“อนุทิน” นำทีมรับมอบวัคซีนโควิด-19 จากแอสตราเซเนกา 117,300 โดส เก็บเข้าคลังของกรมควบคุมโรค เผย “บิ๊กตู่” อยู่ในกลุ่มรับวัคซีนนี้ได้

เมื่อเวลา 16.00 น. วันนี้ (8 มี.ค. 2564) ที่คลังวัคซีนกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ร่วมพิธีตรวจรับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จากบริษัท แอสตราเซเนกา (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 117,300 โดส

นายอนุทิน กล่าวว่า ประเทศไทยจัดหาวัคซีนโควิดจำนวน 63 ล้านโดส แต่เนื่องจากเหตุการณ์ระบาดระลอกใหม่ จึงมีการประสานจัดหาวัคซีนเข้ามาเพื่อรองรับสถานการณ์ ซึ่งแอสตราเซเนกาจัดหามาจากแหล่งผลิตในต่างประเทศตามคำร้องขอจำนวน 117,300 โดส ถือเป็นส่วนหนึ่งของวัคซีน 61 ล้านโดสที่จะผลิตในประเทศ โดยวัคซีนมาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2564 และส่งมอบวัคซีนให้แก่กระทรวงสาธารณสุขในวันนี้ โดยบริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินการขนส่งโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย จากการตรวจพบว่าวัคซีนอยู่ในสภาพสมบูรณ์และเก็บเข้าคลังวัคซีนกรมควบคุมโรคที่ควบคุมอุณหภูมิตามมาตรฐาน

...

“หลังจากนี้จะนำไปฉีดให้แก่กลุ่มเป้าหมายต่อไป ซึ่งวัคซีนของแอสตราเซเนกาจะครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายที่อายุมากกว่า 60 ปี โดยการกระจายวัคซีนจะมีคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนโควิด-19 ดำเนินการจัดสรร ส่วนนายกรัฐมนตรีมีอายุมากกว่า 60 ปี อยู่ในเกณฑ์ที่ได้รับวัคซีนได้ นอกจากเป็นบุคคลสำคัญของประเทศ มีการประชุมและพบปะผู้คนจำนวนมาก ยังสร้างความเชื่อมั่นในการฉีดวัคซีนด้วย”

สำหรับคลังวัคซีนกรมควบคุมโรค เป็นที่จัดเก็บวัคซีนสำคัญของประเทศ เช่น วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่, หัด หัดเยอรมัน, โปลิโอชนิดรับประทาน, คอตีบบาดทะยัก, วัคซีนไข้เหลือง, วัคซีนไข้กาฬหลังแอ่น, อหิวาตกโรค และวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า เป็นต้น ทั้งนี้ มีการทดสอบระบบทุกสัปดาห์ มีระบบสำรองไฟฟ้ากรณีไฟฟ้าดับหรือเหตุไม่คาดคิด มีกล้องวงจรปิดแบบเรียลไทม์ในทุกจุดสำคัญ มอบหมายผู้รับผิดชอบเพื่อบริหารจัดการจัดเก็บกุญแจที่ชัดเจน สแกนการเข้าออกคลังวัคซีนแบบจดจำใบหน้า และมีระบบแจ้งเตือนกรณีอุณหภูมิเปลี่ยนไปนอกเหนือจากช่วงอุณหภูมิที่กำหนดไว้

นายอนุทินกล่าวว่า ในส่วนของวัคซีนซิโนแวคอีก 800,000 โดส ที่จะเข้ามา นายหยาง ซิน อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย แจ้งว่าทางการจีนได้อนุมัติและประสานบริษัทผู้ผลิตแล้ว คาดว่าจะมาถึงวันที่ 25 มี.ค. และยังขอเสนอให้ประเทศไทยพิจารณาฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่คนสัญชาติจีนที่อาศัยในประเทศไทย โดยประเทศไทยจะทำหนังสือแสดงความจำนงขอการสนับสนุนวัคซีนจากประเทศจีนในฐานะมิตรประเทศต่อไป หากให้วัคซีนมาก็อาจระบุเงื่อนไขว่าให้ดูแลคนจีนในประเทศไทยด้วย รวมถึงขอให้พิจารณาร่วมกับประเทศจีนจัดตั้งศูนย์การฉีดวัคซีนให้ชาวจีนโพ้นทะเลในภูมิภาคอาเซียน และเสนอเรื่องการยอมรับวัคซีนพาสปอร์ตระหว่างสองประเทศเป็นบับเบิลกัน เพื่อให้การเข้าประเทศมีความสะดวกขึ้น"