คดีปริศนา “ใครฆ่าน้องชมพู่” หวนกลับมาเป็นข่าวใหญ่ ศาลจังหวัดมุกดาหารอนุมัติหมายจับ “ลุงพล” หลายข้อหา พาหลานขึ้นเขาไปตาย ซ่อนอำพรางศพ หลังทีมสืบสวนสอบสวนของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. รวบรวมหลักฐานนานนับปี
ใกล้ปิดฉากมหากาพย์คดีสะเทือนขวัญที่ประชาชนสนใจ
กลบกระแสวูบของรัฐบาล หลังวัคซีนแอสตราเซเนกาลอตใหญ่ยังมีปัญหาติดขัด
ตอกย้ำความจริงล่าสุด ประเทศฟิลิปปินส์เผยวัคซีนแอสตราเซเนกาที่ผลิตในไทยโดนเลื่อนส่ง
“โจอีย์ คอนเซปซิยง” ประธานที่ปรึกษาผู้ประสานงานจัดหาวัคซีนกับรัฐบาลฟิลิปปินส์และภาคเอกชน ระบุว่า กำหนดส่งวัคซีนแอสตราเซเนกา ลอตแรก 1.3 ล้านโดส ถูกเลื่อนจากสัปดาห์แรกของเดือน มิ.ย.ไปเป็นกลางเดือน ก.ค.
ได้รับการบอกเล่าจากบริษัทแอสตราเซเนกาว่า สาเหตุแห่งการล่าช้าเกิดจากการผลิตในประเทศไทย
ผลแห่งการแทงม้าตัวเดียว ชะล่าใจจัดหาวัคซีนเพราะการแพร่ระบาดโควิดระลอกแรกในไทยต่ำมาก
พึ่งหวังแอสตราเซเนกาเป็นหลัก เพราะมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้สร้างโรงงานผลิตในประเทศไทยด้วย เลยปิดดีลไปอย่างชื่นมื่น สบายๆตอนนั้น
มาถึงตอนนี้ปัญหาประดังเข้ามาอย่างที่เห็น ยังดีรัฐบาลไหวตัวทันขยับตัวซื้อวัคซีนซิโนแวคไว้ด้วย
ชั่วโมงนี้เลยต้องใช้วัคซีนซิโนแวคเสียบแทน แก้ขัด จนกลายเป็นวัคซีนหลักของประเทศไปแล้ว
การบริหารวัคซีนที่ผิดพลาดของรัฐบาล ทำให้หลายฝ่ายต้องขยับตัว ทั้งเอกชน ท้องถิ่น ขืนมัวแต่รอรัฐบาลก็ “เจ๊ง” โควิด-19 ระบาดรวดเร็ว ร้ายแรง ต้องทำงานแข่งกับเวลา
แต่ก็ยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกัก สะดุดข้อกฎหมาย ติดขัดปัญหาเต็มไปหมด
...
แน่นอนว่าเรื่องนี้กลายเป็นจุดบอดให้ฝ่ายค้านรุมยำกลางเวทีสภา ในคิวอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 และยังฟาดไปถึงการบริหารจัดการที่สับสน ลักปิดลักเปิดของ ศบค.
กทม.ประกาศผ่อนปรนกิจการ 5 ประเภท คล้อยหลังไม่นาน ศบค.สั่งยกเลิก ก่อนหน้านี้ก็มีการประกาศให้ประชาชนวอล์กอินฉีดวัคซีนได้ ไม่กี่ชั่วโมงถัดมาก็ถูกสั่งเบรก
ส่วนการจัดสรรงบประมาณโดนฝ่ายค้านถล่มหนัก ผิดฝาผิดตัว ไม่สอดคล้องสถานการณ์จริง ละเลยการแก้ปัญหาโควิด ฟื้นฟูเศรษฐกิจ จัดงบให้กระทรวงกลาโหมมากที่สุด มากกว่ากระทรวงสาธารณสุขเกือบ 5 หมื่นล้านบาท ทั้งที่ปัญหาโควิดอยู่ตรงหน้า
แต่ไปใช้วิธีออก พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อแก้ปัญหานี้
ไม่มีรายละเอียดการใช้จ่าย เหมือนตีเช็คเปล่า
แม้แต่พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเองอย่างพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย ยังช่วยขยี้ ซัดโครมๆจัดงบประมาณผิดแผน จน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ต้องออกมาตัดพ้อ

แต่ก็มีเสียงเย้ยหยันทำนองรู้ทันจาก “พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล
เหมือนกำลังนั่งดูลิเกฉากใหญ่ สมาชิกพรรคภูมิใจไทยเป็นห่วงถูกปรับลดงบกระทรวงสาธารณสุข แต่ไม่ใช่ว่าเวลาโหวตแล้วยกมือให้พึ่บพั่บ ไม่ใช่ ทำตัวเป็นเด็กดื้องอแง แต่พอได้รถไฟฟ้ามาเป็นของเล่นแล้วก็ยกมือผ่านให้
พูดตรงใจใครหลายคน สะท้อนความจริงที่สุด
แม้ฉากหน้าจะมีภาพขบเหลี่ยม ปีนเกลียวกันหนัก โดยเฉพาะ “บิ๊กตู่” กับ “หมอหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข ที่โดนแย่งซีน จำกัดบทบาท จนแทบไม่มีงานให้ทำ
ถึงขั้นโพสต์เฟซบุ๊กพร้อมรูปภาพประกอบ “เอาไข่เค็มมาต้มพะโล้ อร่อยไปอีกแบบ” จนทัวร์ลงคณะใหญ่
แต่สุดท้ายถ้าผลประโยชน์ลงตัว ก็แฮปปี้เอนดิ้ง ร่วมรัฐบาลกันต่อไปแบบเนียนๆ
แต่ที่น่าห่วงใยจะทำให้รัฐบาลเสียเครดิต เกิดสนิมเนื้อในจนเรือเหล็กโคลง ก็รัฐมนตรีบางคน รวมทั้งบรรดาผู้ติดตามที่ชอบทำตัวกร่าง ใหญ่โต
มีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีช่วย แต่ลูกน้องเยอะยิ่งกว่ารองนายกฯ หรือ รัฐมนตรีว่าการ
ล่าสุดมีกระแสข่าว ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ วิวาทะกับตำรวจรัฐสภาถึงขั้นสั่งให้มากราบขอโทษ เจ้าตัวก็ออกมายอมรับ แต่บอกว่าตำรวจรัฐสภาใช้วาจาก้าวร้าวก่อน
จึงเรียกตัวมาขอโทษ มีเพียงการยกมือไหว้ ไม่ได้มีการกราบเท้าแต่อย่างใด
แว่วว่า ร.อ.ธรรมนัส จะขึ้นชั้นเป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐเร็วๆนี้ และคาดว่าอีกไม่นานจะขยับเป็นรัฐมนตรีว่าการ
ไม่รู้ว่าดีหรือร้าย แต่ในเชิงภาพลักษณ์ไม่ค่อยงาม.
ทีมข่าวการเมือง