สำนวน ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ ก็พูดๆกันติดปากมานาน ดูนางให้ดูแม่ ก็พอเข้าใจ แต่“ดูช้างให้ดูหาง” ผมเคยลองถามหลายคน...ไม่รู้หรอก “ดูตรงไหน ดูยังไง?”

หนังสือ “ช.ช้างกับ ฅ.ฅน” (ศรัณย์ ทองปาน สำนักพิมพ์สารคดีพ.ศ.2550) ใกล้มือ ผมเจอหัวข้อนี้ ก็ตั้งใจอ่าน

คุณศรัณย์ เกริ่นว่า สำนวนนี้ดูเหมือนคนไทยจะชอบเปรียบช้างกับผู้หญิง

ครั้งหนึ่ง หลายสิบปีมาแล้ว มีคำเปรียบเปรย “พังแป้น” ช้างพังเชือกหนึ่งที่คนรุ่นเก่าใช้ กระทบถึงสาวหุ่นบิ๊กไซส์

สำนวนดูช้าง คงหมายถึงช้างเผือก เพราะเกณฑ์ที่จะใช้พิจารณาว่า ช้างเชือกใด จะถือว่าเป็นช้างสำคัญหรือไม่นั้นก็คือ ต้องดูคชลักษณ์ 7 ประการ

หนึ่งในนั้นคือขนหางขาว

ส่วนที่ว่าดูนางนั้น หมายถึงการพิจารณาหญิงสาวที่จะมาเป็นภรรยา ว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร อบรมเลี้ยงดูกันมาอย่างไร

อีกสำนวน ที่ว่าด้วยเรื่องช้าง นาง และการดูเหมือนกัน ก็คือ ดูช้างให้ดูหน้าหนาว ดูสาวให้ดูหน้าร้อน

หน้าหนาวนั้น ช้างตกมัน ช้างเชือกไหนห้าวหาญดุดันอย่างไร ก็จะได้เห็นกัน

ส่วนหน้าร้อน ก็อย่างที่รู้ๆ พอร้อนๆ คนก็จะนุ่งน้อยห่มน้อย สาวๆจะได้อวดรูปโฉมโนมพรรณกันก็ตอนนี้

แน่นอน สำนวนพวกนี้ ย่อมออกมาจากปากของผู้ชาย

ถ้าเป็นในแบบสตรีนิยมหน่อย ก็อาจจะอธิบายได้ว่า ผู้ชายเห็นว่าทั้งสองสิ่ง คือผู้หญิงและช้าง ล้วนเป็นทรัพย์สินของตน

ในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา เมื่อพระเจ้าหงสาวดีส่งสาส์นมาทูลขอแบ่งช้างเผือก พระมหาจักรพรรดิผู้ทรงครอบครองช้างเผือกถึงเจ็ดเชือก

ทรงตอบไปว่า “ธรรมดาประเทศธานีใด มีนางรูปงาม มีช้างเผือกช้างเนียม บ่อแก้วเงินทอง ก็เป็นประเพณีที่จะเกิดยุทธการ”

...

โวหารฟังนิ่มๆประโยคนี้ แปลง่ายก็ได้ความว่า “แน่จริง ก็มาแย่งไปเองสิ”

การเปรียบเทียบผู้หญิงกับช้าง ยังมีอยู่ในโวหารของกวีโบราณ เช่นเวลาชมนางงามในวรรณคดี ก็ว่าเดินเหมือนช้างหรือมีแขนเหมือนงวงช้าง

คำเปรียบเทียบนี้ มาจากคติของอินเดีย ที่ว่าด้วยลักษณะของบุรุษและสตรี ซึ่งถือกันว่าเป็นเลิศ ตามคัมภีร์มหาปุริสลักษณะ

ศรัณย์ ทองปาน จบเรื่องนี้อย่างอารมณ์ดีว่า ความงามตามอุดมคติแขกๆ อาจไม่ถูกรสนิยมคนไทยสมัยนี้

เพราะหากไปออกปากชมคุณน้องว่า เดินเหมือนช้าง หรือแขนเธอเหมือนงวงช้าง

อย่างเบาะๆก็คงจะโดนเธอฟาดงวงฟาดงา อย่างแรงก็อาจจะเจอ ช้างกระทืบโรงเข้าให้

บ้านเมืองเรา ตอนนี้ท่านผู้นำกำลังมีเรื่องแบบ ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ คือพิจารณาหาคนเก่งคนดีมาทำงานกระทรวงสำคัญ บางชื่อที่ถูกเสนอออกมา ชาวบ้านไปถึงนักข่าวถึงกับหลุดปากทัก “ยี้”

คนที่ถูกทัก มีเรื่องเล่าอื้อฉาวมานาน ท่านเคยเข้ากระทรวงย่อมๆกระทรวงหนึ่ง สิ่งแรกที่ทำก็คือประชุมบอก ของบประชาสัมพันธ์ไปใช้ก่อน

สิ่งต่อมา สั่งให้ยกเลิกสัญญารับเหมาอาคารกระทรวงฯ...ที่เพิ่งเซ็นกันไป “พวกผมมี” ท่านไม่อ้อมค้อมเลย

ส่วนเรื่องงบอื่นๆ/อีกมากมาย ท่านก็ว่าของท่านไป

คนแบบนี้ไม่ใช่ช้าง แต่สมัยหนึ่งมีการใช้สำนวน “ไม่ทันไรหางก็โผล่”

แต่ผมก็เชื่อของผมล่ะครับ ท่านผู้นำมีจริตไปทางชอบใช้คนดี คงไม่ปล่อยให้เข้าไป เพราะท่านก็คงคิดเหมือนชาวบ้าน คือ สงสารเด็ก สงสารครู และที่น่าสงสารมากกว่าอะไร ก็คือบ้านเมือง.

กิเลน ประลองเชิง