นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ให้กำลังใจลูกจ้าง 7 องค์กร กำชับ กสร.เร่งช่วยเหลือแก้ปัญหาข้อพิพาทแรงงานโดยเร็ว พร้อมรับหนังสือข้อเรียกร้อง กรณีที่ลูกจ้างได้รับผลกระทบ

เมื่อวันที่ 10 มี.ค. ที่บริเวณชั้นล่าง อาคารกระทรวงแรงงาน นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ลงมาพบปะพูดคุยเพื่อให้กำลังใจกับลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาด้านแรงงานขององค์กรแรงงาน จำนวน 7 องค์กร เพื่อดำเนินการหาแนวทางการช่วยเหลือตามขั้นตอนของกฎหมายคุ้มครองแรงงาน โดย รมว.แรงงาน กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และกระทรวงแรงงาน ภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้มีความห่วงใยพี่น้องผู้ใช้แรงงานทุกคนทุกกลุ่มเป็นอย่างยิ่ง ให้ดูแลดุจคนในครอบครัว จึงได้สั่งการให้กระทรวงแรงงานทำงานเชิงรุก ติดตามให้ความช่วยเหลือ และให้การสนับสนุนผู้ใช้แรงงานในทุกมิติ ซึ่งในวันนี้ผมได้ลงมาติดตามปัญหาของพี่น้องผู้ใช้แรงงานด้วยตนเอง ซึ่งกรณีปัญหาด้านแรงงานของแต่ละสหภาพแรงงานนั้น ผมได้สั่งการให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เข้าไปเร่งรัด ติดตาม และรายงานผลกลับไปโดยเร็วที่สุด

...

โอกาสเดียวกันนี้ มี นางอภันตรี เจริญศักดิ์ รองประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) และคณะ ได้นำลูกจ้าง จำนวน 250 คน ได้เข้าขอบคุณรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานที่ได้ผลักดันและช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 33 จำนวน 9.27 ล้านคน ให้ได้รับการช่วยเหลือรายละ 4,000 บาทเป็นผลสำเร็จ และเข้ายื่นหนังสือข้อเรียกร้องของลูกจ้างได้รับผลกระทบจากปัญหาข้อพิพาทด้านแรงงาน ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เพื่อนำเสนอปัญหาและหารือแนวทางการแก้ไขปัญหา โดยมีประเด็นปัญหาดังนี้ 1) สหภาพแรงงาน (สร.) ซัมมิทแหลมฉบัง โอโต บอดี้ กรณีนายจ้างสร้างหลักฐานการกลับเข้ามาทำงาน โดยจ่ายค่าจ้างให้พนักงานจำนวน 7 วัน และเลิกจ้างพร้อมนำเงินส่งสำนักงานประกันสังคมเป็นเหตุให้ลูกจ้างเสียสิทธิกรณีว่างงานในงวดสุดท้าย 2) สหภาพแรงงานผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไทย (บริษัท โตโยต้า โกเซรับเบอร์ ประเทศไทย จำกัด) บริษัทฯ กล่าวหา นายสุนทร เพชรอ้อน ว่ายุยงปลุกปั่นพนักงานและให้นายสุนทรฯ กับพวก 14 คน อยู่นอกบริษัทฯ อ้างปรับปรุงบริษัทฯ และมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เรื่อยมา สร.ได้ยื่นคำร้องขอให้ ครส. พิจารณาวินิจฉัยและออกคำสั่งว่าการกระทำของบริษัทฯ เป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ 2518 และให้บริษัทฯ ยกเลิกคำสั่งให้พนักงาน 14 คน กลับเข้ามาทำงานในตำแหน่งเดิม รวมถึงจ่ายเงินพิเศษให้กับพนักงาน 14 คน แต่พนักงาน 14 คน ไม่ได้รับเงินพิเศษแต่อย่างใด 3) สหภาพแรงงานผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไทย (ลูกจ้างของบริษัทพงศ์พาราโคนันรับเบอร์ จำกัด) นายจ้างยื่นคำร้องต่อศาลแรงงานขออนุญาตเลิกจ้าง นายสมคิด ของนา กับพวก 8 คน คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาถึงวันที่ 30 ม.ค.64 ซึ่งมิชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากศาลยังไม่อนุญาตให้บริษัทฯ เลิกจ้างคดีอยู่ในระหว่างกระบวนการพิจารณาของศาลแรงงาน 4) สหภาพแรงงานยาชิโยด้า แห่งประเทศไทย กรณีบริษัทฯ ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย เลิกจ้างกรรมการ สร.โดยไม่มีข้อหา เนื่องจากนายจ้างไม่ต้องการให้ลูกจ้างไปยื่นคำร้องที่ สสค.ปทุมธานี และอยู่ในระหว่างเรียกนายจ้างไปชี้แจงข้อเท็จจริง 5) สหภาพแรงงานบริษัท สยามยาชิโยะ จำกัด บริษัทฯ ไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงงาน พ.ศ. 2541 โดยใช้อำนาจโดยไม่ชอบในการกลั่นแกล้งพนักงานไม่ให้สามารถทำงานต่อไปได้ จนไม่ได้รับค่าชดเชยตามกฎหมาย และ 6) สหภาพแรงงานวิงสแปนสัมพันธ์ฯ ประเด็นปัญหาบริษัท รักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานไทย จำกัด อาทิ เรื่องการโอนย้ายพนักงานที่ไม่เป็นธรรม การประกาศใช้นโยบาย Work From Home กับพนักงานตรวจค้นรายเดือน (บังคับให้หยุดงาน) และหักเงินเดือนพนักงาน หากพนักงานไม่มาทำงานในวันที่สั่งหยุด ให้พนักงานรักษาการทำงาน 8 ชม. โดยไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าห้องน้ำหรือทำธุระส่วนตัวที่จำเป็น ทำให้พนักงานหญิงมีปัญหาสุขภาพ บริษัทฯ ออกประกาศเพิ่มชั่วโมงการทำงานจาก 8 ชม. เป็น 12 ชม. ในแผนกรักษาความปลอดภัย บริษัทฯ ไม่มีการจัดหาห้องพยาบาล และห้องพักผ่อนไว้ให้พนักงาน บริษัทฯ ไม่มีคณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ตามกฎหมาย ฯลฯ และ 7) บริษัท ยูชิน ประเด็นติดตามความคืบหน้าคำสั่งคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา ว่าขณะนี้มีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง

ด้าน นางอภันตรี เจริญศักดิ์ รองประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) กล่าวได้ขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่ได้ช่วยเหลือพี่น้องผู้ใช้แรงงาน โดยผลักดันโครงการ ม.33เรารักกัน เป็นผลสำเร็จ เนื่องจากที่ผ่านมาผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมยังไม่เคยได้รับการช่วยเหลือใดๆ มาก่อน รัฐบาลและกระทรวงแรงงานได้เล็งเห็นความสำคัญ แม้ว่าเงินจำนวน 4,000 บาท จะไม่มาก แต่ก็สามารถช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของพี่น้องผู้ใช้แรงงานได้มาก ซึ่งเงินเหล่านี้ยังจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศให้กลับมาฟื้นตัวโดยเร็วอีกด้วย