เรื่องราวเกี่ยวกับปาฏิหาริย์ของพระพุทธรูป ที่คนไทยคุ้นเคยกันมาก เล่าขานต่อๆกันมา เรื่องแรกคือเรื่องพระลอยน้ำ ประวัติหลวงพ่อโสธร ที่ฉะเชิงเทรา เล่ากันเป็นฉากๆ ท่านลอยน้ำด้วยกันสามองค์

ตอนลอยผ่านคุ้งน้ำวน ท่านลอยวนทวนน้ำโชว์ให้ชาวบ้านตื่นเต้นอยู่พักใหญ่ แล้วก็แยกย้ายกันไป องค์ที่สองไปอยู่ที่วัดบางพลีใหญ่ สมุทรปราการ องค์ที่สามไปอยู่วัดบ้านแหลม แม่กลอง

บริเวณที่ตรงที่พระสามองค์ลอยน้ำ เรียกกันว่า “สามพระทวน” ตอนนี้กลายเป็นชื่อ “สัมปทวน”

พระพุทธรูปอีกองค์ ที่ลอยกลางแม่น้ำเจ้าพระยา แถวกรุงเทพฯ องค์นี้ใหญ่ ใหญ่แค่ไหน ก็ขนาดต้องใช้คนสามแสนช่วยกันฉุดก็ยังฉุดไม่อยู่

ริมแม่น้ำบริเวณที่คนสามแสนช่วยกันฉุดพระ เรียกกันว่า สามแสน ตอนนี้ เพี้ยนเป็นสามเสน

เรื่องพระพุทธรูปลอยน้ำประดามีเหล่านี้ มีเค้ามาจากเรื่องจริงสมัยรัชกาลที่ 1 หลวงท่านนิมนต์พระพุทธรูปสำคัญ ขึ้นแพลอยน้ำมาจากภาคเหนือ ครั้งหนึ่ง สมัยรัชกาลที่ 3 ก็อีกครั้งหนึ่ง

ถ้ารวมสมัยรัชกาลที่ 5 ถือเป็นครั้งที่สาม

ครั้งนี้มีภาพถ่ายพระพุทธชินราช องค์จำลองหล่อข้างโบสถ์พระพุทธชินราชองค์จริง ที่วัดใหญ่เมืองพิษณุโลก ขึ้นแพมาเทียบท่าน้ำริมเจ้าพระยา นิมนต์มาเป็นพระประธานโบสถ์วัดเบญจมบพิตร

ภาพถ่ายพระบนแพทำให้มโนได้ เรื่องพระพุทธรูปแสดงปาฏิหาริย์ลอยน้ำ โดยเฉพาะองค์ที่ใหญ่ถึงขั้นคนสามแสนคนฉุดไม่ไหว นั้น... แตกหน่อต่อยอดมาจากเรื่องพระพุทธรูปที่ลอยน้ำมาบนแพเหล่านี้นี่เอง

ปาฏิหาริย์พระพุทธรูปเรื่องต่อมา คือท่านพูดได้

สมัยรัชกาลที่ 6 มีข่าวเล่าลือกันว่า พระนอนวัดป่าโมกข์ เมืองอ่างทอง พูดได้

ในหลวงท่านสั่งให้รายงาน เท่าที่อ่านจากเอกสาร เรื่องราวและลีลาที่พระพุทธรูปพูดตอบโต้ เหมือนชาวบ้านนอกธรรมดา ไม่ส่อเค้าเป็นคำพูดพระผู้เป็นสัพพัญญูแต่ประการใด

...

อีกเรื่องเก่ากว่า เขียนไว้ในพงศาวดารเลยทีเดียว คือพระอจนะ วัดศรีชุม สุโขทัย

พระอจนะ สร้างสมัยพ่อขุนรามคำแหง วัสดุปูนปั้น แกนในเป็นอิฐและศิลาแลง หน้าตักกว้าง 11.30 เมตร สูง 15 เมตร มณฑปที่คลุมองค์พระ ผนังสร้างไว้เป็นพิเศษสองชั้น กว้างพอให้ตัวคนเดินลอดขึ้นไปพระเศียรองค์พระ

ส่วนเพดานอุโมงค์ มีภาพชาดก สลักบนหินชนวน 50 แผ่น

อุโมงค์ที่จงใจสร้างอย่างวิจิตรบรรจงนี้ นักวิชาการถือเป็นกรณีศึกษาสำคัญ

พงศาวดารกรุงศรีอยุธยา เล่าไว้ว่า เมื่อครั้งสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงนำกองทัพเสด็จไปปราบกบฏเมืองสวรรคโลก และเมืองพิชัย ทรงพักทัพทำพิธีบวงสรวงพระอจนะ ที่วัดศรีชุม

ครั้งนั้น มีเรื่องกล่าวกันว่า มีเสียงพูดเป็นคำอวยชัยออกมาจากองค์พระ ความอัศจรรย์ครั้งนี้มีผลต่อขวัญกำลังใจอย่างยิ่งต่อนักรบไพร่พลที่รบชนะจนถึงขั้นกู้ชาติได้ในเวลาต่อมา

บ้านเมืองเราตอนนี้ เผชิญปัญหาหนักหนาสาหัส หวังจะพึ่งผู้นำก็พึ่งไม่ได้

ดูเอาเถอะ! ขนาดผ้าคาดปากยังลืมง่ายๆทั้งๆที่ตัวเอง พูดเตือนชาวบ้านปากเปียกปากแฉะ

เมื่อผู้นำพึ่งไม่ได้ เหลือทางเดียวคือต้องหันหน้าไปพึ่งพระ แต่ก่อนไปก็ต้องคิดให้ดีๆ พระพุทธรูปพูดได้ สมัยนี้คงไม่มี กุศโลบายแยบยลสไตล์นี้ ใช้ได้สมัยโบราณ สมัยนี้ใช้ไม่ได้ผล

พึ่งพระพุทธไม่ได้ ก็คงต้องพึ่งพระสงฆ์ แต่อย่าเผลอไปเจอพระบ้า ประเภทชวนตัดคอถวายเป็นพุทธบูชา จะทุกข์หนักเข้าไปอีก.

กิเลน ประลองเชิง