คนทั่วไปอาจจะไม่รู้ว่ารัฐบาลไทย มีหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องกับการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารอยู่มากมาย อาจจะเผยแพร่ทั้งข่าวจริงและข่าวลวง และอาจจะไม่มีเฉพาะหน่วยงานฝ่ายทหาร แต่มีหน่วยงานฝ่ายพลเรือนด้วย แม้แต่กระทรวงวัฒนธรรมก็มีหน่วยงานที่เรียกว่า “กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์” เพื่อต่อต้านข่าวลวง

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการบริหารกองทุน ได้กล่าวเปิด “การแสดงความร่วมมือในการรับมือกับข่าวปลอม Fake News” ว่าในปัจจุบันมีการกระจายข่าวลวงมาถึง จึงต้องร่วมมือกันสร้างสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เพื่อต่อต้านข่าวลวง ด้วยการให้ประชาชนมีองค์ความรู้

ต้องยอมรับว่าเป็นเจตนาที่ดียิ่ง ที่จะส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้เท่าทันต่อการเผยแพร่ข่าวปลอมที่ระบาดทั่วโลก ส่วนในประเทศไทย เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ยักษ์ใหญ่สื่อสังคมของโลกคือเฟซบุ๊ก ได้สั่งปิดบัญชีปฏิบัติการข่าวสาร (ไอโอ) ของทหารไทย 185 บัญชี ที่ใช้โจมตีฝ่ายที่เห็นต่างรัฐบาล

รายงานข่าวระบุว่าเป้าหมายของไอโอ ได้แก่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เกิดความไม่สงบมากว่าสิบปี ปฏิบัติการไอโอของฝ่ายทหาร มุ่งโฆษณาจูงใจให้คนเชื่อ และโจมตีนักการเมืองฝ่ายค้าน รวมทั้งนักหนังสือพิมพ์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และนักวิชาการ เมื่อเดือนตุลาคม 2563 ก็เคยคิดเรื่องแบบนี้

นั่นก็คือ “ทวิตเตอร์” ยักษ์ใหญ่สื่อสังคมของโลกอีกสำนักหนึ่ง สั่งปิดบัญชีปฏิบัติการด้านข่าวสาร ของกองทัพไทย ถึง 900 บัญชี ด้วยเหตุผลคล้ายกับเฟซบุ๊ก โดยกล่าวหาด้วยว่ากองทัพไทยใช้ไอโอ เพื่อโจมตีพรรคอนาคตใหม่ และนักการเมืองฝ่ายค้านอื่นๆ และมีการอภิปรายเรื่องนี้ในรัฐสภา

...

หลังจากที่เกิดเรื่องครั้งใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหม ได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหมตรวจสอบ และชี้แจงข้อเท็จจริงต่อประชาชน แต่ไม่ทราบว่าจะให้ใครตรวจสอบ จะให้กองทัพตรวจสอบกันเอง จะได้รับความเชื่อถือจากประชาชนหรือไม่

ผลการตรวจสอบ นายกรัฐมนตรีและประชาชน จะได้รับทราบข่าวจริงหรือข่าวลวง ในสังคมประชาธิปไตย หน่ายงานของรัฐจะต้องไม่ใช่ผู้หลอกลวงประชาชน ด้วยการแพร่ข่าวลวง แต่จะต้องให้ข่าวที่เป็นจริงต่อประชาชนอย่างรอบด้าน เพื่อให้รู้เท่าทันการณ์ เป็นประชาชนที่มีคุณภาพในสังคมประชาธิปไตย.