ใครจะไปคิดว่า สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย จะร้ายแรงขนาดนี้ รอบแรก เอาอยู่เพราะตัดสินใจประกาศ ล็อกดาวน์ เคอร์ฟิว ตั้งแต่ยกแรกๆ รอบนั้นใช้วิธี สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่างทางสังคม ยังไม่มี วัคซีนโควิด–19 ใช้ด้วยซ้ำ ผ่านมารอบที่สอง รอบที่สาม เพราะความประมาท การ์ดตกแท้ๆ เราต้องประกาศบทลงโทษ คนที่ไม่สวมหน้ากากอนามัย ออกจากบ้านหรืออยู่ใน รถยนต์ ที่มีจำนวน 2 คนขึ้นไป ต้องใส่หน้ากากอนามัยกันตลอดเวลา ใครไม่ใส่โดนปรับตั้งแต่ 6,000-20,000 บาท คนที่เดือดร้อนที่สุดเห็นจะเป็นคนหาเช้า กินค่ำ จะหาเงินที่ไหนมาเสียค่าปรับ ลำพังจะเอาชีวิตรอดไปวันๆ ก็แย่แล้ว
เกือบจะทั่วประเทศที่บังคับให้ชาวบ้านต้องสวมหน้ากากอนามัยออกจากบ้านก็เป็นเรื่องที่ดีและถูกต้อง คนไทยเองก็ควรจะฝึกให้ชินกับการสวมหน้ากากเพราะ กว่าจะได้รับวัคซีนกันครบ 100 ล้านโดส ตามที่รัฐบาลสัญญาเอาไว้กับประชาชน ก็คงจะใช้เวลาเป็นปี
ที่น่าสังเกต เชื้อไวรัสโควิด–19 รอบนี้จะแรงกว่ารอบแรก เพราะมีคนเสียชีวิตกันมาก เป็นเชื้อประเภทถ้าลงปอดเมื่อไหร่ ไม่มีโอกาสจะสั่งเสียญาติสนิทมิตรสหาย คนที่ด้อยโอกาสไม่มีเตียงรักษา ไม่มียารักษาหรือไม่ได้รับวัคซีน โอกาสเสี่ยงที่จะเสียชีวิตสูงมาก แม้แต่กระทั่ง หมอที่อยู่ประจำโรงพยาบาลยังติดโควิดลงปอดกันเป็นแถว ขนาดป้องกันและระวังแล้ว
การฉีดวัคซีนโควิด–19 ที่คาดว่าเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตในผู้ได้รับวัคซีนบางราย กลายเป็นความเสี่ยงระหว่าง การฉีดวัคซีนกับการไม่ฉีดวัคซีน ที่ชาวบ้านกลับมาชั่งใจว่า จะฉีดดีหรือเปล่า เพราะฉะนั้น รัฐจะต้องสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นทางเลือกให้กับ ประชาชนในการตัดสินใจด้วย ถ้าชาวบ้านเกิดไม่ฉีดวัคซีนกันมากๆ รัฐก็จะมีบทลงโทษ เอากับคนที่ไม่ฉีดวัคซีนอีก ทีนี้ละยุ่งกันไปใหญ่
...
ล่าสุดมีผลการวินิจฉัยจากแพทย์ที่ได้รับวัคซีน ซิโนแวค ที่พบคือ แขนชา ปากเบี้ยว ไม่สามารถทำกิจกรรมได้เหมือนเดิม บางรายพูดไม่ชัด แขนขาอ่อนแรง แรงที่สุดคือ เส้นเลือดตีบในสมอง แต่พบจำนวนน้อยมาก ในจำนวนนี้ผู้ได้รับวัคซีนเพศหญิง อายุระหว่าง 21-45 ปีจำนวน 6 ราย เป็นอัมพฤกษ์
มี 1 รายที่เสียชีวิตคาดว่าเกิดจากผลข้างเคียงที่ได้รับวัคซีน
ขณะที่ แอสตราเซเนกา โดยทั่วไปพบว่ามีผลรุนแรงกับลิ่มเลือดอุดตันที่สมองและที่ท้อง พบที่ประเทศในยุโรป อย่างไรก็ตาม คณะแพทย์วิเคราะห์กันแล้วว่าวัคซีนโควิด-19 มีประโยชน์มากกว่าผลข้างเคียง และยืนยันว่าผลข้างเคียงของวัคซีนที่ได้รับแต่ละคนเกิดขึ้นได้เสมอ แม้จะมีการใช้ไปแล้วหลาย 10 ปีก็ตาม
รัฐเองจะต้องเป็นคนรับผิดชอบด้วย
เพราะฉะนั้น การจะตัดสินใจว่าวัคซีนมีประโยชน์หรือโทษมากกว่ากันก็ต้องทำใจเป็นกลาง และขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละบุคคลด้วย และจะปฏิเสธผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นไม่ได้
เมื่อมีคุณก็ย่อมมีโทษ ปัญหาอยู่ที่ว่าจะได้รับวัคซีนทันกับสถานการณ์การแพร่ระบาดหรือไม่.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th