเร็ว
“เมื่อองค์การบริหารส่วนจังหวัดใช้เงินงบประมาณไป ท่านกลัวเรื่องความเหลื่อมล้ำในจังหวัดที่มีงบประมาณไม่เพียงพอ ท่านก็ใช้งบ 3 หมื่นล้านที่ขอไปมาอุดหนุนให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด คืนงบประมาณให้เข้าไปเพื่อให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดทุกจังหวัด เพื่อให้สามารถใช้เป็นช่องทางในการฉีดวัคซีนให้กับพี่น้องประชาชนได้ หากกังวลว่าจะไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ใน พ.ร.ก.นั้น ก็ไม่เชื่อว่าจะไม่สามารถแก้ไขได้ เพราะเรื่องนี้อยู่ที่ท่านจะแก้หรือไม่แก้ให้เงินก้อนนี้สามารถอุดหนุนเงินสำหรับฉีดวัคซีนให้กับพี่น้องประชาชนผ่านองค์การทั่วประเทศได้” นายอัครเดช กล่าว.