สมยศ และไผ่ จตุภัทร์ ให้ทนายยื่นคำร้องต่อศาลอาญาเพื่อขอปล่อยตัวชั่วคราว โดยระบุหากได้ประกันตัวจะไม่ร่วมชุมนุม และไม่กล่าวพาดพิง หรือก้าวล่วงถึงสถาบันฯ และจะมารายงานตัวตามนัด
เมื่อวันที่ 22 เม.ย.64 ที่ศาลอาญา ศาลได้นัดไต่สวนคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวของนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข จำเลยที่ 4 กับนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน จำเลยที่ 7 จำเลยในคดีปักหมุดและข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และข้อหาอื่นๆ วันที่มีการชุมนุมที่หน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และท้องสนามหลวง เมื่อเดือนกันยายน 2563 โดยจำเลยชุดนี้ได้ยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราวมาแล้วหลายครั้ง และเคยมีการไต่สวนขอปล่อยตัวชั่วคราวมาก่อน จนกระทั่งมีเหตุการณ์ไม่เรียบร้อยในห้องพิจารณา จนเป็นเหตุให้คดีแตกเป็นคดีย่อยออกไป รวมทั้งเหตุการณ์ที่จำเลยบางคนแสดงออกทำนองว่า ไม่ยอมรับกระบวนการพิจารณาของศาล จนทำให้ศาลยกคำร้องปล่อยตัวชั่วคราวมาแล้ว
นัดนี้จำเลยทั้งสองได้แต่งให้นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความจำเลยคนใหม่ทำหน้าที่ว่าต่างแก้ต่าง ทำคำร้องคำขอดำเนินกระบวนพิจารณารับทราบคำสั่งศาล ตลอดจนยอมรับในสิทธิต่างๆ ตามกระบวนพิจารณาแล้วยื่นให้ศาล
...
จากนั้นนายนรเศรษฐ์ จึงได้ขอเบิกความนายสมยศ นายจตุภัทร์ เข้าเบิกความก่อน โดยนายสมยศ เบิกความทำนองว่า ตอนอยู่ในเรือนจำมา 1 เดือนเสร็จแล้วมีอาการเจ็บป่วย ปวดที่เข่าด้านซ้ายเพราะเคยประสบอุบัติเหตุทำให้ใช้ชีวิตในเรือนจำได้ยังไม่ปกติ เพราะไม่มีเก้าอี้และต้องนั่งกินข้าวกับพื้น ตอนนี้อาการปวดมากต้องกินยาแก้ปวดตลอดทุกวันที่ห้องขังแดน 2 มีผู้ต้องขังใหม่หมุนเวียนเข้ามากับผู้ต้องขังเก่าที่มาศาลจะต้องถูกกักตัวทุก 14 วันพบว่าในเรือนจำมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 แล้วโดยมีผู้ป่วย 1 คนผู้ต้องขังป่วย 3 คนในห้องควบคุมตอนถูกกักขังรวมกับผู้ต้องขังอื่นอีก 20 คนตอนยอมรับในคำแถลง เมื่อวันที่ 5 เมษายนทั้งหมดซึ่งตนสมัครใจเอง หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว จะไม่เข้าร่วมกิจกรรมและไม่ก้าวล่วงสถาบันหากได้รับการปล่อยตัว จะมาศาลตรงตามกำหนดนัด และปฏิบัติตามเงื่อนไขคำสั่งของศาลอย่างเคร่งครัด
ส่วน นายไผ่ ดาวดิน เบิกความว่า ตนเป็นนักศึกษาปริญญาโทของมหาวิทยาลัยมหิดล สาขาสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา ขณะนี้เป็นช่วงสอบต้องการขอให้ศาลปล่อยตัวชั่วคราว โดยขอยืนยันจะปฏิบัติตามคำแถลงว่า จะไม่กล่าวพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เสื่อมเสียพระเกียรติ และจะยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขของศาลหลังจากถูกดำเนินคดีนี้แล้ว ตนยังถูกดำเนินคดีข้อหาตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.ควบคุมโรค แต่ไม่มีการดำเนินคดีข้อหาตามมาตรา 112 กับตนอีก เหตุที่ตนไม่เป็นกระบวนพิจารณาในวันที่ 8 เมษายนก็เนื่องจากว่าเรารู้สึกอึดอัด ที่มีเจ้าหน้าที่จำนวนมาก ประกอบกับคำร้องดังกล่าวมี 2 ฉบับโดยฉบับที่เขียนด้วยลายมือตนไม่ได้เซ็น แต่ตนได้เซ็นชื่อในคำร้องฉบับที่ 2 ที่ทนายความจัดเรียงให้ ตนไม่ได้บอกว่าจะปฏิเสธและไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม
พยานอีก 2 ปากเริ่มจากนางสาวภัคจิรา นาคอุไรรัตน์ อาจารย์สาขาสันติมนุษยชนมหาวิทยาลัยมหิดล เบิกความว่า นายไผ่ ดาวดิน เป็นนักศึกษาในสาขาได้ลงทะเบียนเรียนไว้ 2 วิชา อยู่ระหว่างจะสอบวันที่ 25 เมษายน และจะต้องทำการสอบเก็บคะแนนครั้งที่ 1 กับต้องทำเล่มรายงานส่งอาจารย์ หากไม่ทำจะมีผลกระทบต่อการศึกษา เพราะหลักสูตรนี้บังคับให้ต้องจบการศึกษาใน 1 ปีครึ่ง และขณะนี้เข้าสู่ภาคเรียนที่ 2 แล้วหากไม่ได้สอบและไม่ได้ทำเล่มรายงานจะกระทบต่อการศึกษาอย่างแน่นอน
ขณะที่ นางสาวชนิตา ตันติวงศ์ อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เบิกความว่า รู้จักคุ้นเคยกับจำเลยทั้งสองในฐานะผู้เข้าร่วมกิจกรรมเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตย จึงรู้จักคุ้นเคย ดังนั้นตนจึงเข้ามาเป็นนายประกันให้กับเคยยื่นคำแถลงว่าจะเป็นผู้กำกับดูแลจำเลยทั้งสองโดยวิธีการพูดคุยกันด้วยเหตุด้วยผล
ส่วน นายธีระศักดิ์ อภัยรังสี หัวหน้าฝ่ายควบคุมผู้ต้องขังแดน 2 เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เบิกความว่า ขณะปฏิบัติหน้าที่ดูแลจำเลยที่ 4 และ 7 ในคดีนี้ไม่พบว่าจำเลยทั้งสองกระทำผิดวินัยแต่จำเลยได้เชื่อฟังคำสั่งให้ความสะดวกแก่การควบคุมไม่เคยก่อปัญหาใดๆและอยู่ในมาตรฐานเห็นว่าจำเลยมีความประพฤติดีประกอบกับขณะนี้สถานการณ์โควิด-19 ในแดน 2 ต้องปรับตัวผู้ต้องขังใหม่ และมีผู้ต้องขังติดเชื้อโควิด-19 ในเรือนจำจึงต้องนำตัวไปรักษาโรงพยาบาลแล้ว ต้นเห็นว่าหากปล่อยตัวจำเลยออกไปก็จะทำให้จำนวนผู้ต้องขังลดลงสะดวกแก่การควบคุมและบริหารจัดการกับการแพร่กระจายของไข้หวัดโคโรนา 2019 ได้ง่ายขึ้นยุติการไต่สวนและนัดฟังคำสั่งในเวลา 15.00 น.วันเดียวกัน.