“แรมโบ้” อัด “สุดารัตน์” กล่าวหา “บิ๊กตู่” บิดเบือนให้ประชาชนเข้าใจผิด ด้าน “การุณ” ออกโรงป้อง ไม่เคยเนรคุณ ฝากถึงนายกฯ เป็นบุคคลสาธารณะต้องรับฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ อย่าปล่อยลิ่วล้อทำเสีย
วันที่ 9 มิ.ย. 2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณี คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ุ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ให้สัมภาษณ์ในรายการหนึ่งเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีการพาดพิงกล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หลายประเด็น ว่า
ประเด็นแรกที่กล่าวหาว่า นายกฯ เป็นเผด็จการ มาตามรัฐธรรมนูญซ่อนเงื่อน เป็นเผด็จการที่อยู่ภายใต้เสื้อคลุมประชาธิปไตยนั้น ขอเตือนว่าอย่าเที่ยวประดิษฐ์สำนวนโวหารป้ายสีคนอื่น แทนที่จะนึกถึงสมัยอยู่พรรคไทยรักไทยและพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ถูกประชาชนประณามว่าเป็นระบอบทักษิณ เป็นเผด็จการรัฐสภาเสียงข้างมากลากไป ออกกฎหมายผ่านสภาฯ หลายฉบับเพื่อเอื้อประโยชน์ของผู้นำบางคนในพรรคขณะนั้น ทำไมจึงไม่ออกมาต่อว่าด่าทอโจมตีเหมือนเช่นทุกวันนี้บ้าง ขอให้คุณหญิงมีจิตใจเป็นธรรม เป็นกลางบ้าง อย่าคิดเพียงแค่ใครไม่ใช่พวกก็จะใส่ความโจมตี การจะเป็นนักการเมืองที่ดีจะต้องมีจุดยืน มีอุดมการณ์ที่มั่นคง มีเหตุผลและเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับนักการเมืองรุ่นใหม่บ้าง ต้องยึดหลักข้อเท็จจริงและพูดความจริงกับประชาชน ไม่ใช่เอาแต่เรื่องเท็จมาบิดเบือน เพื่อให้ประชาชนเข้าใจผิดต่อนายกฯ และรัฐบาลตลอดมา
ถ้าจะพูดความจริงอยากชี้แจงครั้งที่นับไม่ถ้วนว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยึดอำนาจจากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะมีสาเหตุที่ประชาชนคนไทยทราบดีว่าปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตมากมายหลายโครงการ จนรัฐบาลปัจจุบันต้องมาแก้ปัญหาและใช้หนี้จนทุกวันนี้ ตลอดจนเกิดปัญหาความวุ่นวาย ในบ้านเมืองขัดแย้งกันอย่างรุนแรง เป็นยุคที่เกิดการจลาจลวุ่นวายที่สุดในประเทศ ต่อมาเมื่อมีรัฐธรรมนูญที่ผ่านการลงประชามติของประชาชน 16 ล้านเสียง พล.อ.ประยุทธ์ ก็เข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยด้วยการไปอยู่ในบัญชีรายชื่อของผู้ถูกเสนอเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคการเมือง จากนั้นรัฐสภาก็เลือก พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ไม่มีอะไรที่เป็นเผด็จการ
“ตลอดระยะเวลาที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ มาบริหารมา 2 ปีเศษ ได้ให้ความเท่าเทียมและความเสมอภาคกับธุรกิจทุกขนาด ไม่ว่าขนาดใหญ่ กลาง เล็ก ที่บอกว่าคนตัวเล็กเสียเปรียบและเสียโอกาสในการเจริญเติบโตทางธุรกิจก็ไม่จริง รัฐบาลให้การสนับสนุนและให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาตลอด โดยเฉพาะธุรกิจสตาร์ทอัพ เพียงแต่รัฐบาลโชคร้ายมาเจอวิกฤติโควิด-19 กว่า 2 ปี ทำให้ธุรกิจเหล่านั้นประสบปัญหา คุณหญิงจะหาเสียงก็หาไป เพราะเมื่อถึงเวลาจริงๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะมาแก้ได้ในวันสองวัน เพราะวิกฤติโควิดเป็นเรื่องของมนุษย์โลก ประชาชนรู้ดีว่านักการเมืองคนไหนขี้โม้โอ้อวด และนักการเมืองคนไหนทุ่มเทตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อรักษาชีวิตและลมหายใจของพี่น้องประชาชนให้ปลอดภัยจากโควิด ดังเช่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บ้าง”
ส่วนประเด็นที่ คุณหญิงสุดารัตน์ บอกว่าแยกทางจาก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เด็ดขาดนั้น นายเสกสกล ระบุ ไม่เชื่อว่าจะกล้าเนรคุณ นายทักษิณ คนที่ให้รางวัลเป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวงมาแล้ว ใครที่ย้ายออกจากพรรคเพื่อไทย ออกจากนายทักษิณ ต้องเป็นคนเนรคุณ เหมือนที่ตนเองลาออกจากพรรคเพื่อไทยก็โดนมาแล้วเช่นกัน สำหรับเรื่องที่กล่าวหาว่า พล.อ.ประยุทธ์ และบอกจะไม่ร่วมรัฐบาลกับขั้วพรรคพลังประชารัฐที่เป็นเผด็จการนั้น เป็นคำพูดแผ่นเสียงตกร่อง ฟังจนนับครั้งไม่ถ้วน และสุดท้ายพรรคใหม่พรรคนี้อาจจะไม่ได้ ส.ส.เข้าสภาฯ แม้แต่คนเดียว
...
“ที่ผ่านมานายกฯ ไม่เคยพูดใส่ร้ายใครก่อนและไม่คิดตอบโต้ใคร นายกฯ ไม่เคยตำหนิหรือต่อว่าอะไรคุณหญิงเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าไม่ยอมหยุดใส่ร้ายป้ายสีนายกฯ ผมก็จะไม่ยอมหยุดเช่นกัน จะไม่ยอมให้มาด่าทอใส่ร้ายป้ายสีนายกฯ ฝ่ายเดียว ยอมไม่ได้เด็ดขาด นายกฯ ไม่มีเวลามาเล่นการเมือง จะไม่เสียเวลามาทะเลาะกับใคร มีแต่เวลาทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนกับประชาชนเท่านั้น”
ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 9 มิ.ย. 2564 นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายเสกสกล กล่าวพาดพิง คุณหญิงสุดารัตน์ และดูถูกว่าจะไม่สามารถพา ส.ส.เข้าสภาฯ ได้ว่า อยากบอกนายเสกสกล การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา คุณหญิงสุดารัตน์ เป็นแม่ทัพของพรรคเพื่อไทย นำ ส.ส.แบบเขตเลือกตั้งเข้าสู่สภาฯ มากที่สุด แม้ทราบว่าตัวเองจะสอบตกเพราะพรรคจะไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อตั้งแต่ต้น ดังนั้นแม้จะลาออกจากพรรคเพื่อไทยแล้ว แต่ ส.ส.ก็ยังเคารพรักอยู่ และเชื่อว่าจะเป็นผู้นำพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยที่เป็นที่พึ่งที่หวังให้กับประชาชนอีกทางเลือกหนึ่งอย่างแน่นอน และถ้าไม่มีคุณหญิงสุดารัตน์ก็คงไม่มีการุณในวันนี้ แม้จะอยู่คนละพรรคแต่เมื่อมีคนออกมาสัมภาษณ์ให้ร้ายก็ต้องพูดสะท้อนข้อเท็จจริงไม่ให้ผู้รับข่าวสารเข้าใจผิด โดยเฉพาะมีการใช้คำว่าเนรคุณ ข้อเท็จจริงต่างกันราวฟ้ากับเหว คุณหญิงสุดารัตน์ไม่เคยเนรคุณประชาชนเหมือนนักการเมืองบางคนเพียงเพื่อให้ได้ตำแหน่งทางการเมือง และคนเนรคุณประชาชนแบบนี้ประชาชนรู้ทัน สอบกี่ครั้งก็เป็นแค่ ส.ส.สอบตก ไม่มีวันได้เข้ามาเหยียบสภาฯ อันทรงเกียรติได้อีก
“นายกฯ เป็นบุคคลสาธารณะ ต้องรับฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ การปล่อยให้ลิ่วล้อออกมาส่งเสียงแบบหมาเห่าใบตองแห้งแบบนี้ เสียเชิงอดีตหัวหน้าคณะปฏิวัติที่รัฐประหารนายหญิงของตัวเองเป็นอย่างยิ่ง ผมจึงอยากฝากไปถึงนายกฯ ว่าให้ย้อนกลับไปดูพฤติกรรมของบุคคลท่านนี้ หากยังใช้บริการโมฆะบุรุษเช่นนี้ไปเรื่อยๆ นอกจากจะไม่เกิดประโยชน์ใดๆ แล้ว ตรงข้ามจะยิ่งพานายกฯ และบริวารตกต่ำตามไปด้วยอย่างแน่นอน”