เช้าวันพุธ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โพสต์บนเฟซบุ๊ก ถึงความคืบหน้าการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ว่า “คณะทำงานพิจารณาการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ซึ่งประกอบด้วย คณะแพทย์ในกระทรวงสาธารณสุข องค์การเภสัชกรรม สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และ นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน นำโดย นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร ได้รายงานว่า
จากการหารือทุกฝ่ายได้ข้อยุติว่า จะจัดหาวัคซีนอีก 2-3 ยี่ห้อเพิ่มเติม ประมาณ 35 ล้านโดส นอกเหนือจากที่ดำเนินการไว้แล้วประมาณ 65 ล้านโดส ในจำนวน 35 ล้านโดส ภาคเอกชนนำโดยสภาหอการค้าไทย จะช่วยรัฐบาลจัดหาให้กับพนักงานลูกจ้างเองด้วยประมาณ 10-15 ล้านโดส ซึ่งก็จะช่วยลดงบประมาณของรัฐบาลลงไปอีก สำหรับกระบวนการต่อไป ให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการโดยเร่งด่วน และเป็นไปตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ ผมได้สั่งการให้วางแผนกระจายและฉีดวัคซีนที่จัดหาทั้งหมดให้เสร็จสิ้นภายในเดือนธันวาคม 2564 นี้”
อ่านดูเผินๆก็ดีนะครับ นายกฯสั่งการให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง เร่งจัดหาวัคซีนและฉีดวัคซีนให้หมดภายในสิ้นเดือนธันวาคม 2564 แต่ในความเป็นจริงจะทำได้อย่างที่นายกฯสั่งหรือไม่ ผลงานที่ผ่านมาพิสูจน์แล้ว แม้แต่ชื่อวัคซีนยี่ห้อต่างๆ นายกฯยังพูดผิดพูดถูก เหมือนคนที่เพิ่งเคยผ่านตาชื่อวัคซีนเหล่านี้เป็นครั้งแรก
เช้าวันพุธเหมือนกัน สำนักข่าวเกียวโด รายงานจากญี่ปุ่นว่า
ญี่ปุ่นคาดว่าจะได้รับวัคซีนโควิด-19 จากไฟเซอร์เพิ่มอีก 50 ล้านโดส หลังจากที่ นายโยชิฮิเดะ สึกะ นายกฯญี่ปุ่น ได้โทรศัพท์ไปคุยกับ นายอัลเบิร์ต เบอร์ลา ซีอีโอไฟเซอร์ เมื่อวันเสาร์ เพื่อสั่งซื้อวัคซีนเพิ่มจากคำสั่งซื้อเดิม 144 ล้านโดส ให้เพียงพอต่อการฉีดคนละ 2 โดส ให้กับชาวญี่ปุ่น 97 ล้านคน นายกฯสึกะกล่าวว่า รัฐบาลคาดหวังว่าจะสามารถจัดหาวัคซีนให้เพียงพอกับชาวญี่ปุ่น 126 ล้านคน ภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้
...
ผมเอาข่าวการจัดหาวัคซีนของ นายกฯไทย กับ นายกฯญี่ปุ่น มาลงให้อ่านเทียบกันดู เพื่อให้เห็น “วิธีการทำงาน” ของ นายกฯญี่ปุ่น กับ นายกฯไทย ว่าต่างกันอย่างไร
นายกฯญี่ปุ่นลงมือทำเอง โทรศัพท์ไปคุยกับ ซีอีโอไฟเซอร์ ด้วยตัวเอง เพื่อขอซื้อวัคซีนโควิดเพิ่ม เพราะนายกฯญี่ปุ่นรู้ดีว่า วินาทีนี้การสั่งซื้อวัคซีนเพิ่มเป็นเรื่องยาก ต้องใช้ระดับนายกฯโทร.คุยกับซีอีโอไฟเซอร์ จึงจะสำเร็จ ซึ่งก็สำเร็จจริงๆ
แต่วิธีการทำงานของ นายกฯไทย ไม่ต้องทำเอง ตั้งคณะกรรมการกระทรวงสาธารณสุขหน้าเดิมๆขึ้นมาอีกชุด แล้วเพิ่ม นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน เข้าไปอีกคน เพิ่งประชุมนัดแรกวันจันทร์ สรุปว่าต้องซื้อวัคซีนเพิ่มอีก 35 ล้านโดส เอกชนออกเงินให้ 10-15 ล้านโดส แล้วรายงานให้นายกฯทราบ นายกฯก็สั่งให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องไปเร่งจัดซื้อโดยด่วน ถ้าหน่วยงานราชการสามารถสั่งซื้อได้ ก็คงสั่งซื้อไปนานแล้ว
แม้แต่ วัคซีนแอสตราเซเนกา 61 ล้านโดส ที่นายกฯบอกว่าจะได้ต้นเดือนมิถุนายน 6 ล้านโดส นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีสาธารณสุข ประธานคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนโควิด-19 ให้สัมภาษณ์ นสพ.ประชาชาติธุรกิจ ว่า “ตอนนี้ต้องรู้ให้แน่นอนก่อนว่า วัคซีนจะมาเมื่อไหร่ ส่งมอบครั้งเดียว 6 ล้านโดส หรือแบ่งเป็น 3 ล้านโดส 2 ครั้ง เป็นรายละเอียดที่ยังไม่ชัดเจน เมื่อทราบรายละเอียดตรงนี้ ก็ต้องไปลงรายละเอียดว่า โรงพยาบาลฉีดได้เท่าไหร่ แล้วจะเปิดให้จองอย่างไร”
แสดงว่าถึงวันนี้ รัฐบาลเองยังไม่รู้ว่าจะได้วัคซีนวันไหน? ว้าเหว่ไหม?
นพ.โสภณ บอกว่า “คิดว่า 1 พฤษภาคม จะพยายามให้จองคิวได้ แต่จองเสร็จแล้วจะเริ่มฉีดวันไหน พูดตรงๆว่าก็ยังไม่กล้าพูด” ผมอยากให้ นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ ลงมากำกับเรื่องวัคซีนด้วยตัวเองเพื่อให้ฉีดได้ตามแผน เลิกลอยตัวเสียทีเถอะครับ.
“ลม เปลี่ยนทิศ”