เปิดยูทูบเจอหัวข้อ “จิตนิพพาน” มีภาพสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตฺโต) ดึงดูดใจให้ผมแตะฟัง คำถามฟังเหมือนจากโยมอาวุโส ขอให้ท่านสอนเรื่อง “นิพพาน” จะเอาไปสอนลูกสอนหลานต่อ
สำหรับผม นี่เป็นคำถามหัวข้อธรรมข้อใหญ่ มีความลึกซึ้งซับซ้อนจนน่าจะเกินสติปัญญาญาติโยมและลูกหลานจะเข้าใจง่ายๆ
น้ำเสียงพระเดชพระคุณอาจารย์เปี่ยมเมตตา ท่านสอนเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายๆได้อย่างน่าอัศจรรย์
“เอาแค่ทำใจให้ “ปราโมทย์” ก็แล้วกัน”
ท่านยกคำบาลี “ปาโมชฺชพหุโล” แล้วอธิบาย พระพุทธเจ้าตรัสสอนบ่อยๆ ว่าพลังแห่งความปราโมทย์ คือภาวะจิตที่เบิกบาน บันเทิงนั้น ทำให้จิตเปิดรับ ปัญญา และสุดท้ายไปลงตัวที่สมาธิ
ธรรมะชุดนี้เริ่มต้นด้วย ปาโมช (ความเบิกบาน) ปีติ (ความอิ่มใจ) ปัสสัทธิ (ความผ่อนคลาย) และ จบ ที่สุข
จิตที่สุข สมาธิก็เกิด ปัญญาก็เกิด
พระเดชพระคุณอาจารย์ เอ่ยคำบาลี แต่ผมจดทันแต่คำแปล “ผู้มากปราโมทย์ จะทำทุกข์ให้สิ้น”
การทำทุกข์ให้สิ้น ก็คือความหมายของนิพพาน เป็นอันว่า ท่านอาจารย์ใช้คำสอนสั้นๆ โดยย้ำว่า “ถ้าอยากนิพพาน ก็รักษาจิต อย่าโกรธเท่านั้นก็พอ
หากมีใครมาชวนทะเลาะ ก็ต้องพยายาม “ปราโมทย์ไว้ๆ” ไม่ทะเลาะกัน”
ถึงตอนนี้ มีเสียงพระหนุ่มถาม ถ้ากระนั้น ความสนุกบันเทิง จากทางโลก หนังละคร ดนตรี...ก็คือความปราโมทย์ เหมือนกันหรือไม่
พระเดชพระคุณอาจารย์ ตอบว่า จิตปราโมทย์แบบนี้ต้องรู้เท่าทัน อย่าหลงระเริงไป แต่เรื่องเพลงนั้น พระพุทธเจ้า ไม่ถึงกับทรงห้ามขาด ไม่ให้ใช้
...
ถ้าใช้เพลงเกื้อกูลให้เข้าใจในทางธรรม ก็ใช้ได้เหมือนกัน
เรื่องจิตนิพพาน ที่พระเดชพระคุณอาจารย์สอน “นิพพาน” ไม่ใช้เรื่องยากไกลตัว ทำได้ด้วยใจตัวเอง
ได้นิพพานที่เป็นยารักษาใจมนุษย์แล้ว ผมก็นึกขึ้นมาได้ยา “ปราโมทย์” ขนานนี้ น่าจะใช้รักษาอาการป่วยทางเศรษฐกิจของบ้านเมืองได้
ตลอดปีสองปีที่ผ่านมา รัฐบาลสู้กับโควิด-19 ด้วยการย้ำเขย่าใจคนไทยให้รักษาตัวกลัวภัย ไม่ออกจากบ้าน ไม่เข้าใกล้ใคร...
ผลก็คือ กลไกเศรษฐกิจประเทศล่มสลาย คนจนๆจะอดตายกันทั้งบ้านทั้งเมือง
ช่วงโควิดรอบ 2 รัฐเริ่มรู้ชัดเจนว่า พิษของโรคเศรษฐกิจ รุนแรงกว่า พิษจากโควิด-19 เมื่อพยายามควบคุมจำกัดจุดแพร่โรคใหญ่ได้แล้ว ก็เริ่มผ่อนคลาย
คำสั่งสุดท้าย ยอมให้กินเที่ยวได้ ไม่เกินห้าทุ่ม ก็แค่นี้
วันหยุดสามวันที่ผ่านมา รถบนถนนเริ่มติด เส้นทางไปต่างจังหวัดที่รถบางตามาแรมปีเริ่มมีรถหนาตา
เพื่อนผมเล่าว่า เส้นทางสายใต้ออกจากกรุงเทพฯ กว่าจะไปถึงปราณบุรีใช้เวลาห้าชั่วโมง
ตลาดอัมพวาที่ผมเพิ่งบ่นๆไปสองวันที่แล้ว วันหยุดที่ผ่านมา เริ่มมีผู้คนแวะเวียนไปเดิน
สถานการณ์ของบ้านเมือง ก็เป็นเช่นที่สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตฺโต) ท่านว่า แค่ทำใจให้ปราโมทย์ คือ รื่นเริงบันเทิงเข้าไว้ อะไรๆที่ซึมเซาอับเฉาก็พลิกฟื้นสดชื่นทันตาเห็น
ส่วนเรื่องการเมืองนั้น สถานการณ์นี้ ฝ่ายค้านเดินหมากนั่งบนภูดูเสือสู้กัน ปราโมทย์ไปพลางๆ เพราะจบอภิปรายไม่ไว้วางใจฝ่ายรัฐบาลเริ่มหันมาตะลุมบอนแย่งเก้าอี้รัฐมนตรีกันเอง.
กิเลน ประลองเชิง