ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ กำชับ กรมชลประทาน วางแนวทางบริหารจัดการน้ำในฤดูฝน เพื่อเตรียมการรับสถานการณ์ หลัง กรมอุตุฯ คาดการณ์ มีแนวโน้ม พายุเข้าไทย 2-3 ลูกช่วง ก.ค.-ก.ย.นี้


วันที่ 9 พ.ค. ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังสำนักชลประทานทั่วประเทศว่า ขอให้กรมชลประทานประสานความร่วมมือในการทำงานกับทุกภาคส่วนในการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูฝน ทั้งการกักเก็บน้ำ การระบายน้ำ และการช่วยเหลือประชาชนกรณีเกิดเหตุอุทกภัยหรือประสบภัย โดยเฉพาะในการกักเก็บน้ำเพื่อสำรองไว้ใช้ในทุกกิจกรรม เนื่องจากในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 ภาคการเกษตรจะเป็นภาคส่วนเดียวที่จะสามารถช่วยเหลือพื้นฟูเศรษฐกิจประเทศได้ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ฝากความหวังไว้กับภาคเกษตรที่จะช่วยนำประเทศผ่านวิกฤติได้เช่นที่ผ่านมาในทุกครั้ง ดังนั้นน้ำเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันภาคการผลิต จึงขอให้บริหารจัดการอย่างเต็มกำลังทุกฝ่ายโดยยึดประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ

นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า กรมได้กระชับแผนบริหารจัดการน้ำในฤดูฝนปี 2564 ให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติงาน โดยได้กำหนดแนวปฏิบัติไว้ อาทิ ให้มีการกำหนดพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม การทำแบบจำลองสถานการณ์ในพื้นที่น้ำล้นตลิ่ง เป็นต้น การกำหนดเครื่องมือ เครื่องจักรและกำลังคน ให้พร้อมสำหรับการปฏิบัติงาน 24 ชม. นอกจากนั้นให้เร่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ รวมถึงการจัดพื้นที่แก้มลิงไว้สำหรับหน่วงน้ำ เช่น ทุ่งบางระกำที่เลื่อนการเพาะปลูกเพื่อให้เก็บเกี่ยวข้าวแล้วเสร็จกลาง ส.ค. เพื่อใช้เก็บน้ำได้ประมาณ 400 ล้าน ลบ.ม. นอกจากนั้นจะเน้นประชาสัมพันธ์เชิงรุก เพื่อสร้างความเข้าใจกับประชาชน การประสานกับจังหวัดในการแจ้งเตือนล่วงหน้า และได้กำชับไปยังโครงการชลประทานทั่วประเทศ ตรวจสอบสภาพความมั่นคงของเขื่อนขนาดใหญ่และขนาดกลาง 437 แห่ง และอาคารชลประทานทั้งหมด 1,806 แห่ง ให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ พร้อมกับใช้อาคารชลประทานในการจัดการจราจรน้ำตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ

...

“กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ปริมาณฝนในปี 64 ระบุว่า ประเทศไทยจะเข้าสู่ฤดูฝนในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน พ.ค. ปริมาณฝนจะมากกว่าค่าฝนเฉลี่ย และมีโอกาสที่จะเกิดพายุหมุนเขตร้อนเข้าไทย ประมาณ 2-3 ลูกในช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย. บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนและภาคเหนือ และสิ่งที่ต้องระวัง คือ โอกาสเกิดมรสุมในร่องความกดอากาศ อาจเกิดฝนตกหนักและต้องเฝ้าระวังการเกิดอุทกภัย ซึ่ง ณ วันที่ 1 พ.ค. 64 เป็นวันเริ่มต้นการจัดสรรน้ำในช่วงฤดูฝน พบว่า อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั้งประเทศมีปริมาณน้ำรวมกัน 36,442 ล้าน ลบ.ม. สามารถรองรับน้ำได้อีก 39,626 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกัน 8,961 ล้าน ลบ.ม. มีน้ำใช้การได้ประมาณ 2,265 ล้านลบ.ม. สามารถรองรับน้ำได้อีก 15,910 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งกรมจะใช้เขื่อนในการบริหารน้ำ เบื้องต้นขอความร่วมมือเกษตรกรใช้น้ำฝนเป็นหลักในการเพาะปลูก“

นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลฯ กล่าวว่า การบริหารจัดการน้ำและการรับมือฤดูฝนปี 64 นั้น กรมได้มีการนำผลวิเคราะห์และพยากรณ์ของกรมอุตุฯ ว่า รูปแบบของฝนที่ตกในปี 2564 คล้ายกับปี 2551 นำมาทำแบบจำลองวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ เพื่อคาดการณ์ปริมาณน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ 35 แห่ง โดยเมื่อสิ้นฤดูฝนปี 64 ณ วันที่ 1 พ.ย. 64 จะมีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำทั่วประเทศรวม 67,066 ล้านลบ.ม.หรือ 95% น้ำใช้การได้ 43,524 ล้านลบ.ม.หรือ 92% ทั้งนี้กรมได้ทำแบบจำลองพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมไว้พร้อมทุกพื้นที่ตามแนวทิศทางที่กรมอุตุฯ ได้คาดการณ์ เบื้องต้นให้บริหารจัดการน้ำ ในอ่างเก็บน้ำให้อยู่ในเกณฑ์เก็บกัก (RULE CURVE).