“ปิยบุตร” นำทีมกลุ่ม Resolution คิกออฟแคมเปญรื้อซาก “ระบอบประยุทธ์” หวัง 6 เดือนได้ถึงล้านชื่อ หมวด 1-2 เอาไว้ก่อน เป้าหมายหลักล้างมรดกบาป คสช. “ไอติม” ชูสภาเดี่ยว 500 ส.ส. สกัด “แก๊งลุง” สืบทอดอำนาจ ก้าวไกลฉะแผนปฏิรูปสุดห่วยยังจะเอาไว้หรือ ซัด ส.ว.พวกขวางความก้าวหน้า “ภูมิธรรม” ชงแก้ทั้งฉบับตีคู่กันไป ปชป.ยก 6 ร่างฯเสร็จรอจับเข่าคุย ภท.-ชทพ. “โอ๊ค” หยอกเจ็บ “ลุงป้อม” แจกขัน “ศรีฯ” ขาประจำจี้ กกต.สอบแจกขันสงกรานต์ ปชป.ทำบุญก่อตั้งพรรคครบ 75 ปี “จุรินทร์” ฝันกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ อึ้งกันทั้งพรรค “นิพิฏฐ์” ไขก๊อกพ้นรองหัวหน้าฯ
การเมืองเข้าสู่ช่วงเข้าด้ายเข้าเข็ม กลุ่ม Resolution ที่ประกอบไปด้วยคณะก้าวหน้า กลุ่มไอลอว์ กลุ่มรัฐธรรมนูญก้าวหน้า และพรรคก้าวไกล นำโดยนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า คิกออฟแคมเปญรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราปลดอาวุธ คสช. “ขอคนละชื่อรื้อระบอบประยุทธ์”
คิกออฟรื้อซาก “ระบอบประยุทธ์”
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 6 เม.ย. ที่ตึกคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กลุ่ม Resolution ประกอบด้วย คณะก้าวหน้า กลุ่มไอลอว์ กลุ่มรัฐธรรมนูญก้าวหน้า และพรรคก้าวไกล นำโดยนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า เปิดตัวแคมเปญรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา ปลดอาวุธ คสช. ภายใต้สโลแกน “ขอคนละชื่อรื้อระบอบประยุทธ์” มีการตั้งโต๊ะให้ประชาชนร่วมลงชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก นอกจากประชาชนทั่วไปแล้วยังมีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือมายด์ แกนนำราษฎร รวมถึง ส.ส.พรรคก้าวไกล อาทิ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลงชื่อเข้าร่วมกิจกรรมด้วย และมีประชาชนมาเข้าชื่อจำนวนมาก
...
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าก่อนงานจะเริ่มมีรถตำรวจมาจอดบริเวณหน้าคณะนิติศาสตร์ และมีตำรวจนอกเครื่องแบบมาคอยสังเกตการณ์ หลายนายด้วย
“ปิยบุตร” หวัง 6 เดือนได้ถึงล้านชื่อ
นายปิยบุตร เเสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า กล่าวว่า การเข้าชื่อเป็นการใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ของประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้ง 50,000 คน เสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญต่อรัฐสภา หลายคนห่วงล่ารายชื่อไปก็หวั่นจะโดนตีตกอีก แต่ครั้งนี้แตกต่างจากเดิมพุ่งตรงใจกลางปัญหา คือ ส.ว. 250 คน ถ้าได้รายชื่อหลายแสนคนหรือเป็นล้าน ส.ว.ทั้ง 250 คนจะถูกกดดัน ผลลัพธ์ทางการเมืองจะเปลี่ยนไปแน่นอน วันนี้ครบ 4 ปีของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ถึงเวลาต้องมาทบทวน ตั้งเป้า 6 เดือนต้องให้ได้เกิน 50,000 ชื่อ หรืออาจถึงหลักแสนหลักล้าน เพื่อให้เป็นนัยสำคัญส่งเสียงไปถึงสถาบันการเมือง และ ส.ว.
เป้าหมายหลักล้างมรดกบาป คสช.
เมื่อถามว่า การไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2 เป็นการลดเพดาน เพื่อเพิ่มแนวร่วมใช่หรือไม่ นายปิยบุตรตอบว่า ยังยืนยันว่ารัฐธรรมนูญใหม่ต้องทำทั้งฉบับ โดยเฉพาะในหมวด 2 มีหลายส่วนที่ต้องปรับปรุงแก้ไข และรัฐธรรมนูญไทยไม่ได้ห้ามการแก้หมวด 1 และหมวด 2 แต่การรณรงค์ครั้งนี้ เรามุ่งเน้นไปที่กลไกขัดขวางการแก้รัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการสืบทอดอำนาจของ คสช. ส่วนประเด็นสำคัญอื่นที่เกี่ยวข้อง จะรณรงค์ทางความคิดและทางวิชาการต่อไป วันนี้เรามุ่งเป้าที่ 4 ประเด็นใหญ่ คือ ยกเลิกวุฒิสภา โละศาลรัฐธรรมนูญเรื่องขององค์กรอิสระ ยกเลิกแผนยุทธศาสตร์ และแผนปฏิรูปประเทศ ล้างมรดกคณะรัฐประหาร การไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้สนใจเรื่องนั้น วันนี้เราแค่รณรงค์ 4 ประเด็นนี้ก่อน
“ไอติม” ชูสภาเดี่ยวมีแต่ ส.ส.
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือไอติม แกนนำกลุ่มรัฐธรรมนูญก้าวหน้า กล่าวว่า ถ้าจะสกัดกั้นการสืบทอดอำนาจได้ จำเป็นต้องมีรัฐสภาเดี่ยวที่มีแต่ ส.ส. มาจากการเลือกตั้ง 500 คน ต้องปฏิรูปที่มา รวมถึงอำนาจศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ ปัจจุบันต้องผ่านการรับรองจาก ส.ว.ที่ประชาชนขาดความศรัทธา และตั้งคำถามถึงความเป็นกลาง การยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนปฏิรูปประเทศ สุดท้ายคือการล้างมรดกรัฐประหาร โดยการยกเลิกมาตรา 279 ที่มีการนิรโทษกรรมให้คำสั่ง คสช.ทุกฉบับเป็นเรื่องที่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้นต้องยกเลิกมาตรานี้ เพื่อหวังให้ประเทศไทยปลอดการรัฐประหาร
รื้อระบอบขุนศึก-ศักดินา-พ่อค้า
ที่ห้อง LT1 ชั้น 1 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์นายประจักษ์ ก้องกีรติ รองคณบดีคณะรัฐศาสตร์ มธ. กล่าวเสวนาในหัวข้อ “ระบอบประยุทธ์ : ทหาร ทุน วงจรอุบาทว์การเมืองไทย” ว่า ระบอบประยุทธ์ เป็นระบบที่ให้ทหารเข้าแทรกแซงการเมือง เครือข่ายแม่น้ำ 5 สายของ คสช.หนึ่งในนั้นคือ ส.ว. ถูกเรียกว่าสภาปรสิต รัฐธรรมนูญ 2560 เป็นไปเพื่อค้ำจุนระบอบประยุทธ์ นโยบายประชารัฐทุนนิยมแบบช่วงชั้น ทั้งแจกเงิน และแจกขัน เอื้อประโยชน์กลุ่มทุนใหญ่ ให้ทหารใช้อำนาจแบบสมบูรณาการ ออกคำสั่ง คสช.จำนวนมากย้ายข้าราชการแบบไม่มีการสอบสวน เป็นรัฐที่ใช้ความรุนแรง ใช้กฎหมายเพื่อกำจัดคนเห็นต่าง เป็นระบอบขุนศึก-ศักดินา-พ่อค้า วันนี้คือจุดนับหนึ่งเพื่อรื้อถอนเงื่อนไขของระบอบคณาธิปไตย ที่ไม่ยึดโยงกับประชาชนให้ออกจากอำนาจไป
ผุดไอเดียตั้งผู้ตรวจการกองทัพ
ต่อมานายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า กล่าวบรรยายว่า วันนี้กองทัพเป็นแดนสนธยาถ้าอยากให้กองทัพตรวจสอบได้จริง สอดคล้องกับหลักการรัฐบาลพลเรือนต้องอยู่เหนือกองทัพ สภาผู้แทนราษฎรต้องเข้าไปมีบทบาท จึงเสนอให้มีคณะผู้ตรวจการกองทัพมี ส.ส. 10 คน จากฝ่ายค้าน 5 คน และฝ่ายรัฐบาล 5 คน ทำหน้าที่ตรวจสอบงบประมาณกองทัพ โครงการจัดซื้อจัดจ้าง การซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ให้คณะผู้ตรวจการกองทัพเข้าไปเป็นกรรมการสภากลาโหม จากเดิมที่เป็นทหารทั้งหมด และขอเสนออีกเรื่องคือให้นายกฯต้องเป็น ส.ส. ถ้าไม่เขียนเอาไว้จะเจอนายทหารมาเป็นนายกฯทุกครั้ง ต้องโละศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระ เพราะทำให้เกิดวิกฤติการเมืองถูกมองว่าขาดการถ่วงดุล มีขึ้นมาเพื่อกำจัดฝ่ายตรงข้าม
ฉะปฏิรูปสุดห่วยยังจะเอาไว้หรือ
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ที่ประชุมพรรคมีการหารือแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยืนยันกรอบจะแก้ไขคือแผนการปฏิรูปประเทศ และแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่ใช้ไม่ได้ผลในสถานการณ์ปัจจุบัน ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ยังคงยืนยันถึงความจำเป็นนั้น ถามว่ารัฐบาลตอบสนอง ต่อการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ได้ดีหรือไม่ เคยคุยโวว่าไทยจะฉีดวัคซีนเป็นชาติแรกของโลก แต่วันนี้เราฉีดวัคซีนช้ากว่าอินโดนีเซีย กระบวนการวิธีคิดก็แย่ แล้วยังจะยึดวิธีคิดแย่ๆ ต่อไปอีกหรือ หากปฏิรูปการศึกษาได้จริงจะยังมีโรงเรียนบนเขา ที่ถูกบังคับให้เรียนออนไลน์ทั้งที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ได้อย่างไรแล้วยังยืนยันจะให้มีแผนยุทธศาสตร์ชาติในรัฐธรรมนูญอีกหรือ
ซัด ส.ว.พวกขวางความก้าวหน้า
นายวิโรจน์กล่าวอีกว่า ส่วน ส.ว. 250 คน ที่มีส่วนสำคัญกับการปฏิรูปประเทศ ชัดเจนแล้วว่า ส.ว.เหล่านี้เข้ามาลิดรอนสิทธิ ส.ส.ในการออกกฎหมายสำคัญ ทำให้ประเทศไม่พัฒนา ล่าสุดร่าง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารราชการ ที่ ครม.เพิ่งผ่านความเห็นชอบ กำลังจะเข้าสู่สภา แต่จะมีการอ้างเรื่องความมั่นคง หรือสถาบันฯ มาเป็นเกราะไม่ให้เกิดการตรวจสอบหรือไม่ ปากบอกต้องแก้คอร์รัปชัน แต่กลับไม่มีความโปร่งใสเรื่องการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ นี่คือความล้าหลังของการปฏิรูปประเทศชัดเจน คนที่ขวางการปฏิรูปประเทศที่ชัดเจนคือ ส.ว. 250 คน ต้องตั้งคำถามว่าควรมี ส.ว. 250 คนอยู่ในรัฐธรรมนูญหรือไม่
“ภูมิธรรม” ชงแก้ทั้งฉบับตีคู่กันไป
นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญยังต้องยืนยันหนทางการแก้ไขทั้งฉบับโดยประชาชน เพราะเป็นการแก้ไขที่ต้นตอ ลดการสืบทอดอำนาจ สร้างความเชื่อมั่น เป็นหนทางการแก้วิกฤติชาติ ส่วนการแก้ไขรายมาตราที่ตรงประเด็นและมีผลต่อการลดวิกฤตินั้น สามารถทำคู่ขนานได้ คือการแก้ไขการดำรงอยู่ของ ส.ว. โดยเฉพาะอำนาจการเลือกนายกฯ เพราะเป็นการใช้อำนาจที่ตอบสนองคณะบุคคลที่เลือก ส.ว.เข้ามา แต่ไม่สอดคล้องเจตนารมณ์คนส่วนใหญ่ ถือเป็นการแก้ไขวิกฤติประเทศได้ตรง สอดคล้อง และเกิดประโยชน์กับประเทศมากที่สุด
ปชป.พร้อมจับเข่าคุย ภท.-ชทพ.
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช ประธานวิปพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคจัดทำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น 6 ประเด็นเรียบร้อยแล้ว อาทิ มาตรา 256 ว่าด้วยการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญต้องทำได้ง่ายขึ้น ให้ใช้เสียงเพียง 3 ใน 5 การแก้ไขมาตรา 272 เรื่องการให้ ส.ว.มีอำนาจเลือกนายกฯ มาตรา 88 และมาตราเกี่ยวกับการส่งบัญชีรายชื่อ 3 นายกฯ รวมถึงมาตราเกี่ยวกับการตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจ และถอนถอดคณะกรรมการ ป.ป.ช. จากที่ให้เสนอผ่านประธานรัฐสภา ให้กลับไปใช้กลไกเสนอผ่านองค์กรอิสระ และส่งให้ประธานศาลฎีกา ส่วนระบบการเลือกตั้งเสนอแก้ไข 4 มาตรา ให้มี ส.ส. แบ่งเขต 400 เขต เลือกแบบ 1 บัตร 1 คน และมี ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน มั่นใจว่าจะได้รับความร่วมมือ และมีความเป็นไปได้ เพียงแต่ขอร้องทุกฝ่ายต้องมีความจริงใจ
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การแก้รัฐธรรมนูญยังไม่อยากให้ สรุปว่าจะไม่สำเร็จ พรรคประชาธิปัตย์ต้องการเดินหน้าไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย ทำให้การเมืองนิ่ง ไม่มีประเด็นขัดแย้งเพราะเหตุของรัฐธรรมนูญ ขณะนี้ยกร่างเสร็จแล้ว 6 ร่าง จากนี้จะได้นำไปหารือร่วมกันกับพรรคภูมิใจไทย และพรรคชาติไทยพัฒนาต่อไป หากมีความเห็นสอดคล้องร่วมกันก็จะได้นำไปหารือต่อในวิปรัฐบาลต่อไป
พปชร.ชิงยื่นก่อนไม่รอพรรคร่วม
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ช่วงบ่ายวันที่ 7 เม.ย. จะยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา5ประเด็น รวม 13 มาตรา ต่อประธานรัฐสภา ยืนยันไม่ทบทวนแม้จะสวนทางกับแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญของ 3 พรรคร่วมรัฐบาล ส่วนที่ระบุว่าเป็นร่างที่ไม่แตะอำนาจของ ส.ว.เลยนั้น ไม่เป็นความจริง มีการเสนอแก้ไขในบทเฉพาะกาลมาตรา 270 เรื่องอำนาจของ ส.ว.ในการปฏิรูปประเทศและยุทธศาสตร์ให้เป็นอำนาจของรัฐสภา ให้ ส.ส.เข้าไปติดตามการทำงานด้วย เพื่อประโยชน์ของประชาชน ไม่สร้างความขัดแย้ง และให้สำเร็จเป็นรูปธรรม ส่วนใครจะขอแก้ไขลดอำนาจ ส.ว.ก็มีสิทธิยื่นเช่นกัน
พท.เฉ่ง “ลุงตู่” อวดรู้แก้ปม ศก.
ขณะที่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประชาชนสับสนกับท่าทีนายกฯที่พูดกลับไปกลับมา วันหนึ่งยอมรับว่าเศรษฐกิจมีความเสี่ยงสูง อีกวันยืนยันการคลังไทยแข็งแกร่ง ทำให้คนเกิดความสงสัยถึงสถานะเศรษฐกิจประเทศ อยากให้ข้อมูลที่แท้จริงจะได้เตรียมตัวให้เข้ากับสถานการณ์เศรษฐกิจในอนาคต ความจริงที่น่ากังวลคือเศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงสูงจริง รายได้ต่ำ ใช้จ่ายสูง ต้องกู้เงินอุดงบประมาณไปอีก 5 ปี ตามที่กระทรวงการคลังรายงาน สัญญาณส่ออาการทรุดต่อเนื่อง จากความล้มเหลวในการบริหารของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ พอเก็บภาษีได้ไม่ตรงเป้าก็มีแนวคิดขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ซ้ำเติมประชาชน พอถูกตำหนิมากจึงปฏิเสธ ปัญหาเศรษฐกิจนี้เกิดจากผู้นำขาดความรู้ความสามารถ แต่พยายามอวดรู้ จนคนจะทนไม่ไหวต้องออกมาไล่กันทุกสีเสื้อ ยิ่งนายกฯพยายามถ่วงการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อสืบทอดอำนาจ ยิ่งทำให้ประชาชนโกรธแค้น สถานการณ์ไทยในสายตาต่างประเทศไม่ต่างจากพม่า รอวันที่ความขัดแย้งรุนแรงปะทุขึ้นเท่านั้น
“โอ๊ค” หยอกเจ็บ “ลุงป้อม” แจกขัน
วันเดียวกัน นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ผ่านทวิตเตอร์ระบุว่า “เทศกาลสงกรานต์ ลุงถือโอกาสแจกขัน แนะนำอาชีพใหม่ให้คนไทย เนียนนะลุง คนไทยเคยทำมาค้าขาย พอลุงยึดอำนาจ เปลี่ยนเป็นขายรถ ขายบ้าน ขายที่ ขายสมบัติเก่ากินกันเป็นแถว อยู่มา 7 ปี ลุงแจกขันที หากอยู่จนครบเทอมคนไทยถือขันกันทั้งประเทศ แล้วใครจะเป็นคนหยอดเงินครับลุง!!”
“ศรีฯ” จี้ กกต.สอบแจกขันสงกรานต์
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า เตรียมยื่นร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ไต่สวนกรณีพรรคพลังประชารัฐ โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จัดทำขันน้ำจำนวน 2 แสนใบ แจกให้ ส.ส.พรรคนำไปแจกจ่ายประชาชนในพื้นที่เลือกตั้งช่วงสงกรานต์ อาจขัดต่อระเบียบ กกต.ว่าด้วยจำนวนหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการให้ตามประเพณี หรือเมื่อมีเหตุอันสมควร เนื่องจากระเบียบดังกล่าวระบุชัดเจน การให้เงิน ทรัพย์สินที่เป็นการให้ตามประเพณี ต้องมีมูลค่าไม่เกิน 3,000 บาท การแจกขัน 2 แสนใบ ถ้าตีราคาต่อใบตามท้องตลาดตกใบละ 10 บาท ไม่รวมการสกรีนชื่อบนขัน ดูแล้วมีมูลค่าเกิน 3,000 บาท จึงขอให้ กกต.ตรวจสอบว่าผิดระเบียบหรือไม่
ปชป.ทำบุญก่อตั้งพรรคครบ 75 ปี
เวลา 08.15 น. พรรคประชาธิปัตย์จัดพิธีทำบุญครบรอบ 75 ปีก่อตั้งพรรค มีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรค แกนนำพรรค ผู้บริหารพรรค อาทิ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค รวมถึง ส.ส. อดีต ส.ส. และสมาชิกพรรค เข้าร่วมพิธีทางศาสนา 3 ศาสนา คือ อิสลาม พราหมณ์ พุทธ ในช่วงพิธีพราหมณ์ มีการจัดบวงสรวงพระแม่ธรณีบีบมวยผม ตั้งเครื่องสักการะเพียงผลไม้และขนมหวาน เพราะเป็นการทำพิธีพราหมณ์แบบฮินดูแท้ ห้ามมิให้มีเนื้อสัตว์ หรือทำให้เกิดเลือดตกยางออกภายในบริเวณพิธี นอกจากนั้นยังนำพระสยามเทวาธิราช และพญาครุฑ มาร่วมประกอบพิธีด้วย
“จุรินทร์” มั่นใจกลับมาทวงยิ่งใหญ่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในงานเป็นไปอย่างคึกคัก มีตัวแทนจากพรรคร่วมรัฐบาล อาทิ พรรคภูมิใจไทย นำโดยนายสรอรรถ กลิ่นปทุม ประธานที่ปรึกษาพรรค และนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ รวมทั้งนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ที่ระบุว่ามาในนามส่วนตัว นำแจกันดอกไม้ร่วมแสดงความยินดีด้วย นายจุรินทร์กล่าวระหว่างประกอบพิธีว่า ในอดีตพรรคประชาธิปัตย์เคยทั้งตกต่ำ รุ่งเรือง แต่สามารถผ่านพ้นมาได้ราบรื่น กลับมายิ่งใหญ่ได้อีกหลายครั้ง วันนี้จะมีการเปิดตัว QR Code Democrat for All เพื่อเปิดรับเลือดใหม่คนรุ่นใหม่เข้าร่วมอุดมการณ์ เมื่อถามว่านายสนธิรัตน์ ถือเป็นเลือดใหม่หรือไม่หากจะมาร่วมงาน นายจุรินทร์ตอบว่า หากสนใจร่วมอุดมการณ์กับพรรคก็ถือว่าเป็นเลือดใหม่ นายสนธิรัตน์ถือเป็นคนที่มีศักยภาพ
“สนธิรัตน์” กั๊กเข้าค่ายพระแม่ธรณี
ด้านนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงแนวโน้มการร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ว่า ยังไม่มีการพูดคุย วันนี้มาร่วมอวยพร ส่วนอนาคตทางการเมืองยังไม่ทราบว่า เป็นอย่างไร ตอนนี้ยังไม่คิดทำอะไร ยังไม่รู้ว่ารัฐธรรมนูญไปทางไหน เป็นกำลังใจให้รัฐบาลและพรรคร่วม แม้ไม่ได้อยู่ในรัฐบาลแล้ว วันนี้ไม่ได้มาเพื่อการเมือง มาด้วยความสัมพันธ์ความผูกพันส่วนตัว
“นิพิฏฐ์” ไขก๊อกรองหัวหน้าพรรค
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลรับผิดชอบพื้นที่ภาคใต้ ได้ยื่นใบขอลาออกจากตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ ผ่าน น.ต.สุธรรม ระหงษ์ ผอ.พรรคประชาธิปัตย์แล้ว เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ซึ่งเป็นวันเกิดครบรอบ 75 ปี ย่างเข้าปีที่ 76 ของพรรคประชาธิปัตย์ ท่ามกลางความมึนงงของเหล่าสมาชิก ส.ส. อดีต ส.ส.ภาคใต้ นายนิพิฏฐ์เปิดเผยถึงสาเหตุลาออกว่า เป็นมา 3 สมัยแล้ว คิดว่าเมื่อสถานการณ์การเมืองเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม การเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนพัฒนาดูแลพื้นที่รับผิดชอบปักษ์ใต้น่าจะเป็นสิ่งที่ดี ประกอบกับการไม่ได้เป็น ส.ส. น่าจะให้คนที่เป็น ส.ส.เข้ามาทำหน้าที่นี้จะเหมาะสมกว่า จึงยื่นใบลาออกจากตำแหน่งเมื่อเช้านี้ แต่ยืนยันว่ายังเป็นสมาชิกพรรคและช่วยงานพรรคต่อไปแน่นอน
“เฉลิมชัย” ชูโมเดลเลี้ยงแพะเสริม
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เตรียมทำโมเดลการเลี้ยงแพะในสวนยางให้เกษตรกรเสริมรายได้ โดยมีแนวทางการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ “กระบี่เมืองแพะ” พร้อมกับจัดตั้งกองทุนแพะเพื่อการผลิต การสร้างโรงงานแปรรูปเนื้อแพะแช่แข็ง เพราะเนื้อแพะมีฐานตลาดกว้างและมั่นคง มีกลุ่มลูกค้าหลักคือ กลุ่มมุสลิมในประเทศ และตลาดส่งออก ตรงกับที่ กยท.มีนโยบายเปลี่ยน หรือปรับโครงสร้างอาชีพให้เกษตรกรชาวสวนยางทำเป็นอาชีพเสริม หรืออาชีพหลักสร้างรายได้ โดยจะมีการทำแบบครบวงจรคือทำโรงงานชำแหละเนื้อแพะ โรงงานแปรรูปเพื่อส่งออกให้ถูกต้องตามหลักอาหารฮาลาล
ภท.คึกคักทำบุญก้าวสู่ปีที่ 13
วันเดียวกันเวลา 09.00 น. ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีการจัดงานทำบุญก่อตั้งพรรคครบ 12 ปี ก้าวสู่ปีที่ 13 มีบรรดาแกนนำพรรค นำโดยนายอนุทินชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เลขาธิการพรรค พร้อม ส.ส.สมาชิกพรรค เข้าร่วมงานคึกคัก มีสมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และจัดทำพิธีทางศาสนาอิสลาม โดยมีตัวแทนพรรคการเมืองร่วมอวยพร อาทินายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ นายวัฒนา เมืองสุข ตัวแทนพรรคไทยสร้างไทย และนายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐมาร่วมอวยพร โดยนายอนุทินจัดทำกระเป๋าสีขาวที่มีโลโก้พรรคภูมิใจไทยแจกเป็นที่ระลึก นายอนุทินกล่าวว่า ทิศทางการเมืองพรรคเน้นปกป้องสถาบันดูแลประชาชน
ส่ง “ศุภชัย-ภราดร” คุยแก้ รธน.
ต่อมาเวลา 13.00 น. มีการประชุม ส.ส.พรรค มีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค เป็นประธานการประชุม เพื่อหารือเตรียมความพร้อมจัดประชุมสามัญพรรคประจำปี 64 ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา พรรคภูมิใจไทยมอบหมายให้นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง โฆษกพรรคภูมิใจไทย ไปประสาน2 พรรคคือ พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคชาติไทยพัฒนา เพื่อหารือแนวทางทำรัฐธรรมนูญ ส่วนของพรรคภูมิใจไทย เน้นแก้ประเด็นเพื่อปากท้องประชาชน สำหรับการประชุมร่วมรัฐสภา วันที่ 7-8 เม.ย. ลงมติร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พรรคภูมิใจไทยจะเห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้