1 พ.ค. ดีเดย์เปิดจองคิวฉีดวัคซีนผ่านไลน์ “หมอพร้อม” นำร่องกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปี และผู้มีโรคประจำตัว 7 กลุ่ม คาดจะเริ่มฉีดวัคซีน 2 กลุ่มเสี่ยงได้เดือน มิ.ย.-ก.ค.นี้ ส่วนประชาชนทั่วไปจะเปิดให้ลงทะเบียนจองวันที่ 1 ก.ค.2564 พร้อมฉีดในเดือน ส.ค.2564
วิกฤติโรคระบาดรุมล้อมประเทศไทย ประชาชนไขว่คว้าหาวัคซีน ทางรอดเดียวที่เหลืออยู่
ภาวะที่รัฐบาลต้องเร่งหาวัคซีนเพิ่มมือเป็นระวิง ขณะที่ภาคเอกชนก็อยู่เฉยไม่ได้ ต้องยื่นมือเข้าช่วย พาประเทศฝ่าวิกฤติ ไม่ให้กอดคอตายหมู่
ผนึกกำลังทีมไทยแลนด์ ประสานภาครัฐ–เอกชน เร่งควานหา กระจาย และฉีดวัคซีน ลุยสร้างภูมิคุ้มกันหมู่คนไทยอย่างน้อย 70% ก่อนสิ้นปี 2564
ควบคู่ไปกับการยกระดับมาตรการทางสาธารณสุขของ ศบค.ในพื้นที่สีแดงเข้ม 6 จังหวัด กทม. ชลบุรี นนทบุรี เชียงใหม่ ปทุมธานี และสมุทรปราการ
เพิ่มยาแรง อาทิ ห้ามรับประทานอาหารในร้าน ห้างร้านต่างๆให้เปิดบริการได้ถึง 21.00 น. ห้ามรวมกลุ่มเกิน 20 คน บังคับสวมหน้ากากอนามัย มีผลบังคับใช้วันที่ 1 พ.ค.เป็นต้นไป
คุมเข้มข้นโซนอันตราย บังคับกราฟผู้ติดเชื้อ ผู้เสียชีวิตเชิดหัวลง ขีดวงแพร่ระบาดให้อยู่ในวงจำกัด
คลายอาการขวัญหนีดีฝ่อของประชาชนที่นับวันไวรัสมรณะแพร่เชื้อติดต่อง่ายขึ้น คนหนุ่มสาวสภาพร่างกายแข็งแรงถูกเชื้อร้ายกินปอด เสียชีวิตมากขึ้น
ล่าสุดตลกดัง “น้าค่อม ชวนชื่น” ยื้ออาการโคม่าไม่ไหว เสียชีวิตการติดเชื้อโควิด สิ้นตำนานผู้สร้างเสียงหัวเราะ บาดลึกความรู้สึกคนไทย กระตุกอารมณ์แพนิกประชาชนให้เตลิดไปกันใหญ่
ไฟลนก้น “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ต้องสปีดผลงาน กอบกู้ความเชื่อมั่น ในภาวะที่คนในสังคมจวนเจียนจะหมดความอดทนกับการบริหารจัดการโควิดล้มเหลวของรัฐบาล ทั้งการควบคุมการแพร่ระบาด เตียงผู้ป่วยไม่พอ วัคซีนมาไม่ทันการณ์
...
ทุลักทุเลกันทุกขั้นตอน ฉุดเครดิตผู้นำเข้าขั้นวิกฤติ
เชื้อร้ายโควิดกลายเป็นไฟต์เดิมพันความอยู่รอดของ “บิ๊กตู่” ชี้ขาดจะได้ไปต่อ หรือพอแค่นี้
และไม่ใช่แค่บริหารอารมณ์ความรู้สึกคนไทยอย่างเดียว “ลุงตู่” ยังต้องบริหารจัดการความเป็นเอกภาพในรัฐบาลอีกทาง อย่างที่ต้องยกเลิกคำสั่งแบ่งงานรัฐมนตรีดูแลพื้นที่ต่างจังหวัดตามแนวคิดขับเคลื่อนไทย
หย่าศึกพรรคร่วมรัฐบาล ตัดปัญหาเกาเหลา “พลังประชารัฐประชาธิปัตย์” หลังจากส่ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ไปตีท้ายครัวดูแล 3 จังหวัดโซนด้ามขวาน “สุราษฎร์ธานี–นครศรีธรรมราช–ภูเก็ต” แทนรัฐมนตรีเจ้าถิ่นของพรรคประชาธิปัตย์
ให้การแบ่งงานทุกอย่างกลับสู่โหมดเดิม เบรกล่าอาณานิคมโซนปักษ์ใต้ไว้ก่อน ยับยั้งความบาดหมางพรรคร่วมรัฐบาลไม่ให้ลุกลาม จนกระทบความเชื่อมั่นประชาชนเรื่องการแก้สถานการณ์โควิด
แต่ที่ดูเหมือนยังเคลียร์ใจไม่ลงตัวคือ “พลังประชารัฐ–ภูมิใจไทย” ที่แต่ละฝ่ายสาดโคลนกันเละเทะ
แผลในใจที่ขยายผลจากการที่ “บิ๊กตู่” รวบอำนาจของรัฐมนตรีตามกฎหมายต่างๆ 31 ฉบับ มาเป็นของนายกรัฐมนตรี บัญชาการแก้โควิดเบ็ดเสร็จ
สวมบทวันแมนโชว์กุมอำนาจบริหารสถานการณ์สงครามเชื้อโรคไว้ในมือผู้เดียว
ตรงข้ามกับ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข ถูกตัดวงจรอำนาจการแก้โควิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ต่อเนื่องจากก่อนนี้ก็ไม่มีรายชื่อในคณะกรรมการวัคซีนทางเลือก ทั้งที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงด้านสาธารณสุข
“เสี่ยหนู” อยู่ในดงกระสุนตก เป็นแพะบูชายัญ รับคมหอก
คมดาบแทนนายกฯพรรคร่วมรัฐบาลโดนทุบสนุกมือ เพราะอ่านใจกันออก ยังไง
พรรคร่วมฯก็ไม่กล้าชิ่งถอนตัว พร้อมกล้ำกลืนฝืนทนกันต่อไป เพราะผลประโยชน์ค้ำคอทุกฝ่าย
อย่างที่ “บิ๊กตู่” กล้าโวยวายแรงๆ กลางวง ครม. ขู่ริบเก้าอี้ ครม.คืนจากรัฐมนตรีขี้นินทา มาเป็นโควตาของตัวเอง
หากถึงขั้นร่วมหอลงโรงกันไม่ได้ เลวร้ายสุดคือ ยอมเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ยื้ออยู่ต่อให้นานที่สุดยากที่จะลาออก ตามเสียงเรียกร้องฝ่ายค้าน
ไวรัสโรคระบาด และไวรัสการเมืองรุมจู่โจมพร้อมกัน วัดฝีมือบริหารจัดการของ “บิ๊กตู่” ที่ต้องคอนโทรลทั้งความรู้สึกประชาชน และพรรคร่วมรัฐบาล โดยมีความอยู่รอดของรัฐบาลเป็นเดิมพัน
ถ้าฝ่ายใดหมดความอดทน อาการ “ลุงตู่” ก็น่าห่วง!!!
ทีมข่าวการเมือง