ชวน หลีกภัย ประธานสภา โชว์สปิริต ยังไม่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้บุคลากรทางการแพทย์ฉีดให้ครบก่อน มั่นใจ การระบาดไม่ส่งผลการพิจารณากฎหมายสำคัญ
วันที่ 19 เม.ย. ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัย ภายในรัฐสภา จากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่กำลังระบาดหนักระลอกใหม่ หลังหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์ ว่า ทางสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้สั่งการไปหมดแล้ว โดยให้เพิ่มความเข้มงวด และมีการทำงานจากบ้าน หรือเวิร์กฟอร์มโฮม ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีข้าราชการสภาฯ คนใดติดเชื้อโควิด-19
ส่วนความคืบหน้าการดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับ ส.ส. ข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐสภานั้น ได้ดำเนินการระหว่าง 16 - 30 เม.ย.2564 โดยมีผู้เข้าชื่อแจ้งความประสงค์สมัครใจจะฉีดวัคซีน ประมาณ 200 คน โดยจากการสอบถาม รองนายกรัฐมนตรีโดยตรง ทราบว่า มีแพทย์ในพื้นที่ต่างจังหวัดยังไม่ได้ฉีด เพราะวัคซีนไม่เพียงพอ แต่เชื่อว่า เมื่อกระบวนการผ่านคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้วก็น่าจะทั่วถึง เพราะเท่าที่รับฟังทราบว่าภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ แพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ น่าจะฉีดวัคซีนได้หมด
เมื่อถามว่า ส่วนตัวได้ฉีดวัคซีนแล้วหรือยัง นายชวน กล่าวว่า ตนรอให้บุคลากรทางการแพทย์ฉีดวัคซีนให้ครบก่อนทุกคน ซึ่งตนก็ได้สอบถามไปว่า เขาจะได้ฉีดกันเมื่อไร เขาก็บอกว่า ภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ ไม่เช่นนั้นจะหาว่า นักการเมืองเอาไปก่อน ขณะที่บุคลากรผู้เสี่ยงต่อการติดเชื้อยังไม่ได้ฉีด ตนจึงรอให้เขาเรียบร้อยก่อน
“ไม่ใช่ว่าคนที่ไม่ฉีดแล้วจะติดเชื้อ เราต้องระมัดระวังตัวเอง ก็เห็นใจ ส.ส.ที่มีความเสี่ยง เพราะสัมผัส คนเยอะ และไปออกงานต่างๆ เกือบทุกวัน แต่คนที่เสี่ยงกว่าพวกเราก็มี คือ บุคลากรทางการแพทย์แนวหน้า ทั้งนี้วิธีที่ดีที่สุด คือ ทุกคนอย่าหวังพึ่งวัคซีนเพียงอย่างเดียว แต่ต้องพึ่งตัวเอง หลีกเลี่ยงไม่ไปอยู่ในเหตุการณ์ที่อาจจะติดเชื้อได้ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงและช่วยสังคมส่วนรวม ส่วน ส.ส.ฉีดแล้วเมื่อพบกับชาวบ้านเขาจะมั่นใจหรือไม่ ผมมองว่า ชาวบ้านไม่ได้สนใจว่า ส.ส.ฉีดหรือไม่ฉีด เพราะอยากมาจับมือ และอยากมาอยู่ใกล้มากกว่า” นายชวน กล่าว
...
นายชวน ยังกล่าวถึงการบรรจุญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคพลังประชารัฐ เข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมของรัฐสภา ว่า ต้องรอเปิดประชุมสภาสมัยสามัญ 22 พ.ค.นี้ก่อน จากนั้นจะใช้เวลา 15 วัน พิจารณาเพื่อบรรจุญัตติ แต่จะประชุมเมื่อใดนั้น ต้องรอพิจารณาอีกครั้ง เช่นเดียวกับการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ หากรัฐสภามีความพร้อมก็สามารถพิจารณาต่อใน วาระที่ 2 ได้ทันที
ส่วนการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 วาระแรกนั้น ยังไม่ได้กำหนดวันและระยะเวลาในการพิจารณา แต่ได้ขอความร่วมมือให้คณะรัฐมนตรี เร่งส่งร่างงบประมาณดังกล่าวมายังสภาล่วงหน้า เพื่อให้ ส.ส.ได้ศึกษารายละเอียดก่อน และเพื่อให้ทันตามกรอบ ที่สำนักงบประมาณกำหนด ขณะนี้ได้ช่วยพิจารณาติดตามดูเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาล ที่มีข้อเสนอไปยังสำนักงบประมาณ ซึ่งงบส่วนใดที่ไม่มีความจำเป็น เช่น งบดูงาน งบไปต่างประเทศ ก็ให้จัดสรรไปที่หน่วยงานที่มีความจำเป็น โดยไม่ต้องรอการแปรญัตติในชั้นกรรมาธิการของสภา มั่นใจว่า สถานการณ์ โควิด-19 จะไม่กระทบต่อการพิจารณากฎหมายสำคัญ รวมถึงร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี เนื่องจาก ส.ส.ยังคงต้องทำหน้าที่ต่อไป