แก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องผ่านประชามติ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จากนี้ไปจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนก่อน-หลัง คือ “ประชามติ” จากประชาชนที่จะชี้ขาด

การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่รัฐสภาดำเนินการมาจนเข้าสู่วาระ 3 ปรากฏว่าไม่ผ่าน เพราะเสียงสนับสนุนไม่ถึงกึ่งหนึ่งก็ต้องตกไป

ต่อไปหากคิดจะแก้ไขก็ต้องทำประชามติเสียก่อน เพราะต้องปฏิบัติตาม “กติกา” ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยชี้ขาดออกมาแล้ว

ถือเป็นจุดเปลี่ยนอย่างมีนัยสำคัญทางการเมือง

เพราะจากนี้ไป ใครที่จะเสนอให้มีการแก้ไขจะต้องผ่านประชามติเสียก่อน ทำให้ยากเข้าไปอีก ขนาดผ่านช่องทางรัฐสภาที่ว่ายากกลับยากมากเข้าไปอีก

รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันนั้นถือเป็น “นวัตกรรม” ทางการเมืองที่คิดค้นขึ้นมาจากบรรดานักกฎหมายผู้เชี่ยวชาญ

เพื่อสนองความต้องการของ “ผู้มีอำนาจ”

การลงมติในวาระ 3 ที่ผ่านมา เพราะเสียงเห็นชอบให้มีการแก้ไขไม่ถึงกึ่งหนึ่งก็ต้องตกไป แต่ที่น่าสนใจคือ ลีลาของนักการเมืองที่แสดงออกมากกว่า

พรรคเพื่อไทยถือว่าเป็นตัวตั้งตัวตีในเรื่องนี้มาตั้งแต่ไก่โห่ ที่ไม่พอใจเนื้อหาของรัฐธรรมนูญซึ่งนอกเหนือจากให้อำนาจเต็มๆแล้ว

ยังคิดถึงวิธีการเพื่อเป็น “เกราะกำบัง” อำนาจเอาไว้ให้นานที่สุด

“รัฐธรรมนูญ” ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุด จึงมีความสำคัญยิ่ง เพราะจะเป็นตัวกำหนดอำนาจหน้าที่ และความรับผิดชอบ

แค่คิดง่ายๆ เมื่อรัฐธรรมนูญฉบับนี้เอื้อประโยชน์ทุกด้าน จึงมีความจำเป็นที่จะต้องหาวิธีเพื่อให้การแก้ไขเป็นไปได้ยาก

...

มาถึงตอนนี้คงเห็นผลลัพธ์ที่ตามมาแล้ว

ว่าไปแล้ว การลงมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบที่ปรากฏออกมานั้น ไม่ต้องกล่าวถึงพลังประชารัฐและวุฒิสภา ส่วนใหญ่เพราะไม่ต้องการให้มีการแก้ไขอยู่แล้ว

แต่พรรคร่วมรัฐบาลนั้นเห็นได้ชัดเจนถึงกระบวนท่าเพื่อ “เอาตัวรอด” จากเกมนี้ไปให้ได้อย่างภูมิใจไทยและชาติไทย-พัฒนา

2 พรรคนี้สนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญสอดรับกับประชาธิปัตย์ แต่ท่วงทำนองในการแสดงออกมานั้นต่างกัน

“ประชาธิปัตย์” ประกาศชัดเจนยกมือหนุนแน่ แต่เมื่อศาลรัฐธรรมนูญและที่ปรึกษากฎหมายของสภาชี้ว่า ลงมติไม่ได้เพราะขัดต่อรัฐธรรมนูญ

ภูมิใจไทยและชาติไทยพัฒนาลอดช่องเล็กด้วยการวอล์กเอาต์ ออกจากห้องประชุม และไม่ลงมติแต่อย่างใด

แล้วก็โยนกลองไปพลังประชารัฐว่าเบี้ยวข้อตกลง ด่าว่ายิ่งกว่า “สภาโจ๊ก” โดยเอาเหลี่ยมมุมมาเป็นเงื่อนไข

พูดง่ายๆที่ไม่ลงมติก็เพราะ “พลังประชารัฐ”

ที่จริงแล้ว ว่ากลัวการลงมติมากกว่า และยังหาคะแนนจากมวลชนที่ต้องการให้มีการแก้ไขก็เลยรอดตัวไป

อย่าว่าแต่ฝ่ายรัฐบาลเลย เพื่อไทยตัวตั้งตัวตีแท้ๆยังโดดหนีเลย.

“สายล่อฟ้า”