พปชร.มัดมือชกพรรคร่วมรัฐบาล 7 เม.ย. ชิงธงยื่นร่างแก้ไข รธน. 5 ประเด็น 13 มาตรา “ไพบูลย์” โอ่กลับไปใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ มี ส.ส.เขต 400 ปาร์ตี้ลิสต์ 100 คน ทุกพรรคต้องส่งผู้สมัครไม่น้อยกว่า 100 เขต ได้คะแนนไม่ถึงร้อยละ1 ไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ไม่นับรวมคิดสัดส่วนแก้ปัญหา ส.ส.ปัดเศษ ไม่แตะอำนาจ ส.ว.เลือกนายกฯ ขู่ไม่รับเนื้อหาที่เกินจากนี้ “ปชป.-ภท.-ชทพ.” กอดคอดัน 4 ร่างรื้อ 4 ปม พท.ซัดไม่จริงใจ เสนอแก้แบบศรีธนญชัย ตบตายื้อสืบทอดอำนาจ รักษาระบอบ “ประยุทธ์” “เทพไท” อัดปาหี่ปล่อยฟรีโหวตหลอกลวงชาวบ้าน “วิษณุ” ชี้รื้อระบบเลือกตั้ง ต้องทำกฎหมายลูกรีบยุบสภาไม่ได้ กมธ.ตั้งเงื่อนไขเพิ่มประชาชนเข้าชื่อทำประชามติ 5 หมื่นคนจากเดิม 1 หมื่นคน

พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ชิงธงนำแถลงเตรียมยื่นญัตติเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ รายมาตรา รวม 5 ประเด็น โดยไม่แตะต้องอำนาจ ส.ว.เลือกนายกรัฐมนตรี ขณะที่พรรคฝ่ายค้านระบุเป็นการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบศรีธนญชัย พยายามรักษาฐานสืบทอดอำนาจรัฐบาลปัจจุบัน

“ไพบูลย์” ชงร่างแก้ รธน.5 ประเด็น

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 2 เม.ย.ที่รัฐสภา นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แถลงว่า ขณะนี้ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ได้ร่วมลงชื่อเพื่อเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเป็นรายมาตราครบถ้วนเเล้ว จะยื่นต่อนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาวันที่ 7 เม.ย.ประเด็นที่เสนอแก้ไขตกผลึกในรายมาตรา ยกร่างออกมาเป็นญัตติดังกล่าว 5 ประเด็น 13 มาตราคือ 1.แก้ไขเพิ่มเติมหมวด 3 สิทธิและเสรีภาพแก้ไขมาตรา 29, 41 และ 45 เพิ่มสิทธิในกระบวนการยุติธรรมซึ่งเพิ่มขึ้นอีก 8 อนุมาตราในมาตราที่ 29 และเพิ่มให้ชุมชนมีสิทธิได้รับความช่วยเหลือทางกฎหมายจากรัฐในการฟ้องหน่วยงานของรัฐเดิมในมาตรา 41 เขียนให้มีการฟ้องร้องเฉยๆแต่ชุมชนไม่ทราบว่าจะฟ้องร้องอย่างไร

...

บัตร 2 ใบ ส.ส.เขต 400 ปาร์ตี้ลิสต์ 100

นายไพบูลย์กล่าวว่า 2.ทุกพรรคการเมือง ในขณะนี้มีปัญหาการทำไพรมารีโหวต จึงแก้ไขมาตรา 45 โดยนำรัฐธรรมนูญปี 50 มาตรา 47 มาใช้แทน และแก้ไขระบบเลือกตั้งมาตรา 83, 85, 86, 90, 91, 92 และมาตรา 94 ให้การเลือกตั้ง ส.ส.เป็นแบบบัตรสองใบ เหมือนรัฐธรรมนูญปี 40 และ 50 ให้มี ส.ส.แบบแบ่งเขต 400 คน และแบบบัญชีรายชื่อ 100 คน และแก้ให้ กกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งภายใน 30 วันจากเดิม 60 วัน รวมทั้งให้พรรคการเมืองใดที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตแล้วไม่น้อยกว่า 100 เขต จึงมีสิทธิส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ เพื่อป้องกันไม่ให้มีพรรคการเมืองที่จัดตั้งขึ้น ส่งแต่ผู้สมัครบัญชีรายชื่อ เป็นปัญหาให้ กกต.ในการเผยแพร่ผู้สมัครไปทั่วประเทศ หากไม่แก้จะทำให้มีพรรคการเมืองหลายร้อยพรรค แต่เมื่อแก้แล้วจะทำให้เหลือแค่หลายสิบ พรรคที่เข้าหลักเกณฑ์ หากพรรคการเมืองใดได้คะแนนน้อยกว่าร้อยละ 1 ของคะแนนเสียงรวมทั้งประเทศ ให้ถือว่าไม่มี ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองนั้นได้รับเลือกตั้ง และไม่ให้นำคะแนนเสียงดังกล่าว มารวมคะแนนเพื่อหาสัดส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งแก้ประเด็นนี้เพื่อไม่ให้มี ส.ส.ปัดเศษ

ตัดเชือกมัด ส.ส.–เปิดปากถุงถลุงงบฯ

นายไพบูลย์กล่าวต่อว่า 3.แก้มาตรา 144 แก้ไขเกี่ยวกับบทบัญญัติเรื่อง พ.ร.บ.งบประมาณเพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำงานสะดวกขึ้น จึงเอาข้อความตามรัฐธรรมนูญปี 50 มาตรา 168 มาใช้แทน ประเด็นที่ 4.แก้ไขมาตรา 185 ให้ ส.ส.ติดต่อประสานงานกับหน่วยงานราชการได้ เพื่อช่วยเหลือประชาชนโดยไม่ถือเป็นการแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่โดยใช้รัฐธรรมนูญปี 40 มาตรา 114 มาใช้แทน และประเด็นที่ 5 แก้ไขบทเฉพาะกาลมาตรา 270 เกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศจากเดิมให้ ส.ว.ติดตามเร่งรัดการปฏิรูปประเทศให้รัฐสภามีหน้าที่ปฏิบัติแทน

ไม่แตะอำนาจ ส.ว.เลือกนายกฯ

นายไพบูลย์กล่าวว่า คิดว่าในการยื่นแก้ไขในวันที่ 7 เม.ย. และจะมีการเปิดประชุมสภาฯสมัยสามัญในวันที่ 22 พ.ค.เรียนประธานรัฐสภาว่า ขอให้จัดประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 25 พ.ค.เพื่อพิจารณาร่างฉบับพลังประชารัฐเสนอเป็นวาระแรก ถ้าพิจารณาวาระแรกได้ในวันที่ 25 พ.ค. กมธ.คงใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนแล้วเสร็จปลายเดือน มิ.ย.และเข้าสู่การพิจารณาวาระ 2 ที่ประชุมรัฐสภาต้นเดือน ก.ค. และวาระที่ 3 น่าจะกลางเดือน ก.ค. อย่างช้าปลาย ก.ค. ร่างพรรคพลังประชารัฐ ส.ว.เห็นชอบด้วย ขอเรียกร้องฝ่ายค้าน หรือ ส.ส.ที่ต้องการยื่นญัตติแก้ไขพิจารณาเนื้อหาตามที่พรรคพลังประชารัฐเสนอ เพราะ ส.ส.พลังประชารัฐจะไม่ยอมรับเนื้อหาที่เกินไปกว่า 5 ประเด็นที่เสนอโดยเฉพาะเรื่องให้ตัดอำนาจของ ส.ว. ร่วมลงมติเลือกนายกฯในรัฐสภา ญัตติที่เสนอมีเพียง ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ พรรคเดียวร่วมลงชื่อ ส่วนการไม่ร่วมเสนอญัตติร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลอีก 3 พรรคเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเพราะอาจมีความเห็นไม่ตรงกัน

ไม่ยุบสภาฯเชื่อ รบ.อยู่ครบเทอม

เมื่อถามว่าการแก้ไขระบบเลือกตั้งจะทำให้พรรคพลังประชารัฐได้เปรียบในการเลือกตั้งครั้งหน้าใช่หรือไม่ นายไพบูลย์กล่าวว่า เชื่อว่าพรรคพลัง-ประชารัฐได้รับความนิยมจากประชาชนเพิ่มมากขึ้น ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อรองรับการยุบสภาช่วงปลายปี 2564 ตนไม่เชื่อว่าจะยุบสภาฯ เพราะรัฐบาลจะอยู่ครบเทอมถึงปี 2565 จากที่พูดคุยกับ ส.ส.พรรคฝ่ายค้านและรัฐบาลไม่มีใครอยากยุบสภา ส่วนที่มีระบุว่าหากแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วต้องยุบสภาฯนั้น ที่ผ่านมาไม่เคยมีธรรมเนียมปฏิบัติดังกล่าว และรัฐบาลไม่เคยระบุว่าต้องยุบสภา และไม่เคยได้ยินประเด็นนี้จากฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

“เทพไท” ซัดปาหี่ฟรีโหวตต้มชาวบ้าน

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ชัดเจนว่าจะมีการเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราทั้ง 2 กลุ่ม มีร่างของพรรคพลังประชารัฐที่จะแก้ไข 5 ประเด็น 13 มาตราและพรรคร่วมรัฐบาลอีก 3 พรรค คือพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทยและพรรคชาติไทย-พัฒนาจะเสนอญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายฉบับรวม 6 ประเด็น 6 ฉบับ เป็นท่าทีพรรคร่วมรัฐบาลที่สร้างความแปลกใจให้สังคมเกิดคำถามว่าทำไมพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดไม่เสนอญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญร่วมกันทั้งที่ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล หรือต้องการให้พรรคร่วมรัฐบาลฟรีโหวตเหมือนตอนลงมติวาระ 3 ของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ถูกคว่ำมาแล้ว แต่ไม่มีใคร หรือพรรคการเมืองใดออกมาแสดงความรับผิดชอบอะไรเลย

ท้า “บิ๊กตู่” จริงใจชูธงนำเองสยบม็อบ

“การเปิดโอกาสให้พรรคร่วมรัฐบาลแต่ละพรรค เสนอญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยอิสระแสดงความไม่จริงใจและไม่เอาจริงเอาจังผลักดันนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เป็นการแสดงละครตบตาประชาชน เพื่อต้องการลดกระแสเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่กำลังเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลอยู่ตอนนี้ ถ้าหากรัฐบาลจริงใจและต้องการให้นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลเป็นจริงในทางปฏิบัติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ หัวหน้ารัฐบาล ต้องเป็นผู้ชูธงนำแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยตัวเอง จะได้สยบความเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองภาคประชาชนที่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่ในขณะนี้ด้วย” นายเทพไทกล่าว

พท.ซัดแค่รักษาระบอบประยุทธ์

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ชัดเจนว่าไม่ต้องการแตะมาตราที่เกี่ยวข้องกับ ส.ว.และมาตราเกี่ยวข้องกับอำนาจ คสช. เป็นข้อจำกัดที่เลี่ยงและต้องปกป้องเต็มที่ หากไปแตะจะทำให้โอกาสแก้ไขรัฐธรรมนูญปิดทันที จึงเป็นการแก้ไขภายใต้ข้อจำกัด เพราะพรรค พปชร.เป็นส่วนหนึ่งของการสืบทอดอำนาจ ตกอยู่ภายใต้ความกดดันเช่นกัน เชื่อว่าการเสนอแก้ไข 5 มาตรา เพราะไม่ต้องการไปรื้อนั่งร้านหรือไปแก้ส่วนที่ผู้มีอำนาจไม่ต้องการให้แก้จึงทำได้แค่นี้ ประชาชนได้ประโยชน์อะไร เพราะเสนอเพื่อหาทางออกรักษาอำนาจระบอบประยุทธ์ไว้ ไม่จริงใจที่จะแก้ไขในส่วนของการสืบทอดอำนาจเลย แค่หวังลดความกดดันของประชาชนที่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย แต่พรรคพลังประชารัฐหวังรักษาอำนาจระบอบประยุทธ์ ไว้เพื่อสืบทอดอำนาจต่อไป

สับศรีธนญชัยยื้อเวลาตบตา ปชช.

น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า แก่นของปัญหาไม่ถูกยกมาแก้ไข โดยเฉพาะที่มา ส.ว.ไม่ยึดโยงประชาชนเป็นเครื่องมือค้ำยันอำนาจให้ พล.อ.ประยุทธ์ รวมถึงแผนยุทธศาสตร์ 20 ปีอุปสรรคพัฒนาประเทศ เป็นเพียงการพยายามรักษาผลประโยชน์ตนเองและพวกพ้องยื้อเวลาตบตาประชาชนแบบศรีธนญชัยมีเป้าหมายสืบทอดอำนาจเท่านั้น ที่ผ่านมาพรรค พปชร.ร่วมมือกับ ส.ว.คว่ำร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมวาระ 3 วันนี้มายื่นญัตติแก้รัฐธรรมนูญรายมาตรายิ่งแสดงให้เห็นความไม่จริงใจ สังคมตั้งคำถามถึงวาระซ่อนเร้นที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง สัปดาห์หน้าพรรคเพื่อไทยจะสรุปแนวทางแก้รัฐธรรมนูญและสร้างประชาธิปไตย ผลักดันร่าง พ.ร.บ.ประชามติ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาในที่ประชุมรัฐสภา เพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญในอนาคต

3 พรรคร่วมฯดัน 4 ร่าง รื้อ 4 ปม

นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา เปิดเผยว่า เบื้องต้น 3 พรรคร่วมรัฐบาลมีข้อตกลงร่วมกันจะเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 4 ฉบับ แบ่งเป็น 4 ประเด็น ได้แก่ 1.การแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ว่าด้วยการแก้ไขหลักเกณฑ์ออกเสียงวาระแรกและวาระสาม ที่ใช้เสียงเห็นชอบ 3 ใน 5 ตามที่รัฐสภาเคยเห็นชอบ แทนการใช้เสียง ส.ว. 1 ใน 3 หรือ 84 เสียง 2.กระบวนการเลือกตั้ง ระบบเลือกตั้ง ยังไม่ตกผลึกว่าจะใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวหรือ 2 ใบ 3.กระบวนการทำงานในรัฐสภา เช่น หมวดว่าด้วยการปฏิรูปเห็นควรให้รัฐสภาพิจารณาแทน ส.ว. และควรพิจารณาความคืบหน้าทุก 1 ปี และ 4.ประเด็นสิทธิเสรีภาพประชาชน การกระจายอำนาจ ทั้งนี้ จะนำผลการศึกษาของ กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ชุดที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกฯ เป็นประธานมาร่วมพิจารณา ส่วนที่พรรคพลังประชารัฐเตรียมยื่นญัตติแก้รัฐธรรมนูญ 13 มาตรา ระบุว่า หากญัตติอื่นเสนอแก้เกินกรอบจะไม่ลงมติให้ ส่วนตัวมองว่าเป็นสิ่งที่พิจารณาภายหลังได้ สิ่งสำคัญอยู่ที่ ส.ว.จะเห็นด้วยหรือไม่ ไม่ใช่เฉพาะ ส.ส.พลังประชารัฐ อีกทั้งประเด็นขอแก้ไขมาตรา 256 ที่ผ่านมาวุฒิสภาเห็นด้วยกับการแก้ไขใช้เสียง 3 ใน 5 มาแล้ว

“วิษณุ” ชี้รื้อระบบ ลต.รีบยุบสภาไม่ได้

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯให้สัมภาษณ์ว่าเห็นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรค พปชร.แล้วดูสวยดี ไม่ได้มีข้อห่วงใยเพราะเป็นประเด็นที่พูดคุยกันมานานแล้ว แต่ห่วงการแก้ไปใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ยังไม่ค่อยแน่ใจว่าเห็นพ้องต้องกันแล้วหรือไม่ เมื่อถามว่าฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตเป็นเพียงการลดกระแสสังคม แต่ข้อเท็จจริงยังคงสืบทอดอำนาจอยู่ นายวิษณุกล่าวว่า ก็ไม่ได้ว่าอะไร ถึงเวลาโหวตเขาก็นับคะแนนเสียงกึ่งหนึ่งของรัฐสภา และ ส.ว.ต้องให้ความเห็นชอบ 1 ใน 3 ยังมีอยู่ แต่อย่างน้อยประเด็นเหล่านี้ได้แก้ไปลอตหนึ่งก่อน แต่ยังไม่ไปถึงต่ออายุ ยืดอายุสภาหรือแม้กระทั่งยุบสภาไม่น่าจะเกี่ยวอะไร ในความเป็นจริงยุบสภาไม่ได้ เพราะถ้าแก้ระบบเลือกตั้งจำเป็นต้องทำกฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ถ้าเห็นพ้องต้องกันอย่างเร็ว 2-3 เดือน ต้องดูว่าจะตรงกับช่วงเปิดปิดสมัยประชุมหรือไม่ ต้องเข้าที่ประชุมร่วมเพราะเป็นกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ จะรีบยุบสภาไม่ได้

ถอดสลัก ครม.ไม่ต้องรับโทษยกชุด

นายวิษณุกล่าวว่า สำหรับมาตรา 144 การตรวจสอบการใช้งบประมาณ ไม่ได้แก้ไขอะไรมากเพียงแต่แก้บทกำหนดโทษที่เขียนไว้พะรุงพะรัง เช่น หากมีความผิดให้ ครม.พ้นจากตำแหน่งทั้งหมด ไล่ไปถึง ผอ.สำนักงบประมาณก็มีความผิดด้วย เขาตัดส่วนนี้ออกซึ่งต้องไปแก้มาตรา 185 ให้สอดคล้องกัน ข้อห้ามแทรกแซงแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการยังคงอยู่ ไม่ได้เป็นปัญหาเพราะแก้กลับไปเป็นตามรัฐธรรมนูญปี 2550 ขอยืนยันว่าหลักของมาตรา 144 ยังอยู่ คือ ส.ส.จะแปรญัตติในทางที่เปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมงบฯไม่ได้ แต่ลดงบฯได้ส่วนมาตรา 270 เขาเข้าไปแก้ให้ ส.ส.เข้ามารับผิดชอบด้วยติดตามเรื่องการปฏิรูปประเทศเรื่องยุทธศาสตร์ชาติและการรายงานของรัฐบาลต่อรัฐสภาจากเดิม 3 เดือนเปลี่ยนเป็น 1 ปี ถือว่าดี ส่วนสิทธิเสรีภาพของประชาชนก็ดีขึ้น เมื่อถามว่ารัฐบาลจำเป็นต้องเสนอร่างแก้ไขของรัฐบาลด้วยหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ยังไม่เคยเห็นพูดกันในส่วนนี้ เมื่อถามย้ำว่าก่อนหน้านี้นายกฯเคยบอกว่าจะมีร่างแก้ไข รธน.ของรัฐบาล นายวิษณุถามกลับว่า “ท่านพูดหรอ” สื่อจึงตอบกลับไปว่าพูดก่อนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจะถูกคว่ำในวาระ 3 นายวิษณุจึงตอบกลับไปว่า “ไม่ทราบ”

“ประวิตร” ยันยังไม่มีร่างพรรคร่วมฯ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจะมีของพรรคร่วมรัฐบาลฉบับเดียว ไม่ใช่ของพรรคใครพรรคมันหรือไม่ว่า ยังไม่มี แล้วแต่พรรคร่วมฯจะเสนออย่างไร แต่ร่างที่เสนอเป็นของพรรคพลังประชารัฐ เมื่อถามย้ำว่าสุดท้ายแล้วจะมีร่างของพรรคร่วมหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ยังไม่รู้เลย เพราะต้องมีการพูดคุยและหารือกันในพรรคร่วมฯอีกที” ช่วงท้ายผู้สื่อข่าวถามว่าวันนี้ดูสุขภาพแข็งแรง พล.อ.ประวิตรตอบว่า “แข็งแรงอะไร จะเดินไม่ไหวแล้ว”

เพิ่ม 5 หมื่นชื่อขอทำประชามติ

เมื่อเวลา 12.00 น. ที่รัฐสภา นายวันชัย สอนศิริ ส.ว. ฐานะ โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ รัฐสภา แถลงว่า ที่ประชุม กมธ.ได้ลงมติต่อประเด็นการกำหนดจำนวนประชาชน ที่เสนอเรื่องให้ ครม.ดำเนินการจัดให้มีการออกเสียงประชามติ จากเดิมที่ประชุม กมธ.เห็นควรใช้เกณฑ์ 10,000 คน แต่ล่าสุดมติเสียงข้างมากเห็นชอบให้ปรับเป็น 50,000 คน ซึ่งการพิจารณาเรื่องที่รัฐสภาและประชาชนเสนอให้ทำประชามติ ให้ยึดรัฐธรรมนูญ มาตรา 166 มีหลักเกณฑ์สำคัญคือกรณีมีเหตุอันสมควร ครม.จะขอให้ออกเสียงประชามติเรื่องใดที่ไม่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญได้ ครม.ถือมีสิทธิใช้ดุลพินิจที่จะดำเนินการหรือไม่ก็ได้โดยคำนึงถึงงบฯ และเหตุแห่งความจำเป็น บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยดี เชื่อว่าการพิจารณาของรัฐสภา วันที่ 7 เม.ย.จะผ่านพ้นไปด้วยดี ไม่มีเหตุให้กฎหมายสะดุดในชั้นวาระ 3 หรือวาระหลังจากนั้น เมื่อถามว่าการให้สิทธิ์ขาด กับ ครม. พิจารณาเรื่องที่ต้องทำประชามติ อาจเปิดช่องให้เตะถ่วงได้ นายวันชัยกล่าวว่า แล้วแต่เพราะอำนาจการกำหนดให้ออกเสียงประชามติเป็นของครม. ซึ่งต้องใช้ความรอบคอบ เพราะเกี่ยวข้องกับการใช้งบประมาณ

6 เม.ย.ล่าชื่อรื้อระบอบประยุทธ์

วันเดียวกัน คณะก้าวหน้า ประสานงานสื่อมวลชนเชิญร่วมแถลงข่าวเปิดแคมเปญ “ขอคนละชื่อ รื้อระบอบประยุทธ์” ชวนประชาชนลงชื่อแก้รัฐธรรมนูญ เปิดทางสู่ประชาธิปไตย วันที่ 6 เม.ย. เวลา 15.00 น. ที่ห้องอเนกประสงค์ 1 หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพฯ ของ “Re-Solution ถึงเวลารัฐธรรมนูญใหม่” เป็นความร่วมมือของคณะก้าวหน้า กลุ่มรัฐธรรมนูญก้าวหน้า พรรคก้าวไกล และโครงการอินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอลอว์) เปิดตัวแคมเปญล่ารายชื่อเสนอแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญปี 60 รายมาตรา 4 ประเด็นหลัก

โละ ส.ว.-ศาล รธน.-แผนยุทธศาสตร์

“4 ประเด็นหลักที่ต้องแก้ไข คือ 1.ล้มวุฒิสภา เดินหน้าสภาเดี่ยว 2.โละศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระ ปฏิรูปที่มาอำนาจการตรวจสอบ 3.เลิกแผนยุทธศาสตร์ชาติ แผนปฏิรูป ปลดโซ่ตรวนอนาคตประเทศ 4.ล้างมรดกรัฐประหาร หยุดวงจรอุบาทว์ ขวางประชาธิปไตย จะเปิดโต๊ะลงชื่อครั้งแรก พร้อมมีการบรรยายหลายหัวข้อ อาทิ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ บรรยายเรื่อง “ล้มวุฒิสภา เดินหน้าสภาเดี่ยว” นายปิยบุตร แสงกนกกุล บรรยาย หัวข้อ “โละศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระ” และ “ล้างมรดกรัฐประหาร หยุดวงจรอุบาทว์ขวางประชาธิปไตย” ช่วงท้าย น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผลหรือมายด์ แกนนำคณะราษฎร เข้าร่วมกล่าวถึงเหตุผลการร่วมเป็นหนึ่งรื้อระบอบประยุทธ์”

จวก ก.ม.ข้อมูลข่าวสารปิดตา ปชช.

นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ เตรียมส่งให้รัฐสภาพิจารณาว่า เป็นสัญญาณร้ายของรัฐบาลสืบทอดเผด็จการที่ต้องการปิดหูปิดตาประชาชน ไม่ให้ตรวจสอบการกระทำไม่ชอบ เหมือนที่เคยปิดปากปิดกั้นการแสดงออกของประชาชนด้วย พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ปี 2550 (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม) ที่เพิ่มความเข้มข้นให้อำนาจเจ้าหน้าที่จับกุมผู้เห็นต่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เนื้อหา พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการเขียนสื่อความหมายกว้างๆครอบจักรวาล จงใจหวงแหนปกปิดข้อมูลฝ่ายความมั่นคงของรัฐ ด้านการทหาร การป้องกันประเทศ ข้อมูลภาคเอกชนโดยเฉพาะนายทุนที่ทำธุรกรรมกับรัฐอาจถูกปกปิดด้วย จากนี้การตรวจสอบการทำธุรกิจภาคเอกชนกับรัฐยากจะตรวจสอบอดคิดไม่ได้ว่าข้อมูล เช่น งบฯ ทหารจัดจ้างโครงการต่างๆ งบซื้ออาวุธ การประมูลโครงการของรัฐโดยกลุ่มนายทุน ที่อาจเอื้อประโยชน์จะเป็นความลับ หากสภาฯ และพรรคร่วมรัฐบาลร่วมสังฆกรรมร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้จะลิดรอนเสรีภาพคนไทยทั้งประเทศ ให้จมอยู่ในความไม่รู้ไม่เห็น

“ประวิตร” โต้บ่อบาดาลรัฐขุดลึกถึงแพง

เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการขุดเจาะน้ำบาดาลของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลที่มีราคาสูงเกินไป หากเทียบกับที่ น.ส.พิมรดาภรณ์ เบญจวัฒนะพัชร์ หรือพิมรี่พาย แม่ค้าขายของออนไลน์ชื่อดัง ที่ใช้เงินส่วนตัวในการดำเนินการขุดเจาะน้ำบาดาลประมาณ 190,000 บาท ว่า ราคาจะแพงหรือไม่แพงขึ้นอยู่กับความลึกของบ่อน้ำบาดาล ถ้าขุดลึกก็ใช้งบประมาณมาก ถ้าขุดตื้นใช้งบฯน้อย บ่อน้ำทั้งหมดจะเท่ากันได้อย่างไร บางทีบ่อลึก 300 ถึง 400 เมตร จะให้ราคาขุดเท่ากับบ่อที่ลึก 30 เมตร ได้อย่างไร และท่อที่ใส่ไปก็ไม่เหมือนกัน เมื่อถามว่างบฯของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลแพงกว่าเป็น 10 เท่า พล.อ.ประวิตรกล่าวว่าราคาเราตรวจสอบได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปอย่างโปร่งใส และมีการตรวจสอบในการขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลทุกบ่ออยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานใด

รมช.ขาใหญ่ขอตั้งเลขาฯ-ทปษ.เสมา 1

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 1 เม.ย. น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ คนใหม่ ได้เป็นประธานพิธีจัดงานวันสถาปนากระทรวงศึกษาธิการ ครบรอบ 129 ปี ตรงกับวันที่ 1 เม.ย. ของทุกปี จากนั้นได้เข้าปฏิบัติงานในห้องทำงานบนอาคารราชวัลลภตามปกติ แต่ได้มี รมช.กระทรวงอื่นรายหนึ่งเข้ามาขอพบเป็นการส่วนตัว โดยไม่ได้นัดหมายล่วงหน้า โดยได้กล่าวแสดงความยินดี พร้อมอ้างว่าเป็นผู้สนับสนุนให้ น.ส.ตรีนุชเป็น รมว.ศึกษาธิการ และอยากให้ประสานการทำงานระหว่างกันเพื่อสนับสนุนการทำงานในพื้นที่ และแก้ไขปัญหาให้ ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ และ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล จึงขอเป็นผู้เสนอชื่อบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ และหากเป็นไปได้อยากจะเสนอตัวเลขานุการ รมว.ศึกษาธิการ จากทีมเดียวกันเพื่อให้เป็นทีมเวิร์ก จะคัดเลือกผู้ที่มีประสบการณ์มาช่วยงาน ซึ่ง น.ส.ตรีนุชไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ

“โรม” ยื่นฟ้องหมิ่นฯ “สิระ-ชัยยันต์”

ที่ศาลอาญา เมื่อเวลา 10.00 น. นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พร้อมทีมทนายส่วนตัว เข้ายื่นฟ้องนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ และนายชัยยันต์ ผลสุวรรณ์ ส.ส.ปทุมธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) ข้อหาหมิ่นประมาท ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ตาม ป.อาญามาตรา 328 และเรียกค่าสินไหมทดแทน 50 ล้านบาท เป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญา โดยนายรังสิมันต์เผยว่ามาฟ้องนายสิระในฐานะประธาน กมธ.การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาฯ รวมถึงนายชัยยันต์ เนื่องจากได้แถลงข่าวลักษณะพยายามทำให้สังคมเข้าใจว่าตนมีส่วนเกี่ยวข้องสั่งการให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ จับเด็กไล่ที่ชาวบ้านออกจากที่ดินที่เป็นที่อยู่อาศัยบนเกาะงำ จ.ภูเก็ต ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เวลานั้นเป็น ส.ส.ฝ่ายค้านอายุงานประมาณ 6 เดือน คงไม่สามารถไปสั่งการให้เจ้าหน้าที่รัฐกระทำการดังกล่าวได้ เป็นเรื่องหมิ่นประมาททำให้ตนเสียหาย ต่อมาศาลรับคำฟ้องไว้ไต่สวนวันที่ 9 ก.ค. เวลา 09.00 น. ต่อไป

คู่กรณีขู่ระวังดาบนั้นคืนสนอง

ที่รัฐสภา นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะ กมธ.การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาฯ แถลงข่าวร่วมกับนายชัยยันต์ ผลสุวรรณ์ ส.ส.ปทุมธานี พรรคเพื่อไทย กรณีถูกนายรังสิมันต์ฟ้องหมิ่นประมาทว่า นายรังสิมันต์ ยื่นฟ้องดำเนินคดีตนคดีอาญาได้ หากไม่ถูกต้องตนและนายชัยยันต์จะใช้สิทธิ์คืนตามกระบวนการยุติธรรมที่นายรังสิมันต์ยื่นเรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท ตนมีตังค์จ่าย ถ้าเราไม่ผิดจะขอใช้สิทธิ์ดาบนั้นคืนสนองแล้วกัน