• เมื่อรัฐบาลถูกโยงการใช้ "งบราชการลับ" มีวาระซ่อนเร้นทำให้เห็น หลายกระทรวง หลายหน่วยงาน ได้รับการจัดสรรงบประมาณส่วนนี้จำนวนมาก แต่ในภาคสังคมไม่ทราบรายละเอียดว่า "เงิน" เหล่านี้ถูกนำไปใช้จ่ายอะไร
  • การเปิดข้อมูลงบลับ "กลาโหม" ของ "ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร" ทำให้เห็นภาพ "เหล่าทัพ" ที่อ้างเพื่อความมั่นคง แต่กลับถูกมองว่า ยังมีการนำไปจัดซื้อ จัดหา อาวุธยุทโธปกรณ์
  • ขณะที่ประเทศเผชิญกับโรคระบาดโควิด-19 ที่ยังวิกฤติสาหัส แต่ "งบราชการลับ" กลับเพิ่มแบบสวนทาง จึงเป็นคำตอบที่ทางรัฐบาลจะแสดงความชัดเจน พร้อมกับฝ่ายค้านต้องทำหน้าที่หาคำตอบของการนำงบเหล่านั้นไปใช้เพื่อ!

    การออกมาเปิดโปง "งบราชการลับ" ของ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 สภาผู้แทนราษฎร ถือเป็นการเปิดประเด็นอย่างร้อนแรง และกล้าหาญโยนระเบิดใส่รัฐบาล เพื่อให้สังคม ประชาชน ได้รับรู้ เพราะที่ผ่านมาหากมีการจี้ "งบลับ" ก็มักจะถูกโยงไปถึง "กระทรวงกลาโหม" สะท้อนสู่ "กองทัพ"

เพราะการจัดสรรงบราชการลับทุกปี "กระทรวงกลาโหม" จะมีการตั้งงบประมาณจำนวนที่สูง และปีนี้กว่า 500 ล้านบาท ที่จัดให้เป็นของสำนักปลัดกระทรวงกลาโหม 32 ล้านบาท กองบัญชาการกองทัพไทย 60 ล้านบาท สถาบันป้องกันประเทศ 20 ล้านบาท กองทัพบก 290 ล้านบาท กองทัพเรือ 62 ล้านบาท และกองทัพอากาศ 30 ล้านบาท ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าในงบส่วนนี้ มักจะไม่ค่อยโดนแตะ และมักตัดไม่ได้ในชั้นกรรมาธิการ เพราะเมื่อ "ลับ" ก็คงจะมีคำชี้แจงที่น้อยมาก

...

จะเห็นว่าหลัง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 วาระแรกจบลง ด้วยเสียงข้างมาก มีมติเห็นชอบ 269 ต่อ 201 เสียง ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2565 ที่มีตัวแทนจากคณะรัฐมนตรี พรรคร่วมรัฐบาล พรรคร่วมฝ่ายค้าน 72 คน โดยกำหนดประชุมตั้งแต่เวลา 09.00-21.00 น. ในวันจันทร์-ศุกร์ จนถึงวันที่ 5 ส.ค.นี้

ขณะที่ "ฝ่ายค้าน" ได้วางกลยุทธ์ แบ่งหน้าที่การทำงานทั้ง "พรรคเพื่อไทย" และ "พรรคก้าวไกล" ที่จะขอตรวจสอบอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ที่ถือเป็นดาวเด่น หรือหัวหมู่ทะลวงฟัน ประกาศกร้าวจะชำแหละงบลับกระทรวงกลาโหม เพื่อโยงไปถึง "เหล่าทัพ" ที่อยู่ในอาณัติ ภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่สวมหมวกนายใหญ่ของ "กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร" (กอ.รมน.) อันเป็นหน่วยมีงบประมาณในส่วนนี้จำนวนมาก ที่ซ่อนภารกิจแฝงด้วยความเร้นลับ เพราะเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการข่าว ฝ่ายพลเรือน มวลชน ที่จะต้องสัมพันธ์กับ "IO" ในภารกิจเพื่อความมั่นคง

ส่วนงบราชการลับอีกก้อน ประมาณ 558 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่สำนักปลัดนายกรัฐมนตรี ขึ้นตรงกับนายกฯ ประกอบด้วย สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี 60 ล้านบาท สำนักข่าวกรองแห่งชาติ 232 ล้านบาท สภาความมั่นคงแห่งชาติ 50 ล้านบาท และกระทรวงการต่างประเทศ 8 ล้านบาท ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ 20 ล้าน แม้แต่ กระทรวงแรงงาน ที่ไม่เคยรับรู้มาก่อนว่า มีการจัดงบราชการลับไว้จำนวนมากเช่นกัน

โดยทาง "รัฐบาล" ชี้แจงแต่เพียง เมื่อเป็นงบราชการลับ จึงไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ แต่ในส่วน "งบลับ" ของ "กระทรวงกลาโหม" ที่แต่ละปีมีจำนวนมาก จึงมักมีคำถาม ทหารได้นำเงินเหล่านี้ไปทำอะไร!!

การเจาะรายละเอียดได้ลึกของ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ย่อมเป็นผลดีต่อสังคม ประชาชน พร้อมย้ำว่า จะเข้าไปดูเรื่อง "งบราชการลับ" ด้วยตัวเอง เพราะถือว่าเป็นวิกฤติงบประมาณ จัดเก็บรายได้เพียง 2.4 แสนล้านบาท งบประมาณบางอย่างไม่มีรายละเอียด จึงจะเข้าไปตรวจสอบคือ "งบจัดซื้ออาวุธ" ในปี 2565 เท่ากับเรากู้มาซื้ออาวุธ เพราะงบประมาณเราเก็บภาษีรายได้มากกว่ารายจ่าย

เมื่อกางแผน "เหล่าทัพ" พบว่า กองทัพบก มีโครงการจัดหายานเกราะล้อยาง เพื่อเสริมสร้าง กอ.รมน.รูปแบบใหม่ ระยะที่สองปี 63-65 4,515 ล้านบาท และโครงการจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์โจมตี (ระยะที่หนึ่ง) ปี 64-66 วงเงิน 4,226 ล้าน

กองทัพเรือ ซื้อเรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่สนับสนุนการปฏิบัติการเรือดำน้ำ จากประเทศจีน จำนวน 1 ลำ ปี 62-65 วงเงิน 6,185 ล้านบาท โครงการจัดหาเรือดำน้ำ 2 ลำ รุ่น S26-T ปี 63-69 วงเงิน 22,500 ล้านบาท ซึ่งในปีงบประมาณ 65 กองทัพเรือไม่ขอเข้ามาใหม่

กองทัพอากาศ โครงการซื้อเครื่องบินโจมตีขนาดเบา ปี 64-66 วงเงิน 4,500 ล้านบาท และโครงการพัฒนาการปฏิบัติการในห้วงอวกาศ หรือ SPACE DOMAIN ระยะที่หนึ่ง ปี 64-67 วงเงิน 1,470 ล้านบาท ระยะที่สอง ปี 65-67 ระยะที่สาม ปี 67-69 และระยะที่สี่ปี 70-72

"อาวุธที่เห็นของ 3 เหล่าทัพ เป็นยุทโธปกรณ์ราคาแพงจากต่างประเทศ ซึ่งตอนนี้ไม่เหมาะสมภาวะเศรษฐกิจประเทศ และเงินยังไม่มีแต่กลับมาใช้ซื้ออาวุธมากมาย ดังนั้นควรชะลอ หรือสามารถลดได้ก็ควรทำ เพื่อนำมาแก้ปัญหาโควิด" นายยุทธพงศ์ ระบุ

ขณะที่ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะ รองประธานกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ให้ความเห็นเพียงว่า "งบลับ" เป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณ ที่มีการจัดสรรอยู่ทุกปีอยู่แล้ว และปกติแต่ละหน่วยงาน จะเปิดเผยให้กรรมาธิการฯ พิจารณาแบบกว้างๆ อยู่แล้ว ถึงความจำเป็นอย่างไร ใช้ในเรื่องอะไรบ้าง เพราะอาจเป็นงบที่ใช้ร่วมกันหลายหน่วยงาน ส่วนจะตรวจสอบได้หรือไม่ค่อยว่ากัน ส่วนที่ฝ่ายค้านยังข้องใจงว่ามีงบลับซ่อนอยู่ ขอให้ช่วยมาบอกด้วยว่าซ่อนอยู่ในส่วนใด เพราะงบลับที่ว่ามา แต่ละกระทรวงมีการเปิดเผยอยู่แล้ว และยอดงบประมาณก็ไม่ได้มาก และอย่าไปกังวล หรือคิดว่างบตั้งมาเพื่อให้ผู้ใหญ่

เมื่อฟังจาก นายสุรชาติ บำรุงสุข นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ และอาจารย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ยิ่งรับรู้ในมุมกว้างเพิ่มเมื่อระบุ "งบลับ" ไม่ได้มีเฉพาะประเทศไทย หลายประเทศก็มีงบประมาณที่ไม่สามารถแจกแจงได้ ตรวจสอบได้ จึงไม่เป็นที่เปิดเผยต่อสังคม จนทำให้ถูกโยงเป็นงบประมาณที่ไม่มีความโปร่งใส เพราะประชาชนทั่วไป สังคม ไม่ได้รับรู้ว่าหน่วยราชการของภาครัฐใช้งบส่วนนี้ไปทำอะไร หรือมีวัตถุประสงค์อย่างไร เพราะจะเห็นการตั้งงบลับเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำได้ เพราะระบบงบประมาณจะถูกตรวจสอบโดยกระบวนการทางรัฐสภา แต่ในหลายประเทศที่การเมืองยังไม่พัฒนา งบลับกลายเป็นปรากฏการณ์ที่เห็นได้ชัด ทำให้ถูกมองว่าเป็นงบประมาณที่ไม่มีความโปร่งใส

"งบลับ" เมื่อไม่สามารถตรวจได้ จึงถือว่ามีปัญหาในตัวเองแน่ๆ และมีข้อเสียจะถูกมองเป็นปัญหาทางการเมือง เช่น ประเทศไทย หรือประเทศที่มีการปกครองแบบทหาร งบลับจะอยู่ในมือของทหาร จึงไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่างบส่วนนี้ถูกใช้ทำอะไร สังคมไม่สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ แม้ว่าอาจจะเห็นจำนวนงบที่กำหนดไว้ หรือถ้าจะบอกว่าข้อดีของงบลับใช้ในภารกิจที่ปกปิด แต่ในประเทศที่พัฒนาแล้ว อะไรที่เป็นภารกิจปกปิดก็มีคณะกรรมาธิการเข้าไปตรวจสอบ แม้ว่าการตรวจสอบจะเป็นกระบวนการที่ไม่เปิดเผย แต่จะไม่มีสิ่งที่เรียกว่า สามารถจะนำงบไปใช้ได้โดยไม่มีการตรวจสอบ โดยเฉพาะงบของฝ่ายความมั่นคง ด้วยเหตุที่สถานการณ์ของประเทศที่มีวิกฤติจากโควิด-19 จึงมีเสียงเรียกร้องให้ปรับลดงบประมาณรายจ่ายที่ไม่จำเป็น แล้วนำเงินส่วนนี้ไปจัดหาวัคซีนให้มากขึ้น เพื่อใช้ในการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาทั้งภาวะเศรษฐกิจและคนตกงาน

อย่าลืม "งบลับ" ในมิติของความมั่นคง จึงเป็นปัญหา เพราะส่วนหนึ่งอาจนำงบฯ ไปจัดซื้ออาวุธ เพราะไม่มีความชัดเจน และงบลับถูกตั้งคำถามว่าถูกใช้ในการปฏิบัติงานด้านจิตวิทยาของทหารที่ถูกสังคมมักจะมองว่านำงบไปใช้ทำไอโอหรือไม่ จึงอาจเป็นหน้าที่ภาคประชาสังคมควรตั้งคำถามเพื่อให้เกิดความกระจ่าง

ดังนั้นเมื่อ "งบลับ" ยังไม่กระจ่าง ในภาคสังคม ประชาชนทุกคนที่ยังเผชิญกับวิกฤติและปัญหา โควิด-19 ก็อาจเป็นส่วนหน้าทำหน้าที่ตรวจสอบ และตั้งคำถามกับ "รัฐบาล" ในฐานะฝ่ายบริหารได้ว่า นำเงินส่วนนี้ไปใช้จ่ายอย่างไร เพื่อให้คนไทยทุกคนได้รับคำตอบและคลายสงสัย เพื่อร่วมกันพัฒนาประเทศนั่นเอง.

ผู้เขียน : ยุทธจักรเขียว

กราฟิก : Jutaphun Sooksamphun