“อนุทิน” เล็งชง ศบค. ห้ามสังสรรค์ในครอบครัว เชื่อคุมเข้มโควิด 2 สัปดาห์สถานการณ์ดีขึ้น ยัน มีเตียงเพียงพอ ใครติดเชื้อกักตัวในบ้าน-เว้นระยะห่างรอรถไปรับ เน้นฉีดวัคซีนบุคลากรทางการแพทย์ก่อน

เมื่อเวลา 12.40 น. วันที่ 16 เม.ย. 2564 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ชุดใหญ่ ว่า จะนำมติคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ที่ประชุมกันเมื่อวันที่ 15 เม.ย. เสนอต่อที่ประชุม คือ การปรับสีของพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งการเดินทางของประชาชนยังคงเดินทางไปมาได้ แต่ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละจังหวัดว่าจะออกมาตรการอย่างไร รวมถึงให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจตัดสินใจเรื่องการออกนอกเคหสถานเช่นที่ จ.สมุทรสาคร เคยประกาศก่อนหน้านี้ เพราะเขาทราบถึงสถานการณ์ในจังหวัดดี

...

ส่วนภาพรวมของทั้งประเทศ เราพยายามจะให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด แต่มาตรการต่างๆ เราจะเข้มข้นขึ้น เช่น การจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารหรือสถานประกอบการต่างๆ จะเสนอขอให้งด ขณะที่ผับ บาร์ คาราโอเกะ ก็ขอให้ปิดไปจนถึงสิ้นเดือนนี้ เพราะหวังว่าถ้าคนรวมกลุ่มกันน้อยลงจะลดการแพร่ระบาดได้

“การจำหน่ายสุราในร้านค้าทั่วไป หากจะไปกินที่บ้านก็โอเค แต่เป็นการขอความร่วมมือ เพราะเราไม่อยากบังคับกันขนาดนั้น ไม่ใช่ว่าพอห้ามขายในร้านอาหารแล้วนัดกันที่บ้าน เพราะเรามีข้อกำหนดที่จะเสนอ ศบค.วันนี้อีกด้วยว่า ไม่ให้เลี้ยงสังสรรค์กันสำหรับคนในครอบครัว”

เมื่อถามถึงกระแสข่าวการรวมกลุ่มเล่นการพนันในโรงพยาบาลสนาม นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงาน คงไม่มีถึงขนาดนั้น ผู้ป่วยในโรงพยาบาลสนามทุกคนถือเป็นผู้ป่วยจะไม่มีการแพร่เชื้อกันเพิ่มขึ้น แต่ถ้ามีการตั้งวงเล่นการพนันกันก็คงต้องออกจากโรงพยาบาลสนามไปเข้าคุก เรื่องนี้ผู้รับผิดชอบในโรงพยาบาลสนามคงต้องไปดูแล แต่หากเป็นการเล่นเพื่อผ่อนคลายไม่ใช่การพนัน คลายเครียดเล่นดีดนิ้ว ไม่ได้แพร่กระจายเชื้อก็โอเค

ทั้งนี้ วงรอบของการแพร่เชื้อจะอยู่ที่ 2 สัปดาห์ ขอให้เราอึดกันอีก 2 สัปดาห์มันต้องดีขึ้น แม้อาจจะไม่เป็นศูนย์ แต่เมื่อมีมาตรการมา 2 สัปดาห์นี้ตัวเลขจะลดลง ดังนั้น 2 สัปดาห์หลังจากนี้เราคิดว่าน่าจะตัดวงจรได้ระดับหนึ่ง แต่ถ้าเข้มสุดๆ ก็กังวลว่าประชาชนจะเดือดร้อน เราพยายามทำในระดับที่ระบบสาธารณสุขยอมรับได้ และเมื่อได้รับความร่วมมือจากประชาชนจะสามารถประดับประคองสถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติได้

สำหรับเตียงพยาบาลยืนยันว่ามีเพียงพอ แต่ขอความร่วมมือประชาชนว่าแม้เตียงจะเพียงพอแต่บุคลากรทางการแพทย์เรามีเท่านี้ ดังนั้นเมื่อเราใช้มาตรการที่เข้มข้นอยู่ในช่วงนี้ ก็หวังว่าเมื่อประชาชนให้ความร่วมมือป้องกันตัวเอง จำนวนผู้ป่วยในแต่ละวัน 1 สัปดาห์หลังจากนี้จะค่อยๆ ลดลงไป และเท่าที่ทราบ กทม. ก็เตรียมโรงพยาบาลสนามไว้แล้ว ถ้าไม่ถึงขั้นจำเป็นมากๆ เราก็อยู่ในระบบสาธารณสุข อยู่ในโรงพยาบาลจะดีกว่า แต่ถ้าเราไม่มีมาตรการอะไรเลยแบบนั้นจะไม่พอ จำเป็นต้องใช้โรงพยาบาลสนาม และต้องเน้นการรักษาที่บ้าน เราไม่อยากให้ไปถึงจุดนั้น

“ตอนนี้ยังดูแลไหวอยู่ ก็อยากให้ทุกคนได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างเต็มที่ แต่ก็ยอมรับว่าการเข้ารักษาตัวของประชาชนยากกว่าเดิมเพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงกว่าก่อนหน้านี้ ตอนนี้ถ้าใครเป็นก็ขอว่าให้กักตัวอยู่ในบ้านและเว้นระยะห่างกันที่สุด หน้ากากอนามัยต้องไม่หลุด ระบบก็จะไล่ส่งรถไปรับให้ทุกคนมารักษาพยาบาล และตอนนี้ก็เริ่มมีการให้ผู้ป่วยที่มีรถส่วนตัวให้เข้ามาที่โรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการรักษา เป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน”

อย่างไรก็ตาม นายอนุทิน ยังกล่าวถึงแผนการกระจายวัคซีนโควิด-19 ที่เพิ่งได้รับมา 1,000,000 โดส เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา จะเน้นกระจายไปที่บุคลากรทางการแพทย์ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ และยืนยันเราไม่ปิดกั้นการจัดหาวัคซีน พร้อมให้ทุกฝ่ายดำเนินการ.